:::     :::

Fabien Barthez บินสู่จุดสูงสุด ร่วงหลุดสู่ก้นหอยมรณะ

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
5,331
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ช่วงรอยต่อการหาตัวแทนของชไมเคิล กว่าที่จะเจอฟานเดอซาร์ มีเพียงเขาผู้เดียวที่มีบารมีพอจะเฝ้าเสาให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้

เปิดกรุตำนานผีเก่าวันนี้ ขอย้อนระลึกไปถึง ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคนหนึ่ง ที่ผมเชื่อว่า แฟนผีทุกคนน่าจะยังจดจำเขาได้ไม่เปลี่ยนแปลง กับเอกลักษณ์ทรงผมของเขาที่เป็นการโกนหัวเหม่ง เงาวับที่สุดคนนึงในโลกฟุตบอล และชุดเสื้อผ้าผู้รักษาประตู เมื่อตอนที่มาอยู่กับแมนยูไนเต็ดนั้น เขาคือโกลที่ชอบใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น ในการลงสนามมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น

เขาคือ Fabien Barthez แชมป์โลกฝรั่งเศสจาก ฟร๊องซ์'98 และแชมป์ยูโร2000 นั่นเอง


ช่วงระหว่างที่ปีเตอร์ชไมเคิลย้ายออกไปสปอร์ตติ้งลิสบอนหลังจากได้Treble Championsกับแมนยูไนเต็ดในปี 1999 ไปจนถึง6ปีให้หลัง กว่าจะได้ตัวของน้ายีราฟ เอ็ดวิน ฟานเดอซาร์เข้ามาเฝ้าสาวระยะยาวให้เรานั้น ผู้รักษาประตูทั้งหมด10คนได้สลับมาเปลี่ยนและลองเฝ้าเสาให้แมนยูไนเต็ด และเซอร์อเล็กซ์ก็พบว่ามันเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะหาตัวแทนของยักษ์เดนส์เข้ามาแทนได้

ไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆกับโพรไฟล์อันสุดยอดของเขา ฟาเบียง บาร์เตซที่กำลังพีคที่สุดในโลกฟุตบอลช่วงนั้น ถูกซื้อตัวเข้ามาสู่ทีมปีศาจแดงด้วยสนนราคา 7.8ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติโกลที่แพงที่สุดของเกาะอังกฤษ (ช่วงนั้นมีแต่สถิติดีๆให้ทำลายล้วนๆ เดี๋ยวนี้ทำลายแต่สถิติแย่ๆ  ฮาาาา) การเซ็นสัญญาทำให้เขาได้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมในอีกหลายปีหลังจากนั้น

ก่อนหน้านี้เขาอยู่มากับโอลิมปิคมาร์กเซย์ และได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1993 มาแล้วซึ่งทำให้เขาได้เป็นโกลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ถ้วยยุโรป (หลังจากนั้นจึงมาเป็นสถิติของคาซิยาสนั่นแหละ) ก่อนที่จะมาได้แชมป์ลีกของฝรั่งเศสสองสมัยกับ Monaco ในปี 1997 และ 2000 ซึ่งเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว จะยิ่งชัดเจนว่า ช่วงที่บาร์เตซนั้น "พีคที่สุด" ผมขอยกให้ช่วงปี 1997-2001 ราวๆนั้น นั่นคือสุดยอดที่สุดของนายทวารหัวเหม่งผู้นี้แล้ว เพราะว่า 97ได้แชมป์ลีก 98 ได้แชมป์โลก /ปี2000ได้แชมป์ลีก และแชมป์ยูโร / ย้ายมาแมนยู ฤดูกาล2000/01 ก็ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอีก ถือว่าท็อปฟอร์มที่สุดแล้ว ดังนั้นเซอร์อเล็กซ์จึงไม่ลังเลเลยที่จะเซ็นสัญญายาวกับนายทวารผู้นี้ถึง6ปี

บล็องก์ที่ย้ายเข้ามาสมทบภายหลัง ก็ยังไม่ลืมที่จะมาลงอักขระ จุ๊บๆที่หัวล้านของเพื่อนรักอย่างบาร์เตซทุกครั้ง

บาร์เตซกล่าวระว่างpress conferenceไว้ว่า "ชไมเคิลคือผู้รักษาประตูที่สุดยอดมาก และเขาเล่นอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน"

"ผมจำเป็นต้องหนักแน่นกว่านี้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัวมันนะ  ผมเล่นมาแล้วทั้งบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ และรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม ดังนั้นไม่มีอะไรเป็นปัญหารบกวนผมได้เลย  ผมมาที่นี่เพื่อที่จะชนะและอยู่ยาวที่นี่เช่นกัน นั่นแหละผมจึงแฮปปี้มากๆกับการเซ็นสัญญา6ปีในดีลนี้"

ป๋าได้กล่าวสมทบว่า "ผมดีใจมากที่ฟาเบียงได้มาร่วมงานเป็นส่วนหนึ่งของเรา จากทักษะผู้รักษาประตูที่โดดเด่นสุดๆ เขามีบุคลิกที่สามารถรับมือกับงานใหญ่ๆได้"

มันคือตำแหน่งที่ชไมเคิลเคยแสดงความเป็นเลิศเอาไว้ ซึ่งเขามีบุคลิกเฉพาะตัวที่ยิ่งใหญ่มาก ส่วนฟาเบียงเองก็เป็นแชมป์โลกมา และไม่เพียงแต่เขาจะมีบุคลิกภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่ยังเต็มไปด้วยประสบการณ์มหาศาลซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องการ


ในระยะเริ่มต้นทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเหมือนภาพฝันของบาร์เตซ บนแผ่นดินอังกฤษ เมื่อเขาโชว์ผลงานที่ยอดเยี่ยมครั้งแล้วครั้งเล่า จนช่วยให้ปีศาจแดงนั้นสามารถได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่สามติดกัน นั่นก็คือซีซั่น 98/99 99/2000 และ 2000/01 สามปีซ้อน แต่ภายหลังจากนั้น เส้นทางของนายทวารหัวเกลี้ยงรายนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นปีชง ดวงตกลงไปเรื่อยๆ เหมือนเมื่อยแล้วร่วงลงไปยังสุดปลายของก้นหอยมรณะฉันใดก็ฉันนั้น


ฤดูกาล 2001-02 ฟอร์มของเขาเละเทะมากจากความผิดพลาดที่เป็นแผลใหญ่จะจะ หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการที่เขาออกมาเล่นบอลไกลจากเส้นปากประตู และมันส่งผลกระทบกับแมนยูไนเต็ดมาก ทั้งในเกมกับลาคอรุนญ่าในแชมเปี้ยนส์ลีก และการพ่ายแพ้เละเทะต่อไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอลที่สนามเก่าอย่าง ไฮบิวรี่  สนามที่คนดูแทบจะแยงก้นนักเตะในสนามอยู่แล้วด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือที่อยากจะลงไปกินเนื้อนักเตะทีมฝั่งตรงข้ามอันน่าสะพรึงกลัว นั่นคือสนามในตำนานของอาร์เซนอลจริงๆ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย หากแฟนผีใครจะยังจำกันได้ ในตอนที่บาร์เตซเฝ้าเสาอยู่นั้น ช่วงนั้นนักเตะที่กำลังขึ้นมาเป็นกองหลังตัวหลักๆของเรา ยังมีรายของ ซิลแวสตร์ และ เวส บราวน์ สองหน่อผู้ซึ่งเป็นสมาชิกจตุรเทพ(ที่มีห้าคน)รุ่นเดอะ ออริจินัลและดั้งเดิมสุดๆ  และเมื่อไหร่ที่ ฟาเบียง บาร์เตซ ลงสนามพร้อมกันกับซิลแวสตร์ เวสบราวน์แล้วละก็ นั่นแหละคือฝันร้ายของแฟนแมนยูเลย เพราะมันคือคอมโบนรกที่พร้อมจะส่งต่อความเหวอซึ่งกันและกันทันที คือต่างคนต่างอยู่ก็พอไหว แต่ถ้าเมื่อไหร่ลงพร้อมกัน เมื่อนั้นแหละ กองแช่งเตรียมเฮแน่นอน!

คอมโบนรกในตำนาน บาร์เตซ เวสบราวน์ ซิลแวสตร์

เขาก็ยังคงได้เฝ้าเสาอยู่อย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งแมนยูไนเต็ดถูกทวงแชมป์คืนไปในที่สุดโดยเหล่าเดอะกันเนอร์สในปี 2002/03 และในเดือนเมษายนปี 2003 เกมที่ถูกจดจำมากที่สุด นั่นก็คือการถูกยิงแฮททริกโดยโคตรตำนานตลอดกาลอย่าง R9 ระเบิดแฮททริกใส่บาร์เตซเละคาโอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งแฮททริกนั้นของโด้อ้วนก็เหมือนเป็นตะปูดอกสุดท้ายที่ตอกฝาโลงของผู้รักษาประตูที่ชื่อ ฟาเบียง บาร์เตซ และเส้นทางกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ต้องจบลงตรงนั้น เพราะในซัมเมอร์นั้นเอง เฟอร์กูสันก็ไปถอยโกลใหม่ป้ายแดง อิมพอร์ตมาจากสหรัฐอเมริกา .. ใช่แล้ว ผู้ที่มารับไม้ต่อจากบาร์เตซนั่นก็คือ ทีโฮ Tim Howard ในราคาเพียงแค่ 2.3ล้านปอนด์มาจากMetrostars เองซึ่งอย่างที่เราทราบกัน ทีโฮก็ยึดตำแหน่งตัวจริงไปได้อย่างสบายๆ เพราะพี่เหม่งเราฟอร์มตกไปแล้วเรียบร้อย แถมยังมี เทพควักกะปิในตำนานอย่าง รอย แคร์โรล เข้ามาสอดแทรกแย่งตำแหน่งอีกต่างหากในภายหลัง

(แต่หากใครจะจำกันได้ ทีโฮเองสุดท้ายก็ไม่รอดเหมือนกัน เมื่อ ณ ตอนนั้นเขายังไม่กระดูกแข็งพอจะเฝ้าเสาให้แมนยูไนเต็ดได้เนื่องจากปัญหาเรื่องลูกกลางอากาศ ทิมฮาวเวิร์ดก็พังไม่เป็นท่าเหมือนกัน ซึ่งแมนยูตอนนั้น รอความสำเร็จกับคนๆเดียวไม่ได้ เพราะกว่าที่ ทิม ฮาวเวิร์ด จะเก่งขึ้นมานั้น ก็หลายปีให้หลัง ตอนไปอยู่กับเอฟเวอร์ตัน ถึงจะดูดีขึ้นมาในที่สุด)



ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาไม่มีตำแหน่งในทีมต่อไป ในเบื้องต้นทางฟีฟ่าไม่อนุญาตให้เขาย้ายกลับไปสู่มาร์กเซย์ แต่สุดท้ายแล้วเขาจึงได้กลับไปสู่สนามStade Velodromeในที่สุดในฤดูหนาวปี2004 รวมทั้งหมดเขาลงเฝ้าเสาให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งหมด 139นัดในทุกรายการ ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย พอประมาณ

ย้อนกลับไปถึงสาเหตุก่อนหน้าที่บาร์เตซจะได้เข้ามาสู่ชายคาโอลด์แทรฟฟอร์ดนั้น อย่างที่ทราบกันดีว่าเราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ทั้งมัสสิโม่ ตาอิบี้ ที่ย้ายมาทดแทนชไมเคิลในปี 1999/00 รายนั้นก็ดันออกลูกเป็นไข่ซะอีก กับประตูลอดDarkในตำนาน สุดท้ายแล้วได้เฝ้าเสาให้แมนยูไป4นัด แล้วหายต๋อมไปกับสายน้ำ ส่วนอีกรายหนึ่งที่เฟอร์กี้คาดหวังจะให้มาเป็นสุดยอดตัวแทนอย่าง มาร์ค บอสนิช ก็ประคองแมนยูไนเต็ดให้ได้แชมป์อยู่แค่ปี 1999/00 อย่างที่ทราบกัน (แต่แกเป็นโกลคนแรกที่พาแมนยูคว้าแชมป์สโมสรโลกนะเอ้อ!)

พอการเข้ามาของบาร์เตซเป็นผล เขา(บอสนิช)เองก็ต้องหลุดตำแหน่งเช่นกัน และเฟอร์กี้ได้ให้เหตุผลไว้ดังนี้

"มาร์ค บอสนิช และไรมอนด์ ฟาน เดอ ฮาว ต่างก็เป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยม แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีบุคลิกภาพแบบที่ชไมเคิลมีเลยซะทีเดียว  แต่ว่าฟาเบียงมีสิ่งนั้น เขาเป็นคนที่มีคาแรคเตอร์จริงๆ"

เมื่อเราย้อนรำลึกถึงบาร์เตซแล้ว ผมเชื่อว่าภาพจำหลายๆคนที่มีต่อเขาน่าจะยังคงชัดเจน หากเราจะจำกันได้ เอาจริงๆแล้วบาร์เตซถือว่าเป็นโกลที่มีคาแรคเตอร์ระดับ "โคตรพิเศษ" คนนึงของโลก ซึ่งตรงกับที่ป๋าเฟอร์กี้มองไว้จริงๆ หมอนี่ไม่ธรรมดา จุดเด่นของบาร์เตซที่ผมว่ายอดเยี่ยมที่สุดก็น่าจะเป็น ความคล่องตัว ความเร็ว ซึ่งข้อนี้ดีอยู่แล้ว บินปัดเป็นลิง ล้มลุกเร็ว คล่องตัว และมีทักษะพื้นฐานในการเล่นฟุตบอลดี  ข้อนี้คือพื้นฐานเลย

และนอกจากนี้ ไอ้คำว่า "คาแรคเตอร์" ที่ป๋าบอก มันยังสะท้อนผ่านการเล่นของเขาอีกเยอะแยะมากมายหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าไม้ตาย "Psycho Gun" ของบาร์เตซ ผมถือว่าเขาโคตรเก๋า และเหนือชั้นมาก แบบที่จะไม่มีทางเห็นจากดาบิด เดเคอาเลย ที่เก่งกันคนละอย่าง

ถ้า เดเคอา คือเทพเจ้าแห่ง Shot Stopper ผมว่า Barthez นี่น่าจะเป็นจอมเซฟจุดโทษในตำนานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเลย คือถ้าดวลจุดโทษกัน ผมว่าเดเคอาแพ้บาร์เตซขาดลอย

พี่เหม่งใช้วิชาจิตวิทยากับนักเตะฝ่ายตรงข้ามเวลาจะมายิงจุดโทษเสมอ ไม่ว่าจะใช้วิธีไม่ยอมยืนเซฟบ้างล่ะ ถ่วงเวลาบ้างล่ะ เรียกง่ายๆว่า "โกลสายปั่น"  ปั่นแหลกราญ จนในที่สุด ผู้ที่มายิงลูกโทษคนนั้นมักจะเสียจังหวะการทำสมาธิบ้าง จนหลุดหงุดหงิดบ้างหลายคน และนั่นแหละ  พี่เหม่งกูก็จัดการเซฟลูกโทษโชว์กันจะจะเลย

เหยื่อผู้โดนไซโคกัน คือมุซซี่ อิสเซ็ท จากเลสเตอร์

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆวีรกรรม ดีบ้างแย่บ้างสลับกัน แต่มันเป็นตัวบ่งบอกว่า เขาคือโกลที่คาแรคเตอร์โดดเด่นจริงๆ แม้กระทั่งลูกที่ดิคานิโอหลุดเดี่ยวในเอฟเอคัพ คือทางเวสต์แฮมจ่ายทะลุช่องมา และเปาโลดิคานิโอก็หลุดตัวประกบมาเดี่ยวๆเลย  บาร์เตซนั้นยืนตรงนิ่งยกมือและหันไปทางผู้กำกับเส้น และเขาไม่ยอมเล่น  ยืนวัดและซื้อใจกรรมการ

สุดท้ายกรรมการไม่เป่า ดิคานิโอยิงเข้าไปสบายๆ (ฮา)

พี่จะไม่เซฟจริงดิ -..-''

วีรกรรมวีรเวรของเขายังมีอีกเยอะทั้งดีและร้าย แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า กราฟชีวิตของบาร์เตซนั้น เริ่มตกลงมาในฤดูกาล 2001/02 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมที่ "เผา" ให้บาร์เตซต้องสิ้นสภาพการเป็นโกลชั้นแนวหน้าไปนั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นอาร์เซนอลในยุคทองของเวงเกอร์ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทอย่าง เธียร์รี่ อองรีนั้น คือคนที่กดให้พี่เหม่งลงนรกโชว์ชาวโลกไปเลย ไล่ตั้งแต่การที่เขาผิดพลาด เปิดบอลจากหน้าโกลไม่ขึ้น แล้วบอลจ่ายไปเข้าตีนอองรีตรงนั้น ยังกะจ่ายบอลให้เพื่อน แล้วมายิงง่ายๆโล่งๆเลย   นั่นก็ลูกนึง  เท่านั้นยังไม่พอ พี่เหม่งยังโชว์สกิลออกมาจากปากประตูจะมาตัดบอลหลุดเดี่ยวของอองรี ซึ่งจริงๆตัดสินใจดีแล้ว แต่พี่แกออกมาไม่สุด กระหยักไว้นิดนึงแทนที่จะออกมาเคลียร์ขาดๆ แกกลับเข้าไปตะครุบบอล แล้วบอลหลุดมือ ไปสู่เท้าอองรี ที่เหลือแต่โกลโล่งๆอีกครั้ง 

จากนั้นก็เป็นการประหารชีวิตต่อหน้าธารกำนัลที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตบาร์เตซ

แปลเข้าไปแบบง่ายที่สุดในชีวิตอองรี เมื่อเพื่อนเดินมาแจกให้ถึงที่

คือสองลูกนี้มันเป็นเหมือนแผลเหวอะหวะที่ใหญ่จริงๆของบาร์เตซ แต่นอกเหนือจากนี้ก็ยังโดนปู้ยี่ปู้ยำอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นลูกแฉลบแล้วลอดดากพี่แกไปอีกครั้งโดยฝีมือไอ้ปืนใหญ่  และลูกที่โหดที่สุด ที่อาจจะไปว่าอะไรแกไม่ได้ ต้องให้เครดิตความโฉดของอองรีมากกว่า ก็คือลูกที่แกกระดกขึ้นมาแล้วหมุนไปอัดลูกยิงใบไม้ร่วงใส่  ที่สวยๆลูกนั้นแหละ ก็ยังเป็นบาร์เตซคนเดิมที่เป็นเหยื่อบูชายัญประตูสุดสวยนี้

โดนแบบนี้ ต่อให้เป็นเลฟ ยาชิน ก็น่าจะร้องไห้เหมือนกัน

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะเห็นได้ว่า ช่วงอาชีพของบาร์เตซนั้นขึ้นมาดั่งดอกไม้ไฟ และก็หายไปอย่างรวดเร็วที่เขายุติเส้นทางกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อนที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลที่บ้านเกิดกับมาร์กเซย์ และน็องส์ อีกครั้ง สุดท้ายในปัจจุบัน หลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดในวันที่5 ตุลาคม ปี2006นั้น เส้นทางปัจจุบัน บาร์เตซไปได้ดีกับการเป็นนักแข่งรถที่ลงรายการต่างๆในประเทศ ติดอันดับบ้าง DNFบ้าง ไปตามเรื่องตามราวของแก แต่แกก็มีความสุขกับการได้ทำอะไรที่โลดโผนเหมือนเคย ไม่ต่างกับสมัยเป็นนักเตะเลยแม้แต่น้อย

และนี่คือเส้นทางชีวิตของ ผู้รักษาประตูที่คาแรคเตอร์จัดจ้าน ที่ติดตาตรึงใจแฟนบอลมากที่สุดคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นเจ้าของตำแหน่งนักเตะฝรั่งเศสที่ลงเล่นในWorld Cupมากที่สุดถึง17นัด และเป็นผู้โชคดีคนเดียวบนโลกนี้ที่โดนท่าไม้ตายในตำนานตลอดกาลอย่าง Banana Shot ของRoberto Carlosเข้าไปกิน .. ก็เขาอีกนั่นแหละ! 

ชายผู้ประคองรอยต่อแห่งยุคสมัย

โล้นโลกันตร์.. ฟาเบียง บาร์เตซ

-ศาลาผี-

source : https://www.sportsmole.co.uk/football/man-utd/on-this-day/feature/otd-barthez-joins-man-united_224985.html

https://www.theguardian.com/football/2000/may/31/newsstory.sport8


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด