:::     :::

"ผมถวายชีวิตให้สโมสรนี้" Marcus Rashford

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,652
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แรชฟอร์ดผู้ซึ่งรู้ว่าเขามีหน้าที่ต้องแบกภาระเป็นผู้นำทีมชุดปัจจุบัน เปิดเผยบทบาทของเขา และการทุ่มเทชีวิตให้กับสโมสรเรามากมายเพียงใด

ในการให้สัมภาษณ์กับทางUnited Review  มาร์คัส แรชฟอร์ดเผยให้รู้ว่าเขารู้สึกตื่นเต้นมากเพียงใดในเรื่องอนาคตกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เด็กหนุ่มฮีโร่ท้องถิ่นผู้นี้กำลังจะลงสนามเป็นซีซั่นที่5แล้วในฐานะนักเตะตัวจริงของทีมที่กำลังจะลงเตะในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้กับการเป็นเจ้าบ้านรับการมาเยือนของเชลซีในเกมพรีเมียร์ลีกในเวลา 4ทุ่มครึ่ง ตามเวลาในบ้านเรา


เป็นซัมเมอร์ที่วุ่นๆของมาร์คัส หลังการเซ็นสัญญาระยะยาวกับสโมสรที่เขาอยู่มาตลอดชีวิต และรวมถึงเกมปรีซีซั่นทั้งหกเกมที่เพิ่งทดลองทีมผ่านไป

ดาวรุ่งชื่อดังวัย21ปีรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี และโฟกัสอยู่กับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง ด้วยความสดของเหล่าเด็กหนุ่มที่มีความกระหายทะเยอะทะยานนั้น เขารู้สึกว่าเราจะประสบความสำเร็จได้

"ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก สำหรับผมแล้วมันเกี่ยวกับการได้ต่อสัญญาใหม่ออกไปและทำให้ผมมั่นใจว่าจะได้อยู่ที่นี่เพื่อสโมสร มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่จะทำให้สโมสรกลับไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น อย่างที่ทุกๆคนรู้ว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นเคยเป็นมา"

นี่คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

"ผมมอบชีวิตของผมให้กับสโมสรและนั่นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆสำหรับผม เมื่อคุณอยู่ในทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะอายุน้อยๆซึ่งร่วมแชร์ความทะเยอทะยานซึ่งกันและกัน รวมถึงมีแรงขับที่ไม่ต่างกันนั้น ผมจึงรู้สึกได้แค่ว่าพวกเราจะประสบความสำเร็จแน่ๆ"

"บางครั้งมันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ถ้าพวกเรายึดมันกับแผนการเล่น รวมถึงทำงานร่วมกันเป็นทีม และพวกเรามีผู้จัดการทีมที่ดีซึ่งรู้จักสโมสร และมีความมุ่งมั่นทะเยอทะยานแบบเดียวกัน ใครจะรู้ล่ะเราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้"

ผู้จัดการทีมผู้ซึ่งเป็นคามิโอชิแรชฟอร์ดอันเหนียวแน่น

"มันไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น นี่คือกลุ่มของนักเตะอายุน้อยที่เล่นร่วมกันและพวกเราสามารถที่จะเริ่มมุ่งไปสู่สิ่งที่อยากจะเป็นได้ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผมที่พวกเราสามารถช่วยเหลือเหล่าน้องๆให้ขึ้นมาได้ มันล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ในการที่จะเติบโตขึ้นมาในสีเสื้อของแมนยูไนเต็ด มันเป็นก้าวต่อๆไปเท่านั้น

ในขณะที่ตอนนี้แรชฟอร์ดถือว่าได้ขึ้นมาอยู่ในระดับของสมาชิกที่มีประสบการณ์แล้วของทีม ดังนั้นเราแทบจะลืมไปแล้วว่าเขาเองก็เพิ่งจะอายุ21ปีเท่านั้น และก็พัฒนาตัวขึ้นมาในทุกๆด้านของการเล่น

การได้เล่นคู่กับนักเตะอย่างซลาตัน ช่วยให้แรชฟอร์ดพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

นักเตะผู้มีถิ่นกำเนิดมาจากย่านWythenshaweกล่าวต่อว่า "สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องของการที่จะกลายเป็นคนที่สามารถรับผิดชอบ(สิ่งที่ทีมต้องการ) และสามารถไว้วางใจ เชื่อถือเชื่อมั่นได้  ผมรู้สึกว่ามันเป็นก้าวต่อไปสำหรับผม"

"ทุกๆสิ่งเป็นไปในทิศทางที่มันควรจะเป็น ผมยังจำขั้นตอนการดำเนินไปเช่นนี้ได้เหมือนเมื่อตอนที่ผมเข้ามาสู่ทีมU-18ครั้งแรก และก็ใช้เวลาเป็นฤดูกาลเพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่การเล่นในระดับมาตรฐานของฟุตบอล  ยังไม่ทันจะรู้ตัวคุณก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่เป็นผู้นำของทีมแล้วที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในสนาม และผมก็อยู่ในสถานการณ์นั้นอีกครั้งที่ต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในทีมชุดใหญ่ของสโมสร"

ภาระแบกทีมที่รูนีย์ส่งต่อไปสู่อนาคต

ความสำเร็จของแรชฟอร์ดที่มีมาทั้งหมดในวัย21ปีนั้นโดดเด่นมาก กับการลงเล่นไปถึง 170นัดแล้วให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด การได้เล่นในแชมเปี้ยนสลีก  ได้แชมป์ถ้วยเมเจอร์ถึง3ถ้วย และมีบทบาทกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับนานาชาติถึง2ครั้งแล้วกับทีมชาติอังกฤษ 

มาร์คัสอยากจะเติบโตและพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ในซีซั่นที่จะถึงนี้ ฤดูกาล 2019/20 และเขารู้สึกพร้อมมากกว่าที่เคยเป็นมาในโอลด์แทรฟฟอร์ด

"มันคือการนำเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่เคยมาใช้ด้วยกัน นั่นก็คือการที่คุณรู้ว่าทำยังไงมันถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้  ในตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ทั้งทางด้านจิตใจ และทางด้านร่างกาย ผมเตรียมพร้อมมากกว่าเมื่อก่อนอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านร่างกายของผมที่พร้อมมากจริงๆ

แรชฟอร์ดพัฒนากล้ามเนื้อและร่างกายขึ้นมาได้ดีจริงๆ

และนี่คือ บทสัมภาษณ์ล่าสุดของกองหน้าหมายเลข10 ตัวความหวังของเราอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พูดกันตามตรงแล้ว เขาคือนักเตะแนวรุกที่สามารถฝากผีฝากไข้เอาไว้ได้มากที่สุดของทีมจริงๆ ในบรรดาตัวหลักๆของเราทั้งหมดที่มีในตำแหน่งกองหน้า ไม่ว่าจะเป็น มาร์กซิยาล  อเล็กซิสซานเชส หรือแม้กระทั่ง เมสัน กรีนวู้ดก็ตาม เฉพาะในตำแหน่งกองหน้า เขาคือคนที่คาดหวังผลงานดีๆได้มากที่สุด แม้ว่าในตำแหน่งเบอร์9ของมาร์กซิยาลเองนั้น จะมีสถิติการยิงและเปลี่ยนเป็นสกอร์ที่ดีก็ตามที แต่ความแน่นอนของการคาดหวังผลงานนั้น แรชฟอร์ดมีความstable และคงเส้นคงวามากกว่ามาร์กซิยาลมาก

เรียกว่าฝากผีฝากไข้ให้แบกเกมรุกและการพังประตูเราได้มากที่สุดของทีมนั่นแหละ

Ole's Trinity

ซึ่งรวมไปถึง ตัวรุกทุกคนของเราที่มี ทั้ง แดเนียล เจมส์ ที่ยังดิบ และต้องการประสบการณ์เกมใหญ่ๆ รวมถึงกระดูกอีกเยอะ / เจสซี่ ลินการ์ด ที่... อืม  และตัวรุกคนอื่นๆที่มี ไม่ว่าจะเป็นเปเรร่า มาต้าเองก็ตาม แรชฟอร์ดถือว่าทำเกมรุกของเราได้น่ากลัว และแน่นอนที่สุดแล้ว ยังไม่ต้องนับเหล่าดาวรุ่งที่ต้องรอเวลาเติบโตขึ้นมาอย่าง ตาฮิธ ชง และ อังเคล โกเมสก็ตามที

การต่อสัญญาใหม่ของแรชฟอร์ดที่ว่านี้จึงเป็นเหมือนสัญญาณที่ชัดเจนว่า บทบาท และความรับผิดชอบที่เจ้าตัว "ให้สัมภาษณ์" เอาไว้ในบทความนี้นั้น คือเรื่องจริงที่ต่อจากนี้ เขามีหน้าที่ที่จะต้องแบกเกมรุกของสโมสรในฐานะ "ผู้นำ" ในแดนหน้าของเราแล้ว หน้าที่รับผิดชอบของแรชฟอร์ดมันยิ่งใหญ่ และหนักหน่วงมากจริงๆ

เพราะมันหมายถึงความหวังของแฟนผีหลายสิบล้านคนทั่วโลก!

เด็กคนนี้แหละที่แบกความหวังของพวกเราทั้งหมดเอาไว้

ด้วยวัยของน้องมัน อย่างที่Michael Plantผู้เป็นauthorของบทความการสัมภาษณ์นี้เขียนเอาไว้ตลอดแทบทุกพารากราฟก็คือ เด็กคนนี้อายุแค่ 21 แต่ต้องมาแบกสโมสรที่มีฐานแฟนบอลเยอะมาก และมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานมาก ซึ่งในสมัยก่อน แม้เราจะมีดาวรุ่งก็จริงอย่าง ไรอันกิ๊กส์ พวกคลาสออฟ92 หรือแม้กระทั่งโรนัลโด้ กับ รูนีย์ ก็ตาม

แต่ดาวรุ่งที่ว่าทุกคนไม่ได้มีภาระรับผิดชอบในการแบกความหวังทีมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

รุ่นนั้นกิ๊กส์ที่เป็นดาวรุ่งก็ไม่ต้องแบก คนแบกก็นู่นเลย ตาคนซ้ายนี่แหละ

เพราะปัจจัยองค์ประกอบอื่นๆในทีมมันดีพร้อม และช่วยเกื้อหนุนกันทุกภาคส่วน แต่กลับกัน ในทีมที่ยังมีจุดอ่อนที่ต้องเสริมอยู่เพียบ แม้ว่าซีซั่นนี้จะได้กองหลังตัวหลักมาเพิ่มถึงสองคนก็ตาม แต่มันก็เป็นแค่ประมาณ 4 ใน 10 ของปัญหาทั้งหมดที่ทีมมีและยังต้องเสริมทีมอีกมาก ถึงจะเข้าใกล้กับการท้าชิงแชมป์กับทีมใหญ่อื่นอย่าง สเปอร์ แมนซิตี้ หรือแม้กระทั่งลิเวอร์พูลได้

อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า ผมตีราคาของ แรชฟอร์ด สูงที่สุดในบรรดานักเตะตัวรุกทุกคนในทีม เรียกง่ายๆว่าฝากความหวังเอาไว้ที่มันนั่นแหละ แม้ว่าจะมีการเล่นที่ยังขาดๆเกินๆบ้าง ฝืนเกินเหตุบ้าง ตัดสินใจไม่ดีบ้าง แต่โดยพื้นฐานทั่วไปก็ถือว่า แรชฟอร์ดมีสิ่งที่ตัวรุกจำเป็นต้องมีนั้น เหนือกว่าคนอื่นๆแบบขาดลอย ไม่ว่าจะเป็นพลัง ความเร็ว ความคมและความแน่นอนในการจบสกอร์ การตั้งเกมรุก และรวมถึงการหาโอกาสยิงไกลเพื่อสร้างโอกาส

ทุกๆอย่างเขามีสกิลที่อยู่ในระดับที่พึ่งพาได้มากที่สุดของสโมสรเลยในการพิจารณาความสามารถองค์รวมของนักเตะ


ดังนั้น พูดเลยตอนนี้ว่า ในยามที่ทีมเราเพิ่งเสียกองหน้าตัวหลักอย่าง โรเมลู ลูคาคู ออกไปให้กับอินเตอร์มิลาน และทีมเรากลับไม่ได้หาตัวแทนเพื่อเข้ามาช่วยงานเกมรุกในตำแหน่งกองหน้าเราเลยนั้น ตอนนี้มีเพียงเด็กวัย17ปี เป็นแบ็คอัพให้เขาเท่านั้น หากไม่นับว่า มาร์กซิยาลเองก็จำเป็นต้องลงเล่นพร้อมกันเช่นเดียวกันในตำแหน่งกองหน้า สลับกับ กองหน้าInside Forwardด้านข้าง ที่มักจะสลับตำแหน่งการเล่นกับแรชฟอร์ดได้ตลอดเวลาเพราะเล่นpositionถนัดเดียวกันเป๊ะๆ 

ในตำแหน่งกองหน้าตัวจริงของเรา เหลือเพียงแค่ เมสัน กรีนวู้ด และ อเล็กซิส ซานเชส ที่ไม่รู้ลูกผีลูกคน จะงัดฟอร์มขึ้นมาได้ไหม และจะลงเล่นกี่นัด(กี่นาที) แล้วเจ็บไปอีก ซึ่งบอกตรงๆว่า มันเจ็บแน่ๆ ร่างกายกรอบไปหมดแล้ว ฝากความหวังให้อเล็กซิสยืนเป็นตัวรุกหลักไม่ได้แน่นอน


เมื่อสถานการณ์ของกองหน้าบีบบังคับเช่นนี้แล้ว พูดได้คำเดียวว่า Marcus Rashford ห้ามเจ็บ ห้ามตาย ห้ามโดนแบนเด็ดขาดด้วยประการทั้งปวง หากใครจะจำกันได้ เมื่อก่อนมีคำกล่าวที่ว่า "ขาดรูนเหมือนขาดใจ" นี่เรื่องจริงเลย ในยุคป๋าช่วงหลัง ตอนที่หมูรูนพีคๆแถวๆ 2010 -2013 แถวๆนั้น เกมไหนที่รูนีย์ไม่ลงนี่พลังทีมดรอปลงไปเยอะมาก เหมือนทีมขาดความดุดัน ขาดความกระหาย และขาดความรู้สึกที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เวลาที่ไม่มีสุกรโลกันตร์อยู่ในสนาม ..

เช่นเดียวกัน ยุคนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้นแล้วในตอนนี้ อย่างน้อยต้องประคองให้ไปถึงปีใหม่ก่อนแล้วค่อยหาทางซื้อกองหน้ามาเพิ่ม  ตอนนี้ได้แต่ภาวนากันไปก่อนว่าให้น้องมันลงให้ได้ทุกนัดหรืออย่างน้อยๆก็เกือบๆ

ขาดแรชเมื่อไหร่ขาดใจเมื่อนั้น

-ศาลาผี-

source : https://www.manutd.com

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด