:::     :::

"สโนว์ชากับกองหลังทั้ง7" เทพนิยายแห่งการล้างบางได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
7,358
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การบริหารจัดการทรัพยากรนักเตะถือเป็นหน้าที่สำคัญของคนเป็นผู้จัดการทีม และตอนนี้โซลชาต้องแสดงกึ๋นแล้วว่าจะเอายังไงกับกองหลังทั้งหมดในทีม

อย่างที่ทราบกัน หน้าที่ของคนเป็นผู้จัดการทีมนั้น อาจจะไม่ได้เหมือนกันไปเสียทีเดียวในหลายๆที่ บางที่ตำแหน่งผู้จัดการทีม (Manager) ต้องทำทุกอย่าง และบริหารจัดการทรัพยากรของบริษัท(สโมสร)ในหลายๆด้านให้ได้อย่างเหมาะสม แต่ในขณะเดียวกัน บางที่นั้นคนคุมทีมเป็นแค่ตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน หรือว่า Head Coach เท่านั้น ที่ทำหน้าที่ควบคุมนักเตะ จัดแผน คุมทีม แต่ไม่ได้ต้องดูแลพาร์ทอื่นๆนอกเหนือจากมิติทางฟุตบอล

ผู้จัดการทีมของแมนยูไนเต็ดนั้นที่ผ่านๆมาโดยรวมแล้ว ส่วนใหญ่ก็คือจะทำหน้าที่เป็นManagerจริงๆที่ดูแลค่อนข้างหลายส่วนในสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคทองของเซอร์อเล็กซ์ฯ แล้วนั้นแกทำหน้าที่เยอะมาก และสามารถควบคุมอะไรได้หลายๆอย่าง ดังนั้นทิศทางการบริหารงานของสโมสรจึงเป็นไปในทางเดียวกัน แต่เมื่อป๋าลงจากบัลลังก์ ผู้จัดการทีมคนต่อๆมา ไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือ เหมือนป๋าที่มีดาบอาญาสิทธิ์สั่งเป็นสั่งตายได้ทุกประการ แต่managerคนถัดๆมา หลายๆครั้งก็ไม่สามารถควบคุมปัจจัยอะไรบางอย่างได้ ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จขนาดป๋าเช่นนั้น


ที่เกริ่นมานั่นหมายความว่า การที่คนๆหนึ่งจะมาเป็นผู้จัดการทีมของแมนยูไนเต็ดได้นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถทางด้านฟุตบอล  สั่งแผนการเล่น/แก้เกม หรือฝึกซ้อมนักเตะ เท่านี้ยังไม่พอ แต่ยังต้องฉลาดและเก่งในการบริหารทรัพยากรด้านต่างๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ทรัพยากรบุคคล" ของสโมสร ทั้งสต๊าฟต่างๆที่ผู้จัดการทีมยังพอมีสิทธิ์เลือกลูกมือของเค้าเองได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ความชาญฉลาดในการบริหารนักเตะ ถือเป็นสกิลสำคัญที่ผู้จัดการชั้นแนวหน้า ควรจะมีวิธีการและความสามารถในการmanageเรื่องตรงนี้ได้อย่างดีพอควร

เพราะคุณไม่ได้เป็นเพียงแค่Head Coach แต่คุณคือ Manager ผู้ซึ่งรู้กันดีว่ามันคือตำแหน่งหัวเรือใหญ่คนสำคัญสุดของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั่นเอง

หากจะให้พูดเรื่องนี้บอกเลยว่า ยาวมาก 7วันก็พูดกันไม่จบ และข้อเขียนจะยาวเกินกว่าคนอ่านจะรับไหว ดังนั้นเราจะมาพูดกันถึงประเด็นที่ผมว่า มันเป็นจุดใหญ่ที่น่าสนใจที่สุดแล้วสำหรับผู้จัดการแมนยูในปัจจุบัน นั่นก็คือปัญหาโลกแตกของเรื่อง "กองหลัง" ทีมเราที่ไม่จบไม่สิ้นจนถึงตอนนี้ และน่าดูมากเหลือเกินว่า โซลชา มีวิธีที่จะจัดการกับเหล่านักเตะกองหลังของทีมยังไงบ้าง เพราะว่ามันเป็นส่วนที่มีปัญหามากที่สุดของทีมแล้ว 

กล่าวก็คือ ณ ตอนนี้ ทีมของเรามี "ปริมาณ" นักเตะกองหลังในตำแหน่งCB(Center Back) อยู่พอเพียงในระดับที่เหลือใช้ หากนับจนถึงปัจจุบันก็มีทั้งหมด7ตัวเต็มๆ อันประกอบด้วย

  1. Chris Smalling
  2. Phil Jones
  3. Eric Bailly
  4. Victor Lindelof
  5. Marcos Rojo
  6. Matteo Darmian
  7. Axel Tuanzebe


แถมพกไปด้วย ตัวใหม่ข่าวแรงที่ตอนนี้แทบจะทุกบทความพากันเขียนไปถึงนักเตะว่าที่แข้งใหม่ป้ายแดง ข่าวแรงแซงทางโค้งกับBreaking Newsเมื่อวันก่อนว่า Harry Maguire กองหลังตัวหลักของเลสเตอร์ซิตี้ ได้แจ้งความต้องการย้ายทีมกับสโมสรต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว และจากactionนี้ ทำให้ค่าตัวที่ถูกโก่งมาตลอดเส้นทางการเจรจา อาจจะได้ข้อสรุปของดีลเร็ววันขึ้น และคิดว่าตามข่าวก็คงจะเป็นเงินปริมาณทั้งหมด 80ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติใหม่ของกองหลัง โดยแบ่งเป็นเงินต้น 60ล้าน และadd ons อีก 20ล้านปอนด์ จากข่าวที่รายงานกันมา ..

นั่นคือเรื่องของปริมาณ ... แต่ "คุณภาพ" ล่ะ?

อย่างที่เคยเขียนไว้ เรามีความพยายามจริง ในการคว้าตัวแมกไกวร์มาตลอด และไม่น่าจะมีอะไรขัดขวางการย้ายทีมสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าของแมกไกวร์ได้ ในขณะที่แมนยูไนเต็ดแม้จะมีปลิงบริหารสโมสร แต่ก็ยังพอจะมีตังค์มากพอจะทุ่มซื้อในเรตนี้ได้อยู่

ถามว่า เมื่อสรุปจากภาพรวมสถานการณ์ของเราตอนนี้นั้น เรา (โซลชา) เจอปัญหาอะไรในเรื่องของกองหลังบ้าง หากจะสรุปเป็นข้อๆให้เห็นชัดเจนแล้วก็ รวบรวมประเด็นได้ดังนี้

ว่าที่ผู้บัญชาการหลัก หน่วยป้องกันภาคพื้นดินของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

1.กองหลังที่มีอยู่ล้นทีม และไม่สามารถเคลียร์ออกได้สักราย

ข้อนี้คิดว่าน่าจะเข้าใจกันดี อย่างที่บอกไปว่า เรื่องปริมาณ เราไม่มีปัญหา แต่ถามจริงๆว่า มีกี่คนเชียวที่พอจะลงสนามให้เราได้แบบสบายใจจริงๆ และถึงลงได้ แต่ด้วยคุณภาพและศักยภาพที่นักเตะนั้นๆมีอยู่  ลงไปทีมก็ยังคงจมปลักอยู่กับฝีเท้าเดิมๆการเล่นเดิมๆอยู่ดี มันก็ถือว่าไม่มีประโยชน์เช่นกัน

ตามความเชื่อและการวิเคราะห์ของผู้เขียนนั้น ผมมองว่า คนแคระทั้ง7 เอ๊ย.. กองหลังทั้ง7ของเราที่มีอยู่ในมือตอนนี้นั้น ในตำแหน่งCB มีเพียงแค่ "1คน" เท่านั้นเองที่สามารถนับยืนเป็นแผงหลังตัวหลักได้ ที่สามารถจะส่งลง และใช้งานได้จริงๆในฐานะตัวจริงเลย ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร  1คนที่ว่านั่นคือ "Victor Lindelof" เท่านั้น

มันหมายความว่า จาก 7   มีที่ดีพอจะใช้งานเล่นCBจริงๆเพียงแค่คนเดียวนั่นก็คือ ลินเดอเลิฟ ตัวเดียวเท่านั้น แล้วคำถามคือ อ้าว แล้วไอ้ที่เหลือลงไม่ได้เหรอไง มันก็ลงได้ อย่าอคติกับสมอลลิ่งโจนส์ให้มาก แล้วไบญี่ก็ยังพอใช้ได้..

ใช่แล้วครับ มันก็เป็นเช่นนั้น รอผมเขียนให้จบก่อนสิ!!

"ทำตาหวานเยิ้มมาแบบนี้ จะหาโอกาสยิงกูอีกแล้วสินะ" DDGคงกล่าวเอาไว้ในใจเช่นนั้น

คือสมอลลิ่ง โจนส์ หากให้เทียบกับทีมอื่นๆในลีก ก็ถือว่ามันก็ยังใช้งานได้ และเป็นกองหลังที่มีชื่อชั้น ยังดูดีกว่าCBทีมเล็กๆโนเนมอีกมาก ข้อนี้ไม่เถียงเลย และเอาจริงๆสมอลลิ่งก็ถือว่าเป็นนักเตะที่การเล่นคงเส้นคงวามากที่สุดคนนึง แม้จะพลาดบ้าง ดีบ้าง แต่โดยรวมคือมาตรฐานมันไม่หลุดไปจากนี้แล้ว รับมือลูกกลางอากาศก็โคตรดีในระดับเบอร์ต้นๆของลีกเลย ส่วนฟิล โจนส์ นี่คือคนที่มีmindsetของนักเตะกองหลังชัดเจนที่สุดในทีม เมื่อความมุ่งมั่น ความทุ่มเทของเขา เขามีความคิดที่จะป้องกันประตูให้ทีมอย่างเต็มที่ทุกครั้ง  การเล่นของโจนส์จึงถือว่า เป็นกองหลังขนานแท้ที่ ควรเอาเยี่ยงอย่างในด้านของวิธีคิดการเล่นเกมรับ

ยังไม่ต้องพูดถึงเอริค ไบญี่ ที่จริงๆแล้วมันยังมีของ และดูมีลุ้นให้พัฒนาการเล่นได้ในอนาคต ชั้นเชิง ความเร็ว ความแข็งแกร่งที่มีครบในตัว นี่ก็ยังพอจะมีลุ้นได้หากแก้ปัญหาเรื่องความฟิตและอาการบาดเจ็บ รวมถึงการเล่นแบบเสี่ยงๆได้

ใช่ครับ สมอลลิ่ง โจนส์ ไบญี่ ก็ยังใช้งานลงสนามได้อยู่  แล้วทำไมนับแค่ลินเดอเลิฟคนเดียว

คำตอบก็คือ เราพูดเรื่องนี้ในมิติของการ "พัฒนาทีมให้ดีกว่าเดิม"


เพราะถ้าคุณจะบอกว่า มีไอ้พวกนี้ก็ใช้ไปสิไม่เห็นต้องเปลี่ยน นั่นแปลว่า คุณก็จะได้ทีมที่อยู่แค่อันดับ6 ตกรอบแต่ไก่โห่ และไม่มีลุ้นรายการไหนสักรายการเลยเหมือนเดิม

นั่นแหละคือคำตอบที่ว่า ทำไม สมอลลิ่ง โจนส์ ไบญี่ ถึงยังไม่พอเพียงกับการปรับปรุงทีมให้ดียิ่งขึ้น

ข้อเขียนที่ว่านี้นั้นเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นเบื้องต้นของผู้เขียนเท่านั้น เราอาจจะคิดไม่เหมือนกันได้ คุณอาจจะนับได้ 2ก็ได้ที่ใช้งานได้ นั่นก็คือ ลินเดอเลิฟ กับ ไบญี่ หรือ ลินเดอเลิฟ กับ สมอลลิ่ง  ฯลฯ  เรื่องพวกนี้คิดต่างกันได้ แต่เพื่อให้เห็นภาพ จึงจำเป็นต้องชี้ให้เห็นตามมุมมองของผู้เขียน และการวิเคราะห์เบื้องต้น

และขอสรุปอีกครั้งว่า หากเราต้องการจะทำให้ทีมดีขึ้นนั้น จาก7คนแคระที่มีอยู่ในทีม  เราใช้การได้จริงเพียงแค่1เท่านั้นกับการใช้เป็นตัวหลักให้ทีม นั่นคือ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ

2. นักเตะที่ใช้การแทบจะไม่ได้

ข้อนี้ก็ต้องขอพูดตรงๆในรายของ มาร์กอส โรโฮ และ มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน สองรายนี้ก็ถือเป็นจุดบอดเช่นกันที่ยังไม่สามารถโละ หรือเคลียร์ออกจากทีมได้ ทั้งๆที่เอาจริงๆแทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ และไม่อยู่ในแผนการทำทีมของผู้จัดการทีมด้วยซ้ำ อยู่ที่ว่าหลังไมค์เค้ามีการพูดคุยอนาคตกันยังไงระหว่าง ผจก. กับตัวนักเตะ ว่าจะอยู่สู้ไหม และจะอยู่ในบทบาทไหน

มาร์กอส โรโฮ คืออีกหนึ่งนักเตะที่น่าเสียดายมากๆที่ต้องมีปัญหากับอาการบาดเจ็บ  ฟอร์มก่อนเจ็บช่วงสามปีก่อนหน้านี้ ยุคของโจเซ่ มูรินโญ่  เขาแบกกองหลังของทีมมากที่สุดในปีที่ได้แชมป์ยูโรป้าลีกนั่น กับฟอรมการเล่นCBระดับสุดยอดที่มีทั้งความดุดัน ลูกตุกติก ความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความมั่นใจ  เรียกง่ายๆว่า ร่างทรงคันนาวาโร่ที่แซวๆกัน มันก็มีมูลอยู่ประมาณนึงเลย(ฮา) 

แต่ในทันทีที่ความโชคร้ายมาเยือน และความทุ่มเทในการป้องกันของเขา เรียกอาการบาดเจ็บมาเป็นปีศาจร้ายที่พรากความเก่งกาจของเขาไป  โรโฮหลุดหายไปจากทีมเป็นเวลานาน และไม่สามารถกลับมาฟิตได้แบบเดิมอีกเลยจนถึงตอนนี้ ทั้งๆที่นี่เป็นนักเตะกองหลังสารพัดประโยชน์ที่สุดคนนึง เมื่อเล่นเซ็นเตอร์ก็ได้ เล่นแบ็คซ้ายก็ยังดีอยู่ จนถึงตอนนี้แล้ว โรโฮยังดูไม่ฟิตและเหมือนนักเตะที่เจ็บง่าย ตามฟิลโจนส์ไปอีกคน

อาการบาดเจ็บพรากนักเตะเทพๆไปอีกคน

อีกรายหนึ่ง พ่อหนุ่มหน้าหล่อจากแดนมะกะโรนี ถูกจัดเอาไว้เป็นตัวเลือกของตำแหน่งCBเช่นกัน ถ้าทุกคนจะยังจำได้ว่าเขาสามารถเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีพอๆกับการเป็นแบ็คเลย, ดาร์เมี่ยน หมอนี่ก็หลุดจากแผนการทำทีมไปเช่นกัน คือถูกละเลยและมองข้ามในฐานะนักเตะตัวหลักๆไปแล้วถ้าไม่จำเป็นจริงๆคงไม่ได้ลง เพราะโซลชาเองก็น่าจะมองพวกเด็กๆในทีม และพวกสัญชาติอังกฤษมาก่อนเพื่อสร้างเป็นทีมที่มีคนอังกฤษเป็นแกนหลักของsquadแมนยูไนเต็ด เมื่อเขาไว้ใจความสด ความเด็กของดาโลต์มากกว่า และยิ่งการเข้ามาล่าสุดของ AWB ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า อนาคตของพี่เมี่ยนจะเป็นยังไง แถมเจ้าน้องโล่ต์ก็เล่นได้ทั้งแบ็คซ้ายแบ็คขวาด้วย ดาร์เมี่ยนก็เป็น 1ใน7 ที่น่าจะต้องถูกตัดออกจากสารบบทีมเรียบร้อยแล้ว

ไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ยังขายไม่ออก!

ดังนั้นจากข้อ2นี่ ก็ฟาล์วไปอีก 2ราย คือมีที่ใช้ประโยชน์จริงๆไม่ได้2คนเต็มๆที่ไม่สามารถโละออกจากทีมได้(เพราะไม่มีใครมาซื้อเลย) นี่ก็ปัญหาอีกหนึ่งอย่าง


3. กองหลังที่ยังอยู่เยอะและโละไม่ออก แต่เราก็ต้องรีบนำเข้ากองหลังเข้ามาอีกอยู่ดี!

ซึ่งถ้าในไม่กี่วันนี้ ดีลของ แฮรี่ แมกไกวร์(ฝัน) ที่งวดเข้ามาเรื่อยๆทุกขณะแล้วจากการที่นักเตะร้องขอขึ้นบัญชีย้าย และแมนยูเดินเกมหนักขึ้นทีละนิดๆ ทำให้โอกาสที่เคยเขียนไว้ว่า 70%ย้ายมานั้น เริ่มใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีๆ  แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็น "ปัญหา" อีกอย่างหนึ่งของโซลชาเช่นกันที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

กล่าวคือ ของเดิมก็โละไม่ออก แต่ของใหม่ก็ "ไฟต์บังคับ" ต้องเอาเข้ามาให้ได้

เพราะที่พูดไปแล้ว หากคุณจะดูแค่ "ปริมาณ"  คุณก็เตรียมตัวลงไปอยู่"ใต้ตีน"อย่างที่พวกเราโดนทีมๆหนึ่งเหยียดหยามเอาไว้ได้เลย เพราะคุณภาพมันก็จะอยู่แค่ที่เดิมที่เรามีนั่นแหละ อันดับปีก่อน6 ปีนี้คิดว่ามันก็คงจะไม่หนีไปจากเดิมมากนัก เมื่อเราไม่ได้เสริมทีมอะไรให้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นชิ้นเป็นอันเลย

แต่ถ้าคุณเป็นแฟนแมนยูไนเต็ดที่รักทีมและอยากเห็นทีมดีขึ้นกว่านี้ แน่นอนว่า ดีลกองหลังตัวใหม่ เราทุกคนต้องยอมรับมันว่า มันจำเป็นจริงๆที่ต้องเอาตัวเก่งๆเข้ามาร่วมทีมให้ได้หลังจากนี้ ซึ่งโจทย์ที่ว่านั่นคือ แมกไกวร์ จิ้งจอกหนุ่มตัวเบ้งดีกรีตัวจริงทีมชาติอังกฤษผู้นี้นี่เอง


หากได้แมกไกวร์เข้ามา กล้าเอาหัวรับประกันเลยว่า นี่คือการยกระดับทีมและแก้ไขจุดอ่อนได้ตรงจุดที่สุด เหมือนที่ลิเวอร์พูลคู่กัดของเราทำได้ในการนำเข้า VVD ที่เคยถูกแฟนบอลเราแซะกันสนุกสนานว่าโง่ซื้อมาทำไมแพงเว่อร์ แต่สุดท้ายถูกหวยและคำพูดก็ย้อนเข้าแฟนผีเต็มๆ ดังนั้นในเคสเดียวกัน สถานการณ์เดียวกัน แมนยูไนเต็ดมีปัญหาหลังบ้านรั่ว และหนึ่งในนั้นคือปัญหาจากการเล่นของนักเตะแผงกองหลัง เมื่อสมอลลิ่งไม่เคยไว้ใจได้ ในขณะที่โจนส์ ไบญี่พร้อมจะเจ็บตลอดเวลา และเล่นเสี่ยงๆให้ทีมลำบากเสมอๆ  การเข้ามาของแมกไกวร์ ถือเป็นfirst priority ที่ทีมซื้อขายต้องทำให้ได้สำเร็จในซัมเมอร์นี้

แม้จะมีอยู่7อยู่แล้ว  แต่เราก็ยังจำเป็นต้องพาจิ้งจอกหนุ่มผู้นี้เข้ามาเป็นรายที่8อยู่ดี และผมค่อนข้างเชื่อว่า ส่วนหนึ่งที่ยังโละไม่ได้ก็คงจะรอคอนเฟิร์มดีล ฮรมก. ผู้นี้ก่อน ถ้าได้ตัวมาแล้ว ถึงค่อยพร้อมที่จะปล่อยใครสักคนหรือสองคนออกอย่างเป็นจริงเป็นจัง

4.กองหลังดาวรุ่งที่ยังรอโอกาส

 ผู้เขียนไม่ได้ลืมที่จะเขียนถึง 1ใน7 กองหลังของเราอย่าง "Axel Tuanzebe" ซึ่งแอกเซลนั้น ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม1ที่คุณภาพเดิมไม่เพียงพอ และต้องปรับปรุงอย่าง "ลิ่ง-โจนส์-ไบญี่"  และก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ "ใช้การไม่ได้" เหมือนดาร์เมี่ยน โรโฮ  แต่ตวนเซเบ้ ถือว่าเป็น "ความหวังแห่งอนาคต" ที่เราต้องจัดการให้ดี และให้เขาได้สัมผัสเกมการเล่นเพื่อพัฒนาตัวเองมากที่สุด ดังนั้นสถานการณ์ของเขาถือว่าอยู่ในระหว่างรอดูว่า การเสริมทัพปีนี้ของแมนยูไนเต็ดจะเป็นยังไง

กรณี4.1-ถ้าแมนยูไนเต็ดสามารถเซ็นแมกไกวร์ เข้าทีมมาได้  สมควรปล่อยยืมTuanzebeให้กับทางวิลล่าอีกหนึ่งฤดูกาล เพื่อให้เก็บประสบการณ์กับพรีเมียร์ลีกแบบเต็มๆซีซั่นเลย รับรองว่า จะเก่งแบบก้าวกระโดดยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกที่ปีก่อนได้ลงถึง25นัดและพาวิลล่าเลื่อนชั้นขึ้นมาพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ   สาเหตุก็เพราะว่า ถ้ามีตัวจริงอย่างแมกไกวร์เข้าทีมมา นั่นแปลว่า โอกาสในการได้ลงเล่นของตวนเซเบ้ เหลือน้อยแทบจะเป็น0 เพราะตัวจริงสองตัวก็จะถูกจองโควตาให้กับ แมกไกวร์-ลินเดอเลิฟ ไปแล้ว ในขณะที่แบ็คอัพคู่อย่าง  สมอลลิ่ง-โจนส์  ก็จองไปอีก2ตำแหน่งเต็มๆ คำถามคือ แล้วจะเหลือโอกาสอะไรน้องตวนถึงจะได้ลง .. นู่นเลยครับ ลีกคัพ และก็มีแค่ไม่กี่นัดด้วย ดังนั้น ถ้าแมกไกวร์มาเรียบร้อย ควรปล่อยยืมตวนเซเบ้ให้เร็วที่สุดเพื่อพัฒนาการของน้อง ไม่ควรดองอยู่ม้านั่งสำรอง

เพราะนักเตะคนนี้เพิ่งต่อสัญญายาวกับเราและเป็นอนาคตที่สดใสสุดๆของกองหลังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด


กรณี4.2-ถ้าว่าวแมกไกวร์ไป จะทำยังไง? หากว่าพลาดตัวจริงๆและสุดท้ายเราเฟลในตลาดนักเตะ การเก็บตวนเซเบ้เอาไว้ใช้ ถือเป็นชอยส์ที่ดีเลย เหมือนได้นักเตะคนใหม่เข้ามา และน้องตวนสมควรได้รับโอกาสในการเป็นแบ็คอัพในเลเวลเท่าเทียมกับ สมอลลิ่ง โจนส์ (และไบญี่)  เพราะถ้าไม่มีคนใหม่เข้ามาแล้ว ก็ใช้ตวนเซเบ้นี่แหละเพื่อลุ้นฟอร์มการเล่นที่ดีให้กับทีม

โดยที่เคสนี้เราจะใช้ ลินเดอเลิฟ ยืนเป็นตัวหลักก่อน จากนั้นก็จะสลับลองเอา ตวนเซเบ้ ลองมายืนคู่กับไอ้เลิฟดูบ้าง และก็สามารถลองสลับกับเซ็ต  "เลิฟ-ลิ่ง" / "เลิฟ-โจนส์"  หรือ "เลิฟ-ไบญี่" ได้ตามความจำเป็นและสถานการณ์ ถ้าสรุปแล้วซื้อใครเข้ามาไม่ได้เลย ก็ควรลองใช้ตวนเซเบ้ได้แล้ว หากว่า "โซลชา" อยากจะสร้างทีมเด็กหนุ่มขึ้นมาใหม่จริงๆ

ควรเลิกยึดติดกับสมอลลิ่ง โจนส์ได้แล้ว แม้มันจะมีประสบการณ์และความชัวร์กว่าตวนเซเบ้ก็ตาม แต่สองคนนั้น "พัฒนามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว" (มันหลายปีแล้วจนไอ้สองตัวนี้มันจะแก่แล้วนะ) ไม่งั้นมันพัฒนานานมาจนกลายเป็น  ริโอ-วิดิช ภาค2ไปหลายปีแล้ว แต่ทุกวันนี้สองคนนี้ยังคงสร้างเรื่องหลอนๆให้เดเคอา ไม่ต่างกับยุค ซิลแวสตร์ เวสบราวน์ โอเชีย สามประสานOGในยุคป๋าเลย!

ช่างทรงพลัง! โซลชาและมนต์อสูรไนท์ออฟราวด์ของเขา

จากการสรุปประมวลปัญหาทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่ามันมีเรื่องราวที่  โอเล่ กุนนาร์ "สโนว์ชา" จะต้องจัดการกับคนแคระทั้ง7ของเขาให้ได้ เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดให้กับทีม / แถมคนที่8 ก็กำลังจะเข้ามาสมทบที่สโมสรที่เป็นที่รักและหญ้าสวยที่สุดของเรา จากเรื่องราวทั้งหมด 4 ข้อ มันคือหน้าที่โดยตรงของ โซลชา ว่าจะทำยังไงกับเฉพาะปัญหานักเตะกองหลังของทีมเรา

เสริมให้แข็งแกร่งขึ้น ก็ต้องเสริม ในขณะที่ ของเก่า ก็ดันยังอยู่ครบ

นี่คือโจทย์ยากสำหรับโซลชาจริง

ถามว่า มันยากตรงไหน? ตัวกระจอกก็ขายออก แล้วก็ซื้อตัวดีๆเข้ามาสิ ตัวไหนไม่ใช้งานก็ปล่อยออก

ใช่แล้วครับ ตามทฤษฏี ตามความคิดเห็นของโค้ชคีย์บอร์ดอย่างพวกเรา มันก็ดูจะง่าย ขอแค่ทำให้ตรงใจแฟนบอลเท่านั้นว่าใครควรเก็บ ใครควรขาย แต่...

ในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่ได้ทำได้ง่ายแบบนั้น เพราะว่า

-นักเตะของเราตัวที่อยากปล่อยใจจะขาด ไม่มีใครซื้อ หรือสู้ราคาเลยสักคน (เคสโรโฮ ดาร์เมี่ยน)

-นักเตะที่สมควรโละและยังไม่ดีพอสำหรับแมนยูไนเต็ด ก็เพิ่งต่อสัญญาไปยาวๆ โละยากแล้ว (สมอลลิ่ง-โจนส์)

-การซื้อขายนักเตะมันไม่ได้ทำได้ง่ายๆเหมือนพูด เพราะปัจจัยมีมากมาย ทั้งสัญญาที่ยังเหลืออยู่  ค่าเหนื่อย ค่าตัว เอเย่น ฯลฯ

คนขวานี่ก็อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเรื่องการซื้อขาย -''-

จะเห็นว่า ณ ตอนนี้ที่เขียน ปัญหาของนักเตะบางคนในทีม เป็นเหมือนเงื่อนตายอีรุงตุงนังที่แก้ไขไม่ได้ และจะเก็บไว้เฉยๆเสียเงินค่าเหนื่อยฟรีๆไปเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นผลดีเลยกับสโมสรในรายของ โรโฮ ดาร์เมี่ยน ถ้าจะไม่ได้ใช้งานอะไรเลย คงจะต้องรอดีลของแมกไกวร์ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน ผมคิดว่า อาจจะมีการขยับเขยื้อนบ้างของส่วนเกินแผงหลังอย่างสองคนนี้ และอีกคนหนึ่งที่ต้องรอก็คือ แอกเซล ตวนเซเบ้ ที่น่าจะรอการย้ายทีมไปวิลล่าอีกครั้ง เพราะทางสโมสรนั้นสนใจอยากจะซื้อขาดเจ้าหนูตวนของเราด้วย แต่เราเพิ่งต่อสัญญายาวเก็บเด็กคนนี้ไว้ (ทำดีมากเรื่องนี้)

ทั้งหมดที่เขียนมานี้ จึงเป็นภาพรวมของปัญหาการบริหารจัดการนักเตะของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เขาจะต้องจัดการให้ได้ต่อจากนี้  ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของแต่ละนักเตะ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและกระทบชิ่งอะไรยังไงบ้าง หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการเข้ามาเพิ่มเติม หรือย้ายออกไปของนักเตะบางคน

การได้กองหลังดีๆเข้ามาก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในสโมสรเราของหมอนี่ด้วย

หากจะให้ประมวลให้เห็นภาพชัดที่สุดสำหรับแนวทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ที่โซลชาควรจะทำ ในความคิดของเรานั้น ควรเป็นเช่นนี้ ทำทีละสเต็ปขั้นตอนไปเลย รับรองชัวร์

1.ดีลแมกไกวร์ให้สำเร็จ (ซึ่งมันต้องสำเร็จแน่ๆไม่งั้นงานนี้เอ็ดและเกลเซอร์โดนยกพลไปกระทืบแน่ๆ

2.ใช้แมกไกวร์ ยืนเป็นCBตัวจริง คู่กับ ลินเดอเลิฟ ยาวๆ ใช้สองคนนี้เป็น "คู่CBหลัก"

3.สมอลลิ่ง โจนส์ ลดระดับเหลือเป็นสำรองเท่านั้น แต่ก็เป็น "แบ็คอัพหลัก" เพราะยังไงพวกเขาก็ประสบการณ์สูง ลงเล่นได้จริงอยู่ดี อย่าอคติกับสองคนนี้มากเกินไปนัก ข้อดีมันก็ยังมีอยู่เยอะ

4. ปล่อยยืมตวนเซเบ้ไปสู่ทีมระดับพรีเมียร์ลีกอีก1ซีซั่น และคิดว่าคงเป็นเจ้าเดิมวิลล่าที่นักเตะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เพื่อการพัฒนาและชั่วโมงบินของน้อง ควรปล่อยยืมรายนี้ ดองเอาไว้เป็นแบ็คอัพ หรือตัวเปลี่ยน ฝีเท้ามันจะชะงักทันทีสำหรับเด็กเลเวลนี้

5. รายของไบญี่ โรโฮ ดาร์เมี่ยน ที่เหลืออีก3คน  คิดว่าจริงๆแล้วควรจะเหลือโควตาตรงนี้อีกแค่ 1ตำแหน่งเท่านั้น ก็คือ CBสำรองตัวที่3 (ถัดจาก สมอลลิ่งโจนส์)  แน่นอนว่า ตัวที่ภาษีดีที่สุด คงหนีไม่พ้น เอริค ไบญี่ อยู่แล้วที่ดีสุดในบรรดาสามคนนี้ เนื่องจากอายุยังน้อย พัฒนาได้อีกเพียบ และเจ้าตัวก็อยากสู้พิสูจน์ตัวเองอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ไบญี่เองก็เริ่มที่จะมีข่าวมาบ้างแล้ว เมื่อมีสายรายงานว่า ยูไนเต็ดอาจจะปล่อยตัวไบญี่ให้กับทาง อาร์เซนอลที่สนใจ (กอสเซียลนี่ที่เพิ่งสไตรค์อาร์เซนอล ไม่ยอมไปรายงานตัว ยิ่งทำให้ข่าวนี้มีมูลมากขึ้น และถ้าเสียให้น่อลไป บอกเลยว่าโคตรเสียดาย) 

เคสของ ไบญี่ ถือว่าเป็นอะไรที่ขัดแย้งและน่าอึดอัดมาก เพราะดูทรงแล้วเขาเป็นตัวเลือกในลำดับหลังจากสมอลลิ่ง กับ โจนส์ เสียอีก แต่อันที่จริง ไบญี่ ควรจะได้เป็น 1ใน3 ตัวเลือกหลักของทีมด้วยซ้ำ (ลินเดอเลิฟ ไบญี่ แมกไกวร์ ถ้าซื้อสำเร็จ) แล้วใช้ ลิ่ง โจนส์ สำรองเผื่อตัวหลักเจ็บ  หากเก็บไบญี่เอาไว้ได้ และใช้งานในรูปแบบของตัวเปลี่ยนหลัก3ตัวแรก จะประสบความสำเร็จที่สุด

6. ขั้นตอนสุดท้ายที่เหลือ ดังนั้นเราก็จะเห็นส่วนเกินว่า ดาร์เมี่ยน กับ โรโฮ "จำเป็นต้องปล่อยออกจากทีมให้ได้" เพื่อเคลียร์ปริมาณนักเตะ ล้างsquadใหม่ และลดการจ่ายค่าเหนื่อยส่วนที่เกินความจำเป็นออกไป  คิดว่าหมดเวลาแล้วสำหรับโรโฮและดาร์เมี่ยน  ส่วนใครที่มองว่า โรโฮยังเก็บไว้เป็นสำรองแบ็คซ้ายลุค ชอว์ได้ เพราะอีหนูชอว์เจ็บบ่อยเหลือเกินนั้น .. คิดว่าเอาตรงนี้ไปหวังการลงสนามของ "ดาโลต์" หรือ "แอชลี่ ยัง" น่าจะดีกว่าการเก็บโรโฮไว้ใช้ เพราะตอนนี้ตำแหน่งของแอชลีย์ ยัง ไม่ต้องไปช่วยซัพแบ็คขวาแล้ว เพราะมีAWBิเข้ามา ดังนั้นเขาจะกลับมาเป็นสำรองแบ็คซ้ายเช่นเดิม

เมื่อ อ.ยังก็เล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่า  โรโฮจึงหมดความจำเป็นในการเก็บไว้ทันที

สรุป กองหลังที่ควรเก็บไว้ใช้ทั้งหมด มี5คนซึ่งกำลังดีทั้งปริมาณและคุณภาพ

= Maguire(ถ้าได้) Lindelof Bailly สำรองสองตัว Smalling / Jones

-----------------------------------------------------------------

ตัวที่ไม่อยู่ในSquad 2019/20

ขาย = Rojo Darmian / ปล่อยยืม Tuanzebe

** Fosu-Mensah ยังไม่รู้ชะตากรรม ปรีซีซั่นก็ไม่ได้ไป ตัวนี้น่าเป็นห่วงสุด และก็ไม่รู้จะเขียนถึงยังไง ข่าวหายเงียบไปหมดเกลี้ยงเลยด้วย


นี่คือการจัดการในฝัน ที่หวังว่า โซลชาจะจัดการกับปัญหากองหลังของเราได้ดังนี้ ขอแค่จุดเริ่มต้น ให้ได้ แฮรี่ แมกไกวร์ เข้าทีมมาให้จงได้ จากนั้นแล้วจะสามารถจัดสรรนักเตะลงไปในหน้าที่ต่างๆได้ง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้แผงกองหลังของเราก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทาง และสามารถสร้างทีมแห่งอนาคตได้ เมื่อเราอาจจะได้แผงแบ็คโฟร์นิ่งๆที่จะยืนระยะไปอีกนานหลายปี เต็มไปด้วยนักเตะอายุน้อย นั่นก็คือ

Shaw(24) — Lindelof(24) — Maguire(26) — Wan-Bissaka(21)

สำหรับกองหลังถือว่าวัยกำลังดีเลย ไม่อ่อนไป ไม่แก่ไป แถมจุดพีคยังมาไม่ถึงด้วย และการมีแบ็คอัพประสบการณ์สูงๆอย่างสมอลลิ่ง โจนส์ สำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีตัวสำรองเกรดขนาดนี้ ซึ่งเชื่อว่าสองคนนี้พร้อมนั่งสำรองได้แน่นอน มันจะเป็นการมีชุดนักเตะเกมรับที่ยอดเยี่ยมมากถ้ามีสำรองที่คุณภาพใกล้เคียงกันเช่นนี้ 

ขอแค่แมกไกวร์เข้ามา ทุกอย่างจบจริงๆในเรื่องของ CB จากนั้นแล้วเราค่อยไปไล่หากลางรับดีๆมาเสริมอีกสักตัว เมื่อเกมรับกลับมาแน่นตรั้บเหมือนเดิมเมื่อไหร่

เมื่อนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะกลับมาสู่สถานะ "ผู้ไล่ล่า" อีกครั้งอย่างแน่นอน

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด