:::     :::

เก้าอี้ดนตรีที่คลองเตย

วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
697
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตามคาดการกันไว้ แมตต์ ฮอลแลนด์ ไม่ได้ไปต่อที่ แพท สเตเดียม

เอาเข้าจริงมันก็แจ่มแจ้งอยู่แล้ว ในแง่ของสถานะที่คุยกันไว้แต่แรกว่า บทบาทของผู้ช่วยผู้ฝึกสอนชาวเวลส์ เป็นเพียงการ “ขัดตาทัพ” รอวันเปิดทางให้กุนซือคนใหม่

แต่คงเป็นเพราะ การท่าเรือ เอฟซี อาจหาเฮดโค้ชหน้าใหม่ที่ถูกใจไม่ได้ จึงทำให้ ฮอลแลนด์ อยู่รากยาวมันยันครึ่งฤดูกาลหลัง

สุดท้ายเมื่อ “ฝืน” แล้วไม่มีวี่แววจะพาสิงห์เจ้าท่าถีบขึ้นหัวตารางไหว คงต้องให้คนใหม่มาทำแทน ตามวิถีฟุตบอลอาชีพ (รวมถึงตามใจคนจ่ายเงิน)

ซึ่งเมื่อมองไปที่สถิติของ ฮอลแลนด์ แล้วก็ “สมควร” ที่จะแยกทางนั่นแหละ

7 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 3 แถมพาทีมตกรอบฟุตบอลลีก คัพ อีก

แม้จะพาทีมโชว์ฟอร์มสวยเอาชนะขาใหญ่อย่าง บีจี ปทุมฯ มาได้ 2-1 ทว่าอีก 2 เกมให้หลัง กลับทำได้เพียงเสมอ พีที ประจวบ กับ โปลิศ เทโร

จากวันที่แยกทางกับ สก็อตต์ คูเปอร์ การท่าเรือ มีแต้มตามหลังจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 11 คะแนน แต่ปัจจุบันขณะช่องว่างถูกทิ้งห่างไปเป็น 21 คะแนน

จากห่างท็อป 3 แค่ 4 แต้ม ระยะห่างปัจจุบันขณะถูกหนีไปเป็น 9 คะแนน

ยังดีที่เหลือฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ให้หวังเล็ก ๆ




สุดท้ายเป็น “หนังสือเล่มเก่า” อย่าง โชคทวี พรหมรัตน์ เข้ามาแก้วิกฤตทีม

แต่หนนี้อาจเป็นหนังสือเล่มเก่า “ฉบับปรับปรุง” เพราะอดีตกุนซือ ชุดคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ ปี 2019 รับงานคู่กับ สุรพงษ์ คงเทพ

น่าสนใจอย่างยิ่งว่าทั้ง 2 จะเคลื่อนทีมไปในทิศทางไหน กับทรัพยากรลูกหนังที่มีให้อย่างเหลือเฟือ แต่ที่ค่อนข้างยากคือจะจูนทีมให้ตรงตามสไตล์โค้ชทั้งคู่ต้องการได้อย่างไร ในระยะเวลาอันสั้น

อย่าลืมว่าทั้งคู่ ไม่ได้เข้ามาในช่วงพักครึ่งฤดูกาล หากแต่เป็นช่วงที่เลก 2 แข่งขันมาได้ 3 เกมแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่มีเวลา “ทดลอง” อะไรมาก ทุกอย่างต้องคลิกลงตัวให้ไวที่สุด

แม้ในรายของ โชคทวี จะเคยนั่งเก้าอี้กุนซือที่นี่มาก่อน และมีผลงานที่น่าประทับใจ (ชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 3) แต่ผู้เล่นชุดที่เขาเคยทำงาน ปัจจุบันถูกเปลี่ยนผ่านไปพอควร   

เหลืออีก 12 นัดในลีก น่าสนใจว่า 2 โค้ชใหม่ จะเปลี่ยนผ่าน ยกระดับทีมขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน

การทิ้งไพ่ของบอร์ดบริหารหนนี้ ถือว่า “เดิมพัน” พอควร เพราะหากไม่เวิร์กจนต้องเปลี่ยนอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครกล้ามารับเผือกร้อนชิ้นนี้ ถ้าไม่ใช่ “คนในครอบครัว”

ก็ได้แต่หวังว่า “เก้าอี้ดนตรี” หนนี้ จะทำให้ทีมมีผลงานไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น




ส่วนฝ่ายบริหารเองคงต้องทำงานเร่งเปิดโต๊ะเจรจา มองหา “กุนซือใหม่” ที่ไม่ใช่แค่ขัดตาทัพมาคุมทีมในฤดูกาลหน้าไปด้วยได้แล้ว

มันค่อนข้างน่าแปลกใจ ที่ผ่านมา การท่าเรือ ทุ่มเงินหลายร้อยล้านในการจ่ายตลาดนักเตะ แต่กับตำแหน่งกุนซือ กลับไม่มีการ “ลงทุน” หาโค้ชต่างชาติดี ๆ มาคุมทีม

ไม่ใช่ว่า โค้ชโชค และ โค้ชอั๋น ไม่ดี แต่ในเมื่อทีมมีทรัพยากรนักเตะฝีตีนดีเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ก็ลองหาโค้ชเกรดเอมาลองคุมทัพสักตั้ง คงไม่เสียหาย

หากอยากคว้าแชมป์ ต้องกล้าคิดการใหญ่ออกจากกรอบแนวคิดเดิม ๆ

วันนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล่นเพื่อประคองแชมป์ และวางแผนฤดูกาลหน้าเตรียมสู้ศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แล้ว

ส่วน การท่าเรือ ยังสาละวันกับการแต่งตั้งกุนซือใหม่มาคุมทัพ  

โลกฟุตบอลปัจจุบันขณะ ไม่ได้หยุดหมุนเพื่อรอเรา มีแต่เราต้องก้าวตามมันให้ทัน สิ่งสำคัญสุดบนสมรภูมิหญ้าสีเขียว คือความแข็งแกร่ง ปราดเปรียว การปรับตัวกับยุคสมัยได้ รวมถึงการมีดีเอ็นเอผู้ชนะ

ไม่ใช่แค่ระบบครอบครัว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด