นี่คือรายงานทางการเงินล่าสุดของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แจกแจงทีละรายการ จากทาง The Athletic โดย Laurie Whitwell
ผลประกอบการของ Manchester United ขาดทุนสุทธิ (Net Loss) เป็นสถิติถึง 115.5 ล้านปอนด์ ในงบดุลปีที่ผ่านมา (June2021 - 30June2022)
และหนี้สุทธิของเรา เพิ่มขึ้น 95.4 ล้านปอนด์ สู่หนี้รวมล่าสุดเมื่อตัดงบเดือนมิถุนายน 2022 เป็น 514.9 ล้านปอนด์
ต้นทุนทางการเงินสุทธิ (Net Financial / Income) : 62.2 ล้านปอนด์
ค่าจ้างปลดพนักงาน [โอเล่,ราล์ฟ,สตาฟฟ์ต่างๆ] : 24.5 ล้านปอนด์
หนี้สุทธิ : 94.5 ล้านปอนด์
และตระกูลเกลเซอร์ ก็ยังได้รับเงินปันผลประจำปี รวมมูลค่า "33.6ล้านปอนด์" ซึ่งสูงขึ้นกว่าเดิม
ทั้งหมดนั้นคือตัวเลขรวมข้างต้น ที่เขียนรวบยอดทีเดียวเพื่อให้เห็นภาพรวมพร้อมกัน แต่มันยังมีรายละเอียดที่มากกว่านั้น โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชี้ให้เห็นว่า ภาวะวิกฤตโควิดยังส่งผลเสียต่อหนี้สุทธิ(Net debt)อย่างต่อเนื่องอยู่ ส่วนเงินปันผลที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว (ตามที่หัวข่าวน่าจะเล่นกันมากที่สุด) เป็นเพราะเกิดจากไทม์มิ่งของจังหวะการจ่ายเงินก้อนดังกล่าว ทำให้เมื่อเทียบเงินปันผลที่ออกในปี 2022 ดูจะสูงกว่าปีก่อนหน้านี้
แม้ปีศาจแดงจะขาดทุนมากกว่าสัปดาห์ละสองล้านปอนด์ในช่วงระยะปีที่ผ่านมาจนกระทั่งตัดยอดที่ปลายเดือนมิถุนายน (30 JUNE) ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่รายได้รวม Overall ของสโมสร ก็ไต่สูงมากขึ้นกว่าเดิมถึง 18% จาก 494.1 ล้านปอนด์ ในปี 2021 รายได้รวมเราอัพเป็น 583.2 ล้านปอนด์ ตอนที่ตัดยอดเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำหรับทีมที่ "ไม่ได้ไปแม้แต่UCL"
ศาลาผีRemark : รายได้รวม (Overall revenue) ทำเงินได้เพิ่มมากขึ้น แปลว่า ไซส์และสเกลของการหาเงินรายได้เข้าสโมสร มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
แม้ว่าเมื่อหักต้นทุนและหนี้ต่างๆแล้วอาจจะ "ไม่กำไร" อย่าโดนตัวเลขรายได้รวมหลอก แต่กระเป๋าของธุรกิจสโมสรเรามันก็ขยายสเกลขึ้นจริงๆ ถึงเกือบ 1 ใน 5
ส่วนค่าจ้างพนักงานทั้งหมด (Wage Bill) อัพจากเดิม 384ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นมา 61.1 ล้านปอนด์จากปีก่อน (หมายความว่า จาก June 2021- June 2022 ก่อนที่พวกป็อกบา ลินการ์ดจะย้ายออก เงินค่าแรงรวมในสโมสร มันเพิ่มขึ้นมาหกสิบกว่าล้านในปีที่แล้ว)
และแน่นอน ตัวเลข 61.1ล้านปอนด์ตรงนี้ เป็นการเพิ่มมามากที่สุดในบรรดาทีมต่างๆในพรีเมียร์ลีก ช่วงฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของเราซะด้วย
ศาลาผีRemark : ค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ผลงานสวนทางลงในปีที่แล้ว ด้วยนักเตะที่เข้ามาใหม่อย่าง ซานโช่ วาราน โรนัลโด้ และนักเตะเดิมๆที่ยังได้รับค่าเหนื่อยสูงลิบ และอยู่กับทีม อย่างมาต้า คาวานี่ ป็อกบา ลินการ์ด ไม่แปลกใจเลยว่าปีก่อน Wage Bill จะกระฉูดขนาดนั้น แต่เชื่อว่ารอบปีหน้า น่าจะลดลง
มีอะไรที่เราควรรู้อีก?
ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นพิเศษ มีก้อนเงินอีก 24.7 ล้านปอนด์ โดยต้องเงินจ่ายกรณีพิเศษนี้ในจำนวนก้อน 14.7 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายไปก่อนช่วงสามเดือนสุดท้ายก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน (April ถึง June) แปลว่า อีก 10 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายในช่วงจบซีซั่น + ตอนตลาดซื้อขายนักเตะเดือนแรก
เงินตรงนี้นอกจากล็อตโอเล่ ก็ยังเป็นเงินค่าเลิกจ้าง ราล์ฟ รังนิค ของสโมสร รวมถึง แบ็ครูมสตาฟฟ์ และค่าใช้จ่ายด้านการปรับปรุงโครงสร้างต่างๆในฝ่ายเบื้องหลังของสโมสร ซึ่งในเคสราล์ฟ ตอนแรกก็จะอยู่เป็นที่ปรึกษาพิเศษต่อที่นี่ ภายหลังจากที่จบหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราวแล้ว แต่สุดท้ายก็ออกจากสโมสรไป หลังจากที่เอริค เทน ฮาก ก้าวเข้ามาสู่แคริงตัน และได้มีการพูดคุยยาวจนตกลงแยกทางกันในที่สุด
ริชาร์ด อาร์โนลด์ CEO ของสโมสรกล่าวว่า "ภารกิจหลักของสโมสรเราคือการชนะในเกมฟุตบอล และสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมของเรา ซึ่งผลรายงานเรื่องการดำเนินการที่ผ่านมาต่างๆของสโมสรล่าสุด เราได้เสริมขุมกำลังหลักของทีมชุดใหญ่ชาย ทัวร์ฤดูร้อนที่จบลงไปอย่างสมบูรณ์เรียบร้อย รวมถึงสร้างรากฐานกันตั้งแต่ช่วงต้นของฤดูกาล 2022/23 ภายใต้การนำของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเอริค เทน ฮาก"
"นอกจากนี้เรายังพัฒนาทีมหญิงของเราด้วยเป้าหมายที่จะรักษาและตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งในลีก WSL ของนักเตะหญิง"
"และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของแมนยูไนเต็ดนั้น อยู่ที่ความคลั่งไคล้และความจงรักภักดีต่อสโมสรจากแฟนบอลเรา นั่นจึงทำให้กลยุทธ์การดำเนินงานที่สร้างการมีส่วนร่วมกับแฟนๆมากขึ้นนั้น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ"
"แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ทุกๆคนที่สโมสรแห่งนี้ร่วมมือและเข้าใจแผนงานตรงกันที่จะสร้างความสำเร็จแบบยั่งยืนในสนาม และมีโมเดลทางธุรกิจที่ยั่งยืนจากมันเพื่อที่เราจะได้ประโยชน์ร่วมไปด้วยกัน ทั้งแฟนบอล ผู้ถือหุ้น และผู้ถือผลประโยชน์ร่วมของเรา"
ด้านบนทั้งหมดนี้คือเรื่องของผลลัพธ์ในทางการเงิน ซึ่งจะสร้างความเข้าใจต่อแง่มุมในเชิงฟุตบอลได้อย่างไรบ้าง มีการอธิบายข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินในวงการฟุตบอล และอาจารย์บัญชีระดับซีเนียร์แห่ง University of Liverpool คุณ Kieran Maguire (ที่ไม่ได้เป็นอะไรกับ Harry Maguire ต้องดักไว้ก่อน : ผู้เขียน)
คีแรนกล่าวว่า
"ผมคิดว่าสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงเพื่อความสอดคล้องกันได้นั้นก็คือ สโมสรนั้นมีการใช้จ่ายเงินออกไป แต่ไม่ใช่การใช้อย่างชาญฉลาดสักเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีมากพอ
"พูดในเชิงของปริมาณนั้น พวกเขาลงทุนในเรื่องการจ้างงานเข้ามา และค่าแรงในการลงเล่น"
"ส่วนในเชิงคุณภาพของมัน ซึ่งไม่ใช่ทางเรื่องการเงินการบัญชีนั้น พวกเขาใช้จ่ายเงินไม่ถูกจุด ต่อคนที่ใช้ กรณีแบบนี้มันมีราคาของมัน ซึ่งพวกเขาก็จำต้องเสียเม็ดเงินต่อประเด็นดังกล่าวนั้น"
นอกจากเนื้อหาตัวเลขเบื้องต้นจากดิแอธเลติกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินกับวงการฟุตบอลรายนี้ ยังเปิดตัวเลขเพิ่มเติมขึ้นมาจากเนื้อหาที่ชี้ให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้น มี "ดอกเบี้ยสุทธิ" (Interest cost) ในรอบปี 2021/22 อยู่ที่ 62.2ล้านปอนด์ โดยเนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลง (และเงินดอลล่าร์ที่ขึ้นสวนมาด้วย) ทำให้อัตราดอกเบี้ยรวมของสโมสรภายใต้การบริหารของตระกูลเกลเซอร์ อยู่ที่ "886 ล้านปอนด์" โดยเป็นเงินกู้รวมทั้งหมด "636 ล้านปอนด์" (Gross borrowings)
เงินสดสุทธิขาเข้าจากการหาเงินผ่านกิจการต่างๆ คือ 5 ล้านปอนด์ เทียบกับ เทียบกับ 47.6 ล้านปอนด์ของปีก่อนหน้านี้ ทำให้ปีปัจจุบัน มีเงินสดสุทธิขาเข้า ตกลงมาถึง 40ล้านปอนด์ ที่ต้องจ่ายเงินไปกับค่า facilities หมุนเวียนต่างๆของสโมสร และรวมถึงเงินปันผลรายปี ที่ตก 33.6 ล้านปอนด์ด้วย
ภาพข้างบนนี้เป็นเงินกู้สองส่วนกัน อย่างที่รายงานไปแล้วว่า ยอดเงินกู้รวมของเกลเซอร์อยู่ที่ 636 ล้านปอนด์ จากตัวเลขด้านบนนี้ ในช่วงรอบปี 2021/22 (30 June 2021 — 30 June 2022 ที่ผ่านมา)
ข้อมูลเปรียบเทียบกับตัวเลข 33.6 ล้านปอนด์ที่เกลเซอร์ได้ผันเงินไปชิลๆจากเงินปันผลเช่นนี้นั้น ถ้าเทียบกับปี 2019/20 ตัวเลขเงินปันผลสองปีก่อนหน้านี้ อยู่ที่ 23 ล้านปอนด์
ในยามที่สโมสรขาดทุนไป 70 ล้านปอนด์จากช่วงโควิด และรายได้ตกลงมาเป็น 118.1 ล้านปอนด์ในปีนั้น
แต่ อะไรคือสิ่งที่ต้นบทความกล่าวอ้างไว้ว่า ไทม์มิ่งของการชำระจ่ายเงินปันผลนี้ให้กับ 6 บุคคลในตระกูลเกลเซอร์ มันมีความแตกต่างกัน จึงดูเยอะขึ้นกว่าเดิม
เมื่อของเดิม คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2019 ถึง 30 มิถุนายน 2020 มันก็เป็นช่วงเวลาเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามเดือนก่อนที่จะมีการปิดบัญชีงบดุลประจำปี จะมีเงินที่ไหลสะพัดมากเป็นพิเศษเสมอ
ของปี 2019/20 อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลในReference มีการจ่ายเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 12 ล้านปอนด์ แบบเต็มๆ ช่วง April จนถึง ปลายเดือน June ทำให้ราคารวมของเงินปันผล ขึ้นมาเป็น 23 ล้านปอนด์ จากเดิม ราวๆ 11 ล้านปอนด์ที่ชำระกันช่วง 9 เดือนก่อนหน้านี้ของรอบปี
สิ่งนี้เกิดขึ้นคล้ายคลึงกันกับของตัวเลขปีนี้ ที่จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมาในช่วงสามเดือนก่อนปิดงบ สูงถึง 10 ล้านปอนด์ ที่เป็นค่า exceptional payments ต่างๆ รวมค่าปลดราล์ฟ และค่าปลดสตาฟฟ์ด้วย
จะอะไรก็ตามแต่ ที่แน่ๆคือ เราขาดทุนเยอะกว่าสามปีก่อน จากเดิม 70 ล้านปอนด์ที่ขาดทุนในปี 2019 ขึ้นเป็น 115.5 ล้านปอนด์ ที่ขาดทุนเมื่อปิดงบในช่วงมิถุนายน 2022
และ "Net debt" ซึ่งเป็นหนี้สุทธิของเรา สูงขึ้น 22.7% จนกลายเป็น 514.9 ล้าน อย่างที่ข้อมูลข้างต้นบอกไปแล้วว่า มันเพิ่มขึ้นมา 95.4 ล้านปอนด์ โดยสาเหตุหลักๆมาจาก "การกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น" ในเงินกู้ ที่อัพขึ้นมาเป็น 636.1 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา
ไล่เรียงไทม์ไลน์ ตัวเลขหนี้สุทธิของสโมสร
จากเดือนมิถุนายนปี 2021 Net debt อยู่ที่ 455.5 ล้านปอนด์ (เพิ่มขึ้นมา 64.3 ล้านปอนด์)
ก่อนที่ 30 มิถุนายน 2022 หนี้สุทธิจะยกระดับเป็น 514.9 ล้านปอนด์
รายได้รวมเพิ่มขึ้นมาจริงไหม จริง
ตัวเลขของรายได้ขาเข้า เพิ่มขึ้นมาตามลำดับตั้งแต่ยุคที่เอ็ดอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น มีการโตขึ้นมา 2.6% ของรายได้รวมในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2020 จากเดิม 168.4ล้านปอนด์ พุ่งขึ้นสู่ 172.8 ล้านปอนด์ เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว
แต่ หนี้ก็สูงขึ้นกว่าเดิมด้วย อย่างที่อธิบายไปแล้ว
ดังนั้น นี่คือสถานการณ์จริงที่ต้องแยกแยะให้เห็นกันว่า มันคนละพาร์ท(เดียวกัน)
รายได้รวม เพิ่ม
แต่ หนี้สุทธิสโมสร สูงขึ้น เพราะเงินกู้ที่มากขึ้นกว่าเดิม และมีการกู้เบิกมาเป็นระยะๆ เช่น 60 ล้านปอนด์ที่กู้เพิ่มมาช่วงโควิด ที่แม้จะทำได้ดีในการไม่ได้ลดภาระสโมสรด้วยการเลย์ออฟบุคลากรออกมากนัก แต่เงินตรงนี้ก็กู้มาจริงๆ จากวงเงินทั้งหมด 200 ล้านปอนด์ตรงนั้น
ผลกระทบเดิม กู้มาเพิ่มเมื่อไหร่ หนี้สุทธิของสโมสรก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 455.5 ล้านปอนด์ ขึ้นสู่ 514.9 ล้านปอนด์ในปีนี้
และยังไม่รู้ว่ามันจะหยุดที่ตรงไหน..
สิ่งที่แฟนผีควรจะต้องทำ และรับรู้ร่วมกันคือ
ใช่ ฤดูกาลนี้มันลงทุนสูงจริงๆเพื่อเสริมทีมเรา ข้อนี้ก็ไม่เถียง
แต่ถ้าเรามาพิจารณาโครงสร้างงบประมาณของสโมสร ที่ยังคงแดงอยู่แบบนี้ คุณก็ไม่สามารถอ้างได้ว่า Overall revenue ที่เพิ่มขึ้นจริงๆในการหารายได้เข้ามานั้น มันจะ "ทำให้สโมสรดีขึ้น" อะไรเลย
เพราะหนี้เพิ่มทุกปี เนื่องจากเงินกู้ที่ "พวกมัน"กู้มา
โจเอล เกลเซอร์ เคยดีเฟนด์ตัวเองไว้ในฟอรัม เมื่อปี 2021 เกี่ยวกับเงินปันผลพวกนี้ว่า "พวกเราไม่ได้รับเงินเดือนใดๆทั้งสิ้นเลย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหาร ไม่มีทั้งสิ้น เวลาใดก็ตามที่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมามันจะต้องมีการรายงาน เพราะในฐานะบริษัทมหาชนเราต้องอยู่ภายใต้การที่เปิดเผยข้อมูลมากกว่าสโมสรอื่นๆ เราจำเป็นต้องรายงานทุกๆควอเตอร์ ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากๆ เพราะงั้นมันจึงไม่มีช่องทางอื่นๆแล้วที่เราจะได้รับการจ่ายเงินได้เลย"
ศาลาผีRemark : สรุปให้สั้นๆ "ปลิง"
บทความนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อให้ผู้อ่านและแฟนผีได้รับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น(มานานแล้ว) และไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
เราจะหยุดมัน หรือจะให้มันมาหยุดสโมสรเรา คุณมีคำตอบอยู่แล้วว่าต้องทำยังไง ถ้ารักสโมสรแห่งนี้
ถึงเวลาที่ต้องรวมร่างกันเป็นหุ่นยักษ์ไปไล่ขยี้ปลิงมะกันเหล่านี้ได้รึยัง รอมานานแค่ไหนแล้ว และเราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง
ที่แน่ๆ สำหรับผมซึ่งเป็นผู้เขียน เรื่องที่ผมทำได้ก็คือการหาข้อมูลต่างๆมาเรียบเรียงเพื่อตีแผ่ความย่อยยับทางการเงินที่สื่อต่างประเทศซึ่งเป็นแหล่งข่าวใหญ่รายงานกันอย่างชัดเจนมากเพราะข้อมูลทุกอย่างเปิดหมด
รายละเอียดของข่าวรายงานจาก The Athletic : Laurie Whitwell รวมถึงตัวเลขเหล่านี้ มันจะทำให้แฟนผีได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้นแน่นอน..
กลุ่ม MUST (Manchester United Supporters Trust) ออกมาเตือนดังนี้้ว่า
"สโมสรเราจำเป็นต้องการเงินลงทุนใหม่เข้ามา และเป้าประสงค์ในการปรับปรุงพัฒนาสนามจำเป็นต้องระดมทุนด้วยการออกหุ้นใหม่เพื่อนำเงินเข้ามาสู่สโมสร ไม่ใช่การผ่านการสร้างหนี้เพิ่มมากขึ้นที่จะทำให้สถานภาพทางการเงินของสโมสรย่อยยับมากขึ้นไปเรื่อยๆ"
ก็ชัดนะครับ
คำเดิม ที่เขียนอยู่ทุกปี แม้จะไม่มีคนสนใจตัวเลขที่ดูยากๆและมึนหัว แต่ก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้คนอ่านเข้าใจ และเห็นตัวเลขที่ชัดเจนกันได้
ไล่ต่อ อย่ารอให้มันก่อหนี้จนไปอยู่ในจุดที่เราจะต้องลำบากมากกว่านี้
#GLAZERSOUT
-ศาลาผี-
References
https://theathletic.com/3618611/2022/09/22/manchester-united-financial-results/?source=twitteruk
https://dmartpreneur.com/urgent-review-required-into-33-6m-glazer-dividends-say-must/
