:::     :::

"ไส้เน่า โคตรเศร้า เพราะเกลเซอร์" ได้เวลาปิดเกม #GLAZERSOUT [ภาคจบ]

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
9,635
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ต้นตอปัญหาของความตกต่ำทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ถ้าหากมันยังอยู่ แมนยูจะไม่มีทางกลับมาได้ ..มันคือเหล่าปลิงเกลเซอร์

มหากาพย์บทความภาคจบ ต่อเนื่องมาจากภาคต้น "ช้า ไม่ชัวร์ และกำลังเป็นตัวตลกในตลาดนักเตะ" ฝีมือล้วนๆของEd  นั่นคือความล้มเหลวด้านของการเสริมทีมในตลาดนักเตะที่ย่ำแย่ของแมนยูไนเต็ดอย่างที่เขียนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่เชื่องช้า เสริมทัพไม่ตรงจุด /  การกุมอำนาจไว้กับตัวเองแทนที่จะแต่งตั้งผู้อำนวยการฟุตบอลที่มีความรู้มาช่วยวางแผนการซื้อ / ซื้อแพงขายถูก ขาดทุนระยับ การโดนโก่งราคาแบบน่าเกลียดและยังทำตัวเสียเปรียบในการดีลกับคู่ค้า 

และที่แย่ที่สุดในยุคปัจจุบันนี้ อย่างที่ยูไนเต็ดไม่เคยเจอมาก่อน นั่นก็คือการประสบปัญหาในการต่อสัญญานักเตะแบบโง่ๆไม่สมเหตุสมผล ทั้งการต่อนักเตะประเภทที่เล่นกระจอกฟอร์มย่ำแย่ไม่เอาอ่าว  แต่ในขณะเดียวกัน นักเตะดีๆหลายคน กลับถูกปล่อยให้หมดสัญญาและเสียไปฟรีๆไม่ได้อะไรเลย ทั้งๆที่เขาเป็นนักเตะสำคัญที่รักสโมสรเสียด้วยซ้ำ

นี่คือความพังทลายที่ค่อนข้างหนักหนามากพอดูแล้ว..

แต่อย่าเพิ่งดีใจ  ไส้ในเรามันเน่ายิ่งกว่านั้นเยอะ

ต้นตอของเรื่องทั้งหมดมันทำให้ปัญหาข้างต้นที่กล่าวมา มันดูเด็กน้อยไปเลย เมื่อเราพบว่า จริงๆแล้วสิ่งที่กำลังกัดกินแมนยูไนเต็ดให้เน่าเฟะลงไปเรื่อยๆ มันคือการบริหารสโมสรของกลุ่มตระกูลเกลเซอร์ ที่เข้ามาเทคโอเวอร์ตั้งแต่ปี2005 จนมาถึงตอนนี้ก็ 14ปีเข้าไปแล้ว แต่สโมสรกลับไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย แถมยังแย่ลงๆ ทั้งๆที่ช่วงก่อนหน้านี้แมนยูไนเต็ดควรจะได้ยิ่งใหญ่กว่านี้ในยุคที่ยังมี Sir Alex Ferguson อยู่

นั่นแปลว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงฤดูกาล2013/2014 ที่ปัญหาทุกอย่างยังไม่ปะทุขึ้นมานั้น นั่นเป็นเพราะว่าการที่ยังมีป๋าของเราช่วยโอบอุ้มทีมมาโดยตลอด  และเมื่อถึงเวลาที่ป๋าออกไป สิ่งที่เป็นมะเร็งอยู่ข้างใน เมื่อไม่มีอะไรควบคุมแล้ว มันจึงเผยปัญหาที่แท้จริงออกมาว่ายูไนเต็ดกำลังเจอปัญหา   แสดงออกมาผ่านทางผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ และการเป็นหนี้ของสโมสรที่ดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน

ในช่วงที่ทุ่มหนักๆโดยเฉพาะยุคหลุยส์ ฟานกัล ที่ทุ่มซื้อนักเตะราคาแพงๆเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนั้น เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น จริงๆสโมสรเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย แถมยังมีหนี้และดอกอีกมหาศาลอีกต่างหาก อันเป็นบาปจากเจ้าของทีมล้วนๆ

ไม่เถียงว่ามันมีรายได้เข้าสโมสรมาจากหลายๆทาง ทั้งหุ้น ทั้งค่าตั๋ว สปอนเซอร์ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้คืนทุนเข้าสโมสรเลย อย่าว่าแต่จะเอามาลงทุนพัฒนาเลย หนี้เก่ามันก็ไม่จ่าย แต่เข้ากระเป๋าเจ้าของทีมคือพวกเกลเซอร์ล้วนๆเพื่อเอาไปจ่ายดอกเบี้ย และเงินปันผลแจกจ่ายพวกพ้องตัวเองล้วนๆ  ไม่มีการนำเงินมาลงทุนพัฒนาทีมเลย

ตารางโครงสร้างการเงินและหนี้สโมสร เห็นกันจะจะว่าเกลเซอร์กำลังทำอะไรกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด


สรุปแบบสั้นๆง่ายๆ ภาษาชาวบ้านจากชาร์ทด้านบนเพื่อให้เห็นภาพ

-เริ่มต้นเกลเซอร์ก็กู้ธนาคารมาจนเป็นหนี้ เพื่อมาซื้อแมนยู หนี้แรกสุดในปี2005ที่เกลเซอร์กู้ก่อไว้ ข้อมูลไม่มีในตารางนี้ มันคือ525ล้านปอนด์  ส่วนทางด้าน หนี้ปัจจุบันถึงช่วงMarchที่ผ่านมาคือ 496ล้าน  แต่ถ้าไปสืบย้อนหลังมาของseptember ปีก่อน ลองไปหาดูกันได้ หนี้ของแมนยูไนเต็ดมี 487ล้าน ที่เดือนกันยายน (ดูแค่ตารางนี้ยังไม่พอจะเห็นภาพรวมนะว่าแนวโน้มของการบริหารหนี้มันเป็นยังไง) นอกจากจะไม่จ่ายแล้วยังเพิ่มขึ้นอีก นั่นแปลว่าในแต่ละปีแทบจะไม่ได้จ่ายหนี้สโมสรเกินกว่า3ล้านปอนด์เลยโดยเฉลี่ย/ปี ตลอดมาจนถึงตอนนี้ หนี้ยังทรงๆอยู่ที่เดิมที่หลักแตะ500ล้านปอนด์) , source : https://www.theguardian.com

นั่นแปลว่า หนี้เย็นที่มีอยู่ แทบไม่ถูกจ่ายชดใช้เลย ลดไปนิดเดียว  และที่เกลเซอร์จ่าย มีแต่จ่ายดอกเท่านั้น ต้นไม่คืน

-เงินถูกดึงเอาไปซื้อหุ้นแจกจ่ายให้ลูกๆของเกลเซอร์ และการเบี้ยวหนี้ไม่ยอมจ่ายคืนเงินต้นที่ว่านั้น ตั้งแต่ปี2011 (คิดเอาเองว่าปีนี้ปีอะไรแล้ว แล้วมันทำได้แค่จ่ายแต่ดอกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ใช้หนี้มา8ปีแล้ว) และดอกตรงนี้ทั้งหมด 786ล้านปอนด์

-เกลเซอร์เอาแมนยูเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คปี2012 Share Sales ผลกำไรที่ได้จากตลาดหุ้น452m หุ้น37mถูกทยอยขายในช่วง2012/2017  กำไรตลาดหุ้นได้มาทั้งหมดคิดเป็นUSดอลล์คือ572ล้านดอลลาร์ หรือ 452ล้านปอนด์ แต่เงินจำนวนนี้ไม่ถูกนำมาใช้ลงทุนให้แมนยูไนเต็ดเลยสักปอนด์เดียว (none of this has been invested to United = ปลิงชัดเจน)

-สโมสรมีการจ่ายเงินปันผลตั้งแต่ปี2013 ทุกปีๆ รวมแล้วจนถึงตอนนี้จาก2013 จ่ายเข้ากระเป๋าเกลเซอร์เองไปถึง 78m  แต่เมื่อเทียบกันกับคู่ต่อสู้ คู่อริที่เราแสนเกลียด .. ลิเวอร์พูลกับแมนซิ เจ้าของทีมไม่เอาเงินปันผลจากสโมสรเข้ากระเป๋าตัวเองเลย (ของเราโคตรพ่อโคตรแม่ปลิงดูดเลือด)

-เงินค่าจ้างค่าเหนื่อย ค่าธรรมเนียมผู้บริหารทั่วไป ตั้งแต่2011 รวมแล้วจ่ายพวกมันไป 75ล้านปอนด์ รวมค่าจ้างของพี่Woodwardด้วย  แถมต้องจ่ายค่าconsultedอีก 8ล้าน/ปี นี่ก็รายจ่ายทั้งนั้น

** สรุปแล้วแบบภาษาชาวบ้านง่ายๆคือ หนี้เก่าไม่จ่าย500ล้านปอนด์ จ่ายแต่ดอก และดอกเบี้ยเพิ่มกระจายขึ้นเรื่อยๆแตะ800ล้านปอนด์ แค่ตรงนี้รวมหนี้กับดอกเบี้ยก็ 1.3b แล้ว ยังไม่รวมรายจ่ายอื่นๆอีกเพียบดังที่ด้านบนกล่าว  ภาระทั้งหมด เกลเซอร์ผลักมาตกอยู่ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดล้วนๆ  แต่ในส่วนของผลกำไร พอได้มาทั้งหมด เข้ากระเป๋าตัวเองเกลี้ยง ไม่ลงทุนให้สโมสรเลย

นี่คือความฉิบหายวายวอดที่กำลังกัดกินแมนยูไนเต็ดอยู่ข้างใน เป็นยิ่งกว่ามะเร็งระยะสุดท้ายที่ตอนนี้ได้ค่อยๆฆ่าแมนยูให้ตายลงไปทีละน้อยๆ  ซึ่งตอนนี้สภาพโคม่าไปแล้ว เพียงแต่ว่าเรายังไม่ตาย  เราแค่ต้อง"ทนทุกข์ทรมานอยู่กับโรคร้ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ"  โดยที่แม้แต่จะกลั้นใจตายยังไม่ได้เลย

เพราะจะให้แฟนบอลกลั้นใจเลิกเชียร์แมนยู ก็เหมือนกลั้นใจตาย มันทำไม่ได้อยู่แล้วก็ต้องทนต่อไป


ในส่วนอื่นๆของความย่อยยับนั้น ยังมีอีกมากมาย จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องมานั่งดูการเงิน เรื่องเศรษฐกิจพวกนี้ให้งงหัวก็ได้ เอาแบบคิดง่ายๆตามสไตล์แฟนบอลทั่วไป  เราอาจจะเห็น Ed Woodward ไปดีลสปอนเซอร์ รับสินค้าอะไรต่างๆเข้าสโมสรมามากมายแค่ไหน แต่ถามจริงๆเหอะ ไอ้ที่ได้สปอนเซอร์เข้ามาเรื่อยๆเนี่ย แฟนบอลรู้สึกกันบ้างไหมว่า แมนยูรวยขึ้น

คำตอบคือ "ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว"

สปอนเซอร์ที่เข้ามา เหมือนละลายไปในน้ำ เพราะไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรลงทุนเพิ่ม เหมือนดีลรับงานขายผลิตภัณฑ์ ขายโฆษณาเข้ามา แต่ก็หายเงียบเข้าไปในกลีบ เพราะมันไม่มีผลอะไรให้เห็นชัดเจนเป็น"รูปธรรม" เลยแม้แต่นิดเดียว  แต่กลับกัน เราเห็นแมนยูไนเต็ดโฆษณาเยอะมากกกกก คำถามก็คือ  เงินสปอนเซอร์พวกนั้นไปไหนหมด

.. ย้อนกลับไปอ่านข้างบนๆ แล้วไม่ต้องตอบผม  ตอบตัวเองดู

เอาจริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมหงุดหงิดมานานแล้ว ไม่รู้ใครเป็นไหม แต่ผมหงุดหงิดมากทุกครั้งที่เห็นนักเตะแมนยูทำหน้ายิ้มระรื่น มาขายของ มาออกโฆษณาสินค้าต่างๆไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ดูขายของเก่ง ดูเป็นพรีเซนเตอร์กันดีแต่ละคน แต่ความรู้สึกของผมก็คือ "มึงช่วยเตะฟุตบอลให้มันดีๆก่อนมาขายของได้ไหมวะ"  คือมันเซ็งจริงๆเพราะผลงานไม่เอาอ่าว แต่พวกพี่เค้าขยันมาขายของ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ แม้ว่ามันจะเป็นงานหรือหน้าที่พรีเซนเตอร์ของนักเตะก็ตามที

แต่มันเยอะเกินไป

หลับสบายสมกับที่เป็นสปา


อย่างที่มีตำนานเก่าเรากล่าวเอาไว้ว่า แมนยูไนเต็ดเปลี่ยนไปมาก และโฟกัสด้านของการตลาด มากกว่าผลงานในสนาม หรือมิติเชิงฟุตบอล  และเราเป็นแบบนั้นจริงๆ.. โคตรเจ็บปวดใจเลย

เรื่องดังกล่าวมันเป็นเหมือน "ภาพลวงตา"ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ดูเหมือนจะมีเงินถุงเงินถัง ทีมมีชื่อเสียง ฐานแฟนบอลมากที่สุด แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย หากจะสังเกตดีๆในตลาดนักเตะก็ตามที เราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ไม่งั้นป่านนี้ดีลระดับร้อยล้านปอนด์++ ออกมาจากสโมสรเรากระจุยกระจายแล้ว ไม่งั้นนักเตะอย่าง คูลิบาลี่ หรือ เดอลิกต์ รีบย้ายมาเข้าแมนยูแล้วถ้าเรารวยเป็นเศรษฐีจริงๆ แต่ในความเป็นจริงคือเราอาการหนักพอๆกับอาร์เซนอลที่มีปลิงโครเอนเก้เลย ดีกว่าแค่นิดหน่อยเท่านั้น

การเซ็นสปอนเซอร์ การหารายได้ทั้งหมดเข้ามาของEd Woodwardนั้นทำได้ยอดเยี่ยมอันนี้เชื่อว่าทุกคนรู้และไม่เถียง ปีก่อนๆรายรับก็earn record revenues ด้วยซ้ำ (แต่ไม่พูดถึงexpensesค่าใช้จ่ายนะ หึหึ) แต่เงินที่หามาได้ทั้งหมดก็ต้องไปประเคนให้เจ้าของทีมและผู้บริหารไปหมุนเงิน โปะดอกไปวันๆโดยที่สโมสรไม่ได้อะไรเลย


ซึ่งนี่มีแค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่ยังไม่ได้พูดถึงการบริหารงานที่โคตรมั่วซั่วและเน่าเฟะสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการควบคุมbudgetของสโมสรโดยเฉพาะด้านของเพดานค่าเหนื่อยที่พังพินาศสุดๆ  หากลองดูเผินๆการนำค่าเหนื่อยทั้งทีมเรียงกัน แล้วไปเทียบกับทีมอื่นๆ อาจจะดูไม่ออกเท่าไหร่นัก แต่จริงๆคือต่าง เพราะค่าเหนื่อยทีมเราสูงมาก ในขณะที่นักเตะชั้นยอดของทีมอื่นๆ ทีมแชมป์อย่างซิตี้หรือลิเวอร์พูล เขามีเพดานที่ชัดเจน และนักเตะเก่งๆอย่างไคล์ วอล์คเกอร์ ก็ยังจะได้ตังค์แค่ 150k เท่านั้น

แต่เด็กๆของเราที่ฝีเท้ายังไม่ถึงบางคน กลับอยากจะได้300kเท่าซุปเปอร์สตาร์ชิลีของทีม  บางคนเต้นเป็นอย่างเดียวแต่ค่าเหนื่อยกำลังจะได้130k อันเท่ากับยอดนักเตะอย่างเฟอร์ดินานด์ในสัญญาที่พีคและดีที่สุดของเขา  ยังไม่รวมรายของอเล็กซิสซานเชสที่อยู่แถวๆ300-500k แล้วแต่ผลงานที่รวมแอดออน ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันส่งผลกระทบในเชิง "จิตวิทยา" ของพนักงานในองค์กร คนอื่นๆด้วย ดังจะเห็นได้จากการต่อสัญญาของเดเคอา ที่อาจจะต้องง้อน้องเดถึง 350k เพื่อนักเตะในตำแหน่งโกลกันเลยทีเดียว ยังไม่รวมดาวรุ่งเด็กๆคนอื่นในทีม ที่เริ่มจะงอแงและเรียกค่าเหนื่อยสูงตามๆกันแล้ว

เพดานค่าเหนื่อยของทีมพังทลายเละเทะ ไร้การควบคุมและบริหารจัดการที่ดี


ดังนั้นเมื่อดูเหตุผลทั้งหมดจากการบริหารทีมที่ห่วยแตกของเกลเซอร์แล้วนั้น เมื่อไปเปรียบเทียบกับทีมอื่นๆ เราจะเห็นได้เลยว่า มันช่างแตกต่างกันมาก ทั้งแบบแผน วิธีการ การลงทุนให้สโมสรก้าวหน้า และการทำงานร่วมกันระหว่างด้านการเงิน กับมิติเชิงฟุตบอลด้านการพัฒนาทีม  ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคือ สเปอร์ กับ ลิเวอร์พูล ที่มีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลิเวอร์พูล จะเห็นได้เลยว่า บอร์ดบริหาร และงบประมาณสโมสร ถูกทุ่มสนับสนุนให้ผู้จัดการทีมได้เลือกนักเตะที่ถูกต้องเข้ามาเสริม มาปรับแก้จุดอ่อนของทีมอย่างตรงจุด และต่อเนื่อง อันเป็นความดีความชอบของทั้ง บอร์ดบริหาร ทีมscout ผู้จัดการทีม และทุกๆฝ่ายในสโมสร จนทุกอย่างผลิดอกออกผลมาเรื่อยๆทีละนิด

ทางด้านของสเปอร์ก็เช่นกัน ทุกวันนี้สเปอร์ขยับขึ้นมาอยู่ในระดับทีมที่สูงกว่าแมนยูไนเต็ดแล้ว และมีทีท่าว่าจะติดลมบนอยู่เป็นท็อป4-5ได้อย่างชิลๆด้วยขนาดทีมที่ใหญ่ มั่นคงแข็งแรง และมีเงินทุนเข้ามาเรื่อยๆต่อจากนี้แน่นอนหลังจากที่สนามใหม่ของพวกเขาเสร็จใช้งานได้อย่างอลังการแล้ว  สเปอร์ที่เข้ารอบลึกๆในUCLได้บ่อยครั้ง ก็จะติดลมบนและทิ้งแมนยูไนเต็ดออกไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน

ในขณะที่แมนยูยังต้องมานั่งเช็ดขี้ของตัวเอง แก้ปัญหาภายในอยู่เลย

เป็นไงล่ะ สะใจดีไหมรูปนี้?


สรุปทั้งหมดทั้งมวลนี้ คิดว่าเบื้องต้นนี่ก็น่าจะทำให้แฟนบอลทั้งหมดได้เห็นแล้วว่า ทีมของเราตอนนี้เป็นมะเร็งลุกลามระยะสุดท้าย แค่ยังไม่ตายเท่านั้นแหละ แต่ไส้มันเน่าไปถึงข้างในแล้ว อย่างที่เราเห็นกันว่า โครงสร้างภายในของการบริหารงานสโมสรแมนยูไนเต็ดของกลุ่มทุนเกลเซอร์นั้น ทำความเลวร้าย สร้างหนี้สิน และบริหารงานทำให้สโมสรที่เรารักมาโดยตลอดนั้น ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ อันกลายเป็นความขายขี้หน้าแก่แฟนแมนยูไนเต็ดปัจจุบันที่ต้องทนขมขื่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น และมองตาปริบๆโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากการด่าเอ็ดและเกลเซอร์เท่านั้น

ในฐานะที่เป็นแฟนแมนยูเมืองไทย เราอาจจะไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นที่อังกฤษ  แต่ผมคิดมาเสมอว่า อยากจะให้แฟนผีที่นู่น รวมตัวกันครั้งใหญ่ แล้วเดินขบวนประท้วงเจ้าของทีมเกลเซอร์ให้เป็นเรื่องเป็นราวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย  อยากให้แฟนบอลที่นั่นสไตรค์ ต่อต้าน ไม่สนับสนุน ไม่เข้าสนาม ไม่อุดหนุนสินค้าทั้งหมดทั้งมวล ตราบใดที่เกลเซอร์ยังควบคุมทีมอยู่  ดังจะเห็นได้จากตอนที่เคยมีเหตุการกลุ่มRed Knights และแคมเปญ Love United Hate Glazer ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แม้กระทั่งเรื่องที่มีการก่อตั้ง F.C. United of Manchester โดยกลุ่มที่ไม่พอใจมัลคอล์มเกลเซอร์ แล้วไปตั้งทีมใหม่ในลีกต่ำนั่นแล

แต่สุดท้ายเมื่อสถานการณ์ตอนนั้นมันยังไม่ย่ำแย่เท่าไหร่ ผลงานยังดีอยู่ และทีมก็ยังมีได้แชมป์อยู่บ้าง  กระแสมันเลยลดๆซาๆไป อย่างที่เราทราบกัน เรียกง่ายๆว่าจุดไม่ติดเต็มที่เท่าไหร่ แต่คนที่ยังระลึกในความชั่วร้ายของเกลเซอร์ก็ยังมีอยู่เยอะที่ไม่ลืมและยังคงต่อต้านอยู่เงียบๆตลอดเวลาก็มี  หากใครจะจำกันได้ เหตุการณ์ในรูปนี้น่าจะเป็นคำตอบของการแสดงท่าทีเชิงสัญลักษณ์ได้เป็นอย่างดี

สีเขียวเหลือง (หรือจริงๆแล้วคือ เขียวทอง green & gold) ถูกใช้เป็นตัวแทนความรักในสโมสรดั้งเดิมของเรา ซึ่งรากฐานแรกสุดก็คือสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์ Newton Heath LYR Football Club ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1878 จากพนักงานแผนกขนส่งและเกวียนของสถานีรถไฟแลงคาเชียร์และยอร์กเชียร์ ที่สถานีในนิวตันฮีต  นี่คือสีดั้งเดิมของสโมสรก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสีแดงและรวมถึงฉายากันด้วยในภายหลัง  แต่อย่างที่ทราบกันนี่คือสีoriginal ที่คอลัมน์ศาลาผีเอง ก็ระลึกถึง "รากเหง้าดั้งเดิมของสโมสร" คือสิ่งสำคัญที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ดังนั้นสัญลักษณ์ประจำคอลัมน์ของเรา ก็จึงใช้เป็นสีเขียวเหลืองเช่นกัน 

ส่วนหนึ่งมาจากความทรงจำที่ชอบของเสื้อเยือนชุดเขียวเหลืองของแมนยูในยุค90sสมัยก็องโต้มาแรกๆด้วย

เมื่อรากเหง้าของสโมสรคือสีนี้ จึงถูกใช้เป็นการแสดงสีเชิงสัญลักษณ์ "การแสดงความต่อต้านกลุ่มเกลเซอร์" อย่างที่เห็นกันในตอนนี้นั่นเอง และเมื่อย้อนกลับไปเล่าถึงเรื่องก่อนหน้านี้นั้น  เราพูดถึงเรื่องที่ว่าอยากให้ แฟนบอลที่อังกฤษนั้นเดินขบวนประท้วง ต่อต้าน และขับไล่เกลเซอร์ ปลิงมะกันจอมดูดเลือดให้ออกไปจากแมนยูไนเต็ดของเราให้ได้นั้น

แต่ในความเป็นจริงมันค่อนข้างยากมากที่จะบอกให้ทุกคนช่วยกันประท้วง ช่วยกันสไตรค์ไม่ยอมเข้าไปดูบอลในสนาม หรือให้หยุดการsupportสโมสรในทันทีเพื่อกดดันให้พวกเขาขายสโมสรให้คนที่รักทีมจริงๆเข้ามาทำ ทำแบบนั้นได้ค่อนข้างยากเพราะปัจจัยมันเยอะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกระแสที่จุดติดยาก เพราะแฟนบอลหลายๆคนก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของการไล่เกลเซอร์ตรงนี้ (และบางคนยังมองว่า เอ็ดอยู่ เกลเซอร์อยู่แล้วดี เราหาสปอนเซอร์ได้ ซึ่งนั่นภาพลวงตา แต่ที่จริงคือเราติดหนี้และดอกเบี้ยบานขึ้นเรื่อยๆต่างหาก เงินก็ไม่มีมาลงทุนให้แมนยูเลย) 

บางคนก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆเรื่องการจะstrikeไม่เข้าไปชมในสโมสร เช่นถ้าเป็นแฟนบอลจากต่างประเทศอย่างเรา แล้วเสียค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ตั๋วดูบอลเป็นหลักหมื่นหลักแสน แล้วอยู่ดีๆจะไม่ให้เข้าไปดูในสนามเพื่อประท้วง  มันก็ลำบากเขาและเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ฯลฯ

ปัจจัยมันเยอะมาก และคอนโทรลได้ยาก

ดังนั้น กระแสที่ไม่นานมานี้เพิ่งจะเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่างที่บอกไปว่า เราโคตรอยากให้แฟนบอลที่นู่นประท้วง แต่เราที่อยู่ประเทศห่างไกลนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยในการไล่เกลเซอร์  แต่อันที่จริงแล้ว "เราทำได้" ... คือเราสามารถช่วยสโมสรเราได้ด้วยวิธีของเรา นั่นก็คือช่วยกันสนับสนุนแคมเปญ #GLAZERSOUT นั่นเอง ลองติดตามข่าวดูจากทวิตเตอร์หรือsocial networkต่างๆ เช่นการติดแฮชแท็ก #GLAZERSOUT เวลาไปโพสต์เรื่องราวหรืออะไรต่างๆในโซเชียล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในtwitterที่จะมีการระดมลุยกระทำทวีตให้มันขึ้นtrendอันดับ1เรื่อยๆเป็นระลอกๆ เพื่อทำการกดดันและสร้างกระแสขับไล่เกลเซอร์ให้รีบขายสโมสรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เราอาจจะเดินขบวนไม่ได้ แต่เราระดมแฮชแท็กไล่พวกมันได้ และตอนนี้หลายๆเพจแมนยูในเมืองไทยก็เริ่มช่วยแคมเปญนี้กันแล้วด้วยซ้ำ

ลองไปติดตามวิธีการ และคำแนะนำเพิ่มเติมกันในลิงค์นี้ก็ได้

https://thefootballfaithful.com/manchester-united-glazers-out-trending-twitter/


ทั้งหมดทั้งมวลนั้น จริงๆแล้วการหากำไรไม่ใช่เรื่องผิด ใครจะมาซื้อเปล่าๆแล้วเอาตังค์ไม่ให้ทีมอย่างเดียว มันไม่ใช่ทำการกุศลฟรีๆ และเราก็ไม่ได้โชคดีเจอคนที่ชอบฟุตบอลเหมือนอย่างคนรวยๆบางคนที่ซื้อสโมสรเพราะเป็นแฟนบอล 

หรือบางราย เพียงแค่จะใช้สโมสรเป็นแหล่งฟอกเงินเท่านั้น  "การจะหาเงินจากแมนยูไม่ใช่เรื่องแย่  แต่เข้ามาแล้ว ได้กำไรแล้ว ก็ควรจะเอาเงินมาลงทุนต่อในทิศทางที่ถูกต้องด้วย" แล้วนอกจากนั้นกำไรจะเข้ากระเป๋าคุณก็ไม่ว่าอะไรหรอก .. แต่สำหรับกลุ่มทุนที่ครอบงำแมนยูไนเต็ดอยู่ในตอนนี้อย่างตระกูลเกลเซอร์นั้น ไม่ใช่นักลงทุนที่ว่านั่น แต่เข้ามาโกยผลประโยชน์จากสโมสร พร้อมกับเอาหนี้ก้อนใหญ่มาเป็นภาระของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วย และที่แย่กว่านั้นก็คือพวกเขานอกจากจะไม่ใช้หนี้ จะทำให้ดอกสูงขึ้นเรื่อยๆ และทำได้แค่ "โปะดอก" เอาตัวรอดไปวันๆเท่านั้นแล้ว  ผลกำไรทั้งหมดก็เข้ากระเป๋าตัวเองเกลี้ยง  ไม่มีเงินทุนอะไรกลับมาเข้าสู่การพัฒนาสโมสรอย่างที่ควรจะเป็นเลย


สิ่งเหล่านี้ทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เรารัก ตกต่ำลงมากขึ้นๆเรื่อยๆอย่างที่เห็นกัน มันไม่ใช่แค่ปัญหานักเตะในทีมห่วย การซื้อขายแย่  ผู้จัดการทีมไม่เก่งแต่อย่างเดียว อย่างที่หลายๆคนเข้าใจและโฟกัสกันผิดจุด

เดวิด มอยส์ก็ตามที หลุยส์ ฟานกัล และรายล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อนี้แบบเต็มๆและน่าเห็นใจมากที่สุดคือ "โจเซ่ มูรินโญ่" ล้วนแล้วแต่เจอกับพิษการบริหารงานแบบเหลวแหลกเข้าเล่นงานการคุมทีมของพวกเขาแทบทั้งสิ้น ทั้งด้านการซื้อขายและการsupportผู้จัดการทีม  ที่สุดท้ายแล้ว ผู้จัดการทีมเหล่านี้ก็ถูก "บูชายัญ" ไล่ออกเป็นเครื่องเซ่นความล้มเหลวของทีมแทบทั้งสิ้น ทั้งๆที่ความผิดทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะบอร์ดบริหารอย่างเกลเซอร์ทั้งนั้นที่เป็นต้นเหตุหลักของปัญหาทั้งหมด

และโซลชาที่เรารัก อาจจะถูกบูชายัญเป็นศพต่อไปเหมือนน้ามูก็เป็นได้


ถึงเวลาที่แฟนปีศาจแดงตาดำๆอย่างเราจะลุกขึ้นมาendgame จบความเลวร้ายที่ว่านี่สักทีให้เร็วที่สุดด้วยการลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเกลเซอร์ให้ได้มากที่สุดตามช่องทางต่างๆเท่าที่พอจะทำได้ อย่างน้อยที่สุดก็สร้างแรงกระเพื่อมเล็กน้อยคนละนิด ถ้าคุณเชื่อเรื่องButterfly Effect หรือเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวแล้วละก็  คุณทำไปเถอะ อะไรก็ได้เพื่อต่อต้านเกลเซอร์ แสดงออกมันบนพื้นที่onlineทั่วโลกนี้กันคนละนิด .. ผมว่ามันมีผล และมันจะช่วยคืนชีวิตให้กับสโมสรที่เรารัก ไม่ให้ตายลงไปก่อนที่จะแก้ไขอะไรไม่ทันอีกแล้ว

เราอาจไม่ต้องไปช่วยเขาเดินประท้วงถึงอังกฤษ แต่เราประท้วงผ่านเครื่องมือที่เรามี ประท้วงด้วยหัวใจที่รักแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เป็นเหมือนความสุข ความเชื่อ และชีวิตของพวกเรา

จนถึงตอนนี้ เราคงจะรู้กันแล้วว่า สาเหตุที่สำคัญที่สุดแท้จริงที่ทำให้แมนยูไนเต็ดตกต่ำ และถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจากแฟนทีมอื่นมากมาย ถูกมองเป็นตัวตลก ล้อเลียนอย่างไม่มีใครเกรงใจ  และไม่ว่าทีมเฮงซวยบ๊วยเค็มมาจากไหน ก็สามารถมาลูบคมทีมเราได้ถึงบ้านและเก็บเอาแต้ม รวมถึงชัยชนะได้อยู่บ่อยครั้งอย่างไม่เกรงใจแฟนบอลเจ้าบ้าน

ความเฮงซวยทั้งหมดทั้งมวลนี้ เกิดขึ้นเพราะพวกมันทั้งนั้น "ไอ้พวกนรกเกลเซอร์"

ขอสาปส่งพวกมันด้วยสิ่งนี้

#GLAZERSOUT

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด