:::     :::

"ช้า ไม่ชัวร์ และกำลังเป็นตัวตลกในตลาดนักเตะ" ฝีมือล้วนๆของEd [ภาคต้น]

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
4,889
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความเฟลของตลาดซื้อขายนักเตะปีนี้ ที่ควรจะเป็นปีสำคัญแห่งการนำเข้าสายเลือดใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงยูไนเต็ด แต่ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะพังอีกครั้ง

ขณะที่บทความนี้ออก ผมเชื่อว่าทีมอื่นกำลังเดินเกมซื้อขายนักเตะอย่างสนุกสนาน และได้ทีมที่ใกล้เคียงกับความพร้อมในการลุยไล่ล่าความสำเร็จในซีซั่นหน้าแล้วกันอย่างเต็มที่  ทีมประเภทที่สมบูรณ์อยู่แล้วอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ก็จะชิลๆหน่อยเพราะแทบจะไม่ต้องเสริมอะไรมากให้ร้อนใจ  นำเข้านักเตะชั้นเยี่ยมเข้ามาร่วมกับทีมเพื่อ "ล่าแชมป์" นั้น ไม่ว่าใครก็อยากมาอยู่ด้วย ขอเพียงแค่ชายตาไปมอง แล้วกำเงินไปวางไว้ให้ต้นสังกัดนิดหน่อย   นักเตะก็แทบจะสลัดผ้าผ่อน ถอดเสื้อเปลี่ยนสีได้อย่างไว

แต่ตรงกันข้าม  ทีมที่มีปัญหารอบด้าน และต้องรีบทำการแก้ไขปัญหามากที่สุดในโลกแน่ๆแล้วทีมหนึ่งอย่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่มีภาระการปรับแก้ไขมากมาย  กลับกลายเป็นทีมที่ดำเนินการได้ช้าที่สุด จากการที่ใช้เวลาตั้งเนิ่นนานจนจะขึ้นเดือนJulyอยู่แล้ว แต่กลับได้นักเตะดาวรุ่งระดับแชมเปี้ยนชิพมาเสริมทีมเพียงแค่ 1 รายเท่านั้นในรายของเจ้าหนู แดเนียล เจมส์ ที่ถึงแม้จะมีแวว แต่เจมส์ไม่ใช่นักเตะตัวความหวังที่จะเข้ามาแล้วยกระดับทีมได้เลยทันที แต่ซื้อมาเพื่ออนาคตและเป็นกำลังเสริมในแนวรุกเราเท่านั้นเอง

แต่ปัญหาที่เหลือในทีมยังมีอีกเป็นล้าน


ซึ่งตอนนี้อีกแค่อาทิตย์กว่าๆจะเข้าสู่เดือนกรกฏาคมแล้ว ซึ่งเป็นเดือนที่มีแมตช์ปรีซีซั่นเริ่มแข่ง แมตช์แรกวันที่ 13 กรกฎาคม นี้กับ เพิร์ท กลอรี่ ที่ออสเตรเลีย ก่อนที่ไม่กี่วัน นักเตะแมนยูก็ต้องระเห็จบึ่งบินกลับมาอังกฤษ เตะกับลีดส์ ยูไนเต็ดอีกวันที่ 17 ในระยะ4วันเท่านั้น ซึ่งแทบไม่มีเวลาพักเลย ก่อนที่ 20 จะต้องบินไปเตะที่อิตาลีอีกกับอินเตอร์ มิลาน ซึ่งถึงตอนนั้นเราอาจจะได้เผชิญหน้ากับลูคาคูในฐานะนักเตะอินเตอร์แล้วก็เป็นได้ (ฮา)  ถัดมา5วัน พอมีเวลาหายใจหายคอ แต่ก็ต้องเจอกับศึกใหญ่การลองทีมกับ ท็อตแน่ม ในวันที่25 ก่อนที่สุดท้าย 3สิงหา ยังต้องมาเจอกับ เอซีมิลานอีก ซึ่งหนักๆแทบทุกแมตช์

คำถามคือ ปรีซีซั่นโหดขนาดนี้ แต่ทีมเราก็ยังเป็นทีมเดิมของฤดูกาลที่แล้วเป๊ะๆ แถมยังเพิ่มเติมความฉิบหายวายวอดด้วย

  1. นักเตะวัยรุ่นหลงระเริงว่าตัวเองเป็นซุปตาร์แล้ว2คนที่ฟอร์มไม่เอาอ่าว
  2. นักเตะตัวแบกทีมที่ประกาศชัดเจนว่าอยากจะย้ายทีมไปหาความท้าทายใหม่ๆเต็มแก่แล้ว
  3. นักเตะดาวรุ่งในตำแหน่งกองหน้ารุ่นเยาวชน ที่ดูเหมือนจะเริ่มจะทำตัวย้ายเข้าแก๊งค์ไอ้พวกข้อ1
  4. กองหน้าตัวหลักของทีมที่ต้องการย้ายทีม และมีคนมารอดักไปรับเลี้ยงถึงหน้าบ้านตลอด24ชม. อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น


คือห่วยเท่าเดิมไม่พอ แถมทีมยังเกิดปัญหาวิกฤตศรัทธาของนักเตะ แฟนบอล และปัญหาการบริหารงานของบอร์ดบริหาร กับสิ่งที่เฮดโค้ชต้องการนั้น ทำงานไม่สัมพันธ์กันเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง ปรีซีซั่นที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ต้องมีการเรียกตัวกลับมาซ้อมทีมกันตั้งแต่ต้นJulyกันแล้ว แต่จนถึงตอนนี้นักเตะแต่ละคนยังกระจัดกระจาย บางคนมีหน้าที่รับใช้ทีมชาติ แถมเล่นอย่างเทพอย่าง อเล็กซิส ซึ่งก็น่าจะกลับมารายงานตัวช้าหน่อย และอีกหลายๆคน

คำถามคือ นักเตะใหม่ก็ไม่เข้ามา นักเตะเก่าบางตัวก็อยากจะออกไป นักเตะหลักก็ฟอร์มห่วยบรมห่วย สภาพของทีมเละเทะ และsquad harmonyแทบจะไม่เหลือแล้วจากการประกาศตัวอย่างไม่เคารพสโมสรของนักเตะหลายๆคน อันส่งผลให้บรรยากาศห้องแต่งตัว และความรู้สึกเพื่อนร่วมทีมมันแตกต่างไปจากปกติอย่างแน่นอน


ปรีซีซั่นจะเริ่มแล้วในอีกสัปดาห์กว่าๆข้างหน้าที่ต้องเริ่มกลับมาทำงาน แต่ทีมมีปัญหาอยู่อีกเพียบ

คำถามก็คือ แล้วเราจะเอาทีมที่ไหนไปลองปรับใช้ในช่วงทดลองแข่งปรีซีซั่นเหล่านั้น เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกให้พร้อมยิ่งขึ้น

คำตอบก็คือ ไม่มี..

จากปัญหาความล่าช้าสุดๆจนเอาจริงๆตอนนี้แมนยูเตรียมตัวปรีซีซั่นไม่ทันแล้ว เพราะยังขาดนักเตะอีกจำนวนมากที่ต้องซื้อเข้ามาเสริมทีมและยังไม่ได้เลยสักตัว ไม่ว่าจะเป็นแบ็คขวา48ชั่วโมง / กองหลังราคาแพง / กลางรับดาวรุ่งที่ข่าวเงียบลงๆ / กองหน้าตัวใหม่ / กลางรุกที่น่าจะต้องมาแทนพ่อแชมป์โลกคนนั้น ฯลฯ จนกำลังจะเข้าเดือนใหม่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ต้องด่ากันหน่อยก็คือ แมนยูไนเต็ดตอนนี้ทำอะไรอยู่?

ดำเนินงานได้โคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรช้าาาาาาาาาาาาาาาาาา

หันไปดูทีมอื่นๆ เขามีจุดอ่อนอะไร หรือต้องเพิ่มเติมจุดไหน ทีมอื่นได้ค่อยๆทำการซื้อนักเตะมาเสริมทีมกันเรียบร้อยแล้วในระดับแนวหน้า หรืออย่างน้อยที่สุดก็มีข่าว มีแววว่าจะได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าช้าหรือเร็ว   และรวมถึง "จำนวนของปริมาณปัญหาในทีม" ของพวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่เยอะเท่าแมนยูไนเต็ดด้วย  ดังนั้นทีมเหล่านั้นแทบจะไม่ต้องก้นร้อนเรื่องการซื้อขายนักเตะเลย แต่ต่างกับแมนยูที่แทบจะต้องผ่าทั้งทีม  ซึ่งถ้าช้าแบบนี้ จะเอาแค่สักครึ่งทีม (4-5ตัว) ยังเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆเลย เพราะตอนนี้ผ่านมานานมากหลังปิดฤดูกาล  พี่แกเพิ่งได้ตัวเดียว

ความช้าที่เกิดขึ้นนี้ คือผลงานชิ้นโบว์ดำสุดเน่าแบบเต็มๆของบอร์ดบริหารสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง CEOผู้ซึ่งกุมอำนาจการซื้อขายนักเตะทั้งหมดเอาไว้ในมืออย่าง Ed Woodward หรือ "อดีตลอร์ดเอ็ด"ของแฟนผี ซึ่งอวตารลอร์ดเอ็ดได้หมดเวลาอัลติไปแล้ว  ณ ปัจจุบันเหลือเพียงแต่  "ไอ้เอ็ด" เท่านั้น

การตัดสินใจในดีลต่างๆของWoodwardนั้นต้องบอกได้เลยว่า เชื่องช้าสุดๆ ทั้งในด้านการตัดสินใจ และการดีลนักเตะ ตัดสินใจได้ไร้ความเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเอา ด้วยการทุ่มเงิน ตกลงสัญญาเพื่อจบดีล / หรือว่าจะ "ไม่เอา" ด้วยการยุติธุรกิจแล้วหันไปมองเป้าหมายรองอื่นๆ ซึ่งเท่าที่สังเกต แมนยูไนเต็ดมีการวางเป้าหมายรองเอาไว้น้อยมาก อย่างบางตัวที่เขาไม่อยากขาย ก็ไม่ยอมหันไปหาตัวอื่นที่น่าจะทดแทนกันได้จากลีกอื่นๆเช่นบุนเดส เซเรียอา หรือลาลีกา เพราะโลกนี้ยังมีนักเตะฝีเท้าดีๆอีกเยอะแยะ

ที่ไม่จำเป็นต้องมา "จมปลัก" อยู่การเสียเวลาตามตื๊ออยากจะเอานักเตะคนนั้นให้ได้อยู่คนเดียว


แต่ก็อย่างที่เห็น ตามข่าวเลยคือ มีอยู่ชื่อเดิมๆที่ลุ้นแล้วลุ้นอีกมาเป็นเดือนๆแล้ว แต่ยังไม่เข้าใกล้เคียงการปิดดีลสักที ยื้ออยู่นั่นโดยไม่สนใจไปดูตัวรอง ไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาดเพื่อที่จะได้เอานักเตะเข้ามาเตรียมตัวกับทีมให้ได้ไวที่สุด

นอกจากความที่ "ช้าแต่ไม่ชัวร์" สุดๆแล้วนั้น  แมนยูไนเต็ดยังทำตัวเองให้กลายเป็น "ตัวตลกในตลาดซื้อขายนักเตะ" ในหลายๆครั้งที่ไปติดต่อซื้อขาย เช่น การยื่นสัญญาที่งกเกินเหตุเกินคำว่า "ฉลาดใช้เงิน" ไปเยอะมาก /  บางครั้งก็พยายามยื่นค่าเหนื่อย หรือต่อสัญญานักเตะเดิมด้วยปริมาณเงินมหาศาลที่เกินความพอดี  แล้วก็มากระอักเลือดตัวเองตายในภายหลังด้วยความพังพินาศของ "เพดานค่าเหนื่อย"  อย่างที่กำลังจะต่อสัญญาให้กับ เดเคอา 350k/w เช่นนี้  แม้จะเป็นการซื้อใจเดด้วยการแสดงความจริงใจ และแสดงความมุ่งมั่นในการคว้าความสำเร็จที่น้องมันอยากได้ก็ตาม   แต่นี่ก็กำลังจะเป็นการใช้เงินแบบเกินตัวอีกครั้งของสโมสร


แมนยูไนเต็ดนั้นมักทำตัวเหมือนคนโง่ที่เดินเข้าไปให้เจ้าของร้านโขกสับอยู่เป็นประจำ ด้วยการที่ทำการซื้อขายนักเตะแบบ "ทำตัวให้เขาถือไพ่เหนือกว่าเสมอ"  จากการที่เป็นสโมสรใหญ่ / มีเงินเยอะ / และคู่ค้ามักจะรู้ได้ง่ายอยู่เป็นประจำว่า ที่เราจะไปขอซื้อนั้นคือนักเตะที่แมนยูไนเต็ดขาด และอยากได้จริงๆแทบจะต้องก้มกราบ 

เรียกง่ายๆว่าเปิดไพ่ให้เค้ารู้หมดว่าเราจำเป็นต้องซื้อจริงๆ

ข้อเหล่านี้จึงกลายเป็นการที่ ไพ่เหนือกว่าเด้งเข้าไปอยู่ในมือคู่ค้าเราแบบออโต้ทันทีที่เราบากหน้าไปเคาะประตูสโมสร

หลายๆครั้งทีมเราจึงโดน "โก่งราคา" แบบสุดฤทธิ์อย่างไม่เกรงใจใครเลย เพราะเขารู้ว่า "เราขาดแคลนนักเตะคนนั้น"  ซึ่งเมื่อเขามีsupplyอยู่ในมือ มาเจอกับdemandที่มีเงินก้อน  การดึงเช็งโก่งดีลเรียกค่าตัวค่าเหนื่อยสูงๆ ทั้งจากสโมสรและเอเย่นต์ จึงเกิดเป็นเกมที่ทีมเราตกเป็นรองทันที  จึงเป็นข่าวที่แมนยูโดนโก่งราคาเป็นประจำ แม้กระทั่งนักเตะโนเนมจากทีมลีกที่ต่ำกว่า ยังโดนโก่งไปเป็น 40-50ล้านปอนด์อยู่บ่อยๆ (บ้าไปแล้ว)


หลายๆครั้งการจะซื้อนักเตะสักคนนึง ก็โดนเล่นแง่ด้วยการ ยื่นเงื่อนไขกลับมาแบบที่แมนยูไนเต็ดเสียเปรียบสุดๆและไม่ควรจะโง่เอาด้วย เช่นดีลของบิสซาก้า ที่bidกันอยู่นาน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบ และล่าสุดที่42.5ล้านปอนด์+add-ons แต่ก็ยังมีข่าวที่ยูไนเต็ดถูกต่อรองเพื่อที่จะเอาเงื่อนไขส่วนแบ่งค่าตัวจากการขายกับสัญญาของ Sahaออกด้วยเป็นต้น

หรือแม้กระทั่งล่าสุด ยูไนเต็ดเหมือนโดนหยามอย่างสนุกสนานด้วยการถูกตีกลับความพยายามซื้อดิย็อปจากเวสต์แฮม แต่ทางนั้นต้องการราคาระดับ60ล้านปอนด์สำหรับอิสซ่า ดิย็อป แถมยังเจอเล่นงานกลับด้วยการขอแนบเงื่อนไขเอาตัวMartialไปแลกกับทางนั้นด้วย (โคตรดูถูกเลย เอามาร์กซิยาลไปแลกดิย็อปเนี่ยนะ)


ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเห็นได้เลยว่า การเดินเกมส์ตลาดซื้อขายนักเตะของแมนยูไนเต็ดนั้น "โคตรสะเปะสะปะและไม่มีฟอร์มอย่างแท้จริง"  ไม่มีทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน แน่นอน และมีประสิทธิภาพใดๆเลย นอกจากนี้การตัดสินใจก็ยังช้า แถมยังไม่สามารถใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการทุ่มปิดดีลได้ด้วย เพราะดูท่าทางการเงินของสโมสรจะมีปัญหาจริงๆ ไม่งั้นดีลของAWB หรือแมกไกวร์ต้องจบไปแล้ว  นี่แมกไกวร์ยังจะโดนแมนซิตี้งาบตัดหน้าไปอีกคนแล้วด้วยเพราะเราสู้ราคา80ล้านไม่ไหว ทั้งๆที่แม้จะดูแพงไป แต่ถ้าเพื่อเสริมทีมด้วยนักเตะโควตาHGฝีเท้าดีอันจะมาเสริมจุดอ่อน  เราก็ควรจะทุ่มเหมือนที่ลิเวอร์พูลทำแล้วได้ผลนั่นแหละ แต่กลับไม่ทำ  พร้อมด้วยข่าวงบซื้อขายที่มีจำกัด100ล้านปอนด์เท่านั้นซึ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนน่าเกลียดแบบทุเรศทุรัง เพราะทีมระดับรองลงไปกว่านี้นิดหน่อย ในปีก่อนๆเขาก็มีงบกันหลักนี้ทั้งนั้น

แต่นี่แมนยูนะโว้ย

ข่าวที่ว่าจึงแลดูใกล้ความจริงและมีมูลมากๆ เมื่อเป้าหมายของเรามีแต่นักเตะดาวรุ่งโนเนมแทบทั้งสิ้น ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ควรจะซื้อระดับบิ๊กเนมที่ยกระดับให้ทีมเข้ามาผสมผสานด้วยอย่างที่เคยเขียนในบทความไว้ว่า จะเอาแต่ดาวรุ่งพวกนี้ไม่ได้ ต้องมีบิ๊กเนมเข้ามาเสริม ไม่งั้นพัง  แต่ตอนนี้เรายังไม่มีข่าวไหนใกล้เคียงกับการจะได้บิ๊กเนมอย่างแท้จริงเข้ามาเลย  แถมยังจะเสียบิ๊กเนมบางตัวออกไปอีก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือปัญหาในเรื่องของการวางแผนบริหารงานซื้อขายนักเตะของแมนยูไนเต็ดล้วนๆที่ส่อแววพังอีกฤดูกาลเป็นปีที่สองติดต่อกัน เพราะเชื่องช้าไม่ทันคนอื่น และไร้ประสิทธิภาพมาก ซึ่งหากพิจารณาตรงนี้แล้ว จะเห็นได้เลยว่า ปัญหาทั้งหมดมันอยู่ที่คนเกาะกุมบังเหียนตรงนี้เอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ เพราะกลัวจะเสียอำนาจสุดๆ

เขาคือ Ed Woodward นั่นแหละที่เรากำลังด่ากันอยู่


ไม่เถียงว่าEdคือนักธุรกิจและนักบริหารที่เก่งกาจในการดีลสปอนเซอร์หารายได้เข้าสโมสร ดังจะเห็นได้จากข่าวและตัวเลขที่ชัดเจนมากในหลายปีหลัง  แต่บางครั้งคนที่เก่งในการหาดีลสปอนเซอร์ ก็ไม่ได้แปลว่าจะเก่งการดีลซื้อขายนักเตะได้ดีตาม.. ปัญหาก็คือ ที่ทราบๆกันมา หลายๆครั้งWoodwardก็เป็นคนตัดสินใจเรื่องการซื้อหรือไม่ซื้อนักเตะคนใดคนนึงมา จนทำให้เราพลาดเป้าหมายไปหลายครั้งแล้ว รวมถึงเดอลิกต์สมัยยังไม่ดังด้วย

ซึ่งเรื่องตรงนี้ มันควรจะถูกกำหนดทิศทางโดยDirector of Football .. คนที่รู้เรื่องราวของมิติฟุตบอล แต่ดีลธุรกิจเป็น มองภาพกว้าง และรู้เรื่องความต้องการของทีมอย่างแท้จริง ซึ่งก็ควรจะได้มีการพูดคุยกับmanager ทีมโค้ช และมีความรู้พอควรถึงเรื่องของทีมตัวเอง"ในเชิงฟุตบอล"บ้าง ไม่ใช่แค่รู้จักแต่ธุรกิจ แล้วเลือกซื้อแต่ตัวที่เห็นว่ามีชื่อเสียง ยัดๆซุปเปอร์สตาร์เข้ามาให้ แล้วโยนให้เป็นภาระหน้าที่ของผู้จัดการทีมมาใช้งานและคอนโทรลเอาเองตามเวรตามกรรม ทั้งๆที่เขาไม่ได้ต้องการนักเตะคนนั้นใช้งานด้วยซ้ำ แต่เป็นเรื่องเชิงธุรกิจล้วนๆ


แต่จนถึงตอนนี้ DOF ยังไม่มีกระเตื้องจะแต่งตั้งอีกเลย หลังจากมีข่าวลวงลดกระแสด่าออกมาครั้งเดียว แล้วก็เงียบหายไปว่าจะตั้งภายในอาทิตย์นั้น .. นี่ผ่านมาหลักเดือนๆแล้ว ยังไม่มี และคิดว่าไม่มีทางมีด้วย

เพราะไอ้เอ็ดมันกลัวเสียอำนาจตรงนี้ไปนั่นแหละ


ดังนั้น สิ่งที่แมนยูไนเต็ดมีปัญหาอยู่ในขณะนี้เฉพาะในหัวเรื่องของ "การซื้อขายนักเตะที่ช้า ไร้ประสิทธิภาพ และไปดีลแบบถือไพ่เป็นรองเสมอๆ"  เรื่องตลาดนักเตะนี้  คือความรับผิดชอบและความล้มเหลวอันเป็นต้นเหตุมาจาก Ed Woodward แบบเต็มๆทรีนเลยอย่างไม่ต้องสงสัย

รู้รึยังว่าความฉิบหายซีซั่นก่อนและในปีนี้ที่กำลังเกิดขึ้นแล้วนั้น คือฝีมือของใคร..

แต่อ๊ะๆ เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะปัญหามันไม่ได้มีเพียงแค่ความล้มเหลวในตลาดนักเตะเท่านั้น สโมสรเรายังมีวิบากกรรมและปัญหาความล้มเหลวในเชิงโครงสร้างและการบริหารงานของสโมสรด้านอื่นด้วย

บอสใหญ่ของเราคือใครก็รู้กันดี รอรับการสับเละได้ในภาค2วันพรุ่งนี้ได้เลย

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด