(คำเตือน : โปรดใช้วิจราณญาณในการอ่าน นี่คือข้อมูลจากการอ้างอิงของสื่อสเปนเท่านั้น) 

เอล มุนโด้ รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าจากคนใกล้ชิดของ ซานโดร โรเซลส์ และ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ว่า 2 คนนี้เคยเล่าให้เขาฟังว่า บาร์ซ่า จำเป็นต้องจ่ายเงินให้ เนเกรียร่า เพื่อให้ได้รับ 'การตัดสินที่เป็นธรรม' 

"เราต้องจ่ายเงินเพื่อปกป้องตัวเราเอง(สโมสร)" แหล่งข่าวอ้างว่า โรเซลส์ และ บาร์โตเมว พูดประโยคนี้กับเขา

เอล มุนโด้ รายงานต่อว่า บาร์ซ่า ต้องจ่ายเงินเพื่อปกป้องตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ในแต่ละยุคสมัยของประธานแต่ละคนล้วนกระทำกันอย่างลับๆ มีเพียงประธานสโมสร (แหล่งข่าวระบุชื่อ โรเซลส์ กับ บาร์โตเมว) และผู้บริหารที่ใกล้ชิดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ โดยมีการซ่อนรายจ่ายนี้เอาไว้ ไม่ให้บอร์ดบริหารส่วนใหญ่เข้าถึง 

เอล มุนโด้ อ้างถึงปี 2004 ซึ่งขณะนั้นโจน ลาปอร์ต้า เพิ่งบริหารสโมสร(สมัยแรก) มาได้ 1 ปี ได้มีการนัดพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ โจน กาสปาร์ต ประธานบาร์ซ่าคนก่อนหน้าที่โรงเเรม อาเบนีด้า พาเลซ เด บาร์เซโลน่า (hotel Avenida Palace de Barcelona) 

ลาปอร์ต้า กับ กาสปาร์ต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พูดถึงความสำคัญในการที่จะไม่สูญเสียอำนาจในการต่อรองในสหพันธ์ฟุตบอลสเปน(RFEF) ของ บาร์ซ่า และในส่วนของคณะกรรมการผู้ตัดสิน (CTA) ซึ่งมี เนเกรียร่า เป็นรองประธาน ซึ่งในปีนั้นเอง (2004) กาสปาร์ต ก็ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานฝ่ายสถาบันและกินการระหว่างประเทศของสหพันธ์ฟุตบอลสเปน” 

……………………………………….

นอกจาก เอล มุนโด้ แล้ว อีกหนึ่งสื่อใหญ่ เอล กอนฟิเดนเซียล (El Confidencial) ไดิอ้างรายงานจากกรมสรรพากรว่าพบร่องรอยการจ่ายเงินจำนวนกว่า 7 ล้านยูโรของ บาร์ซ่า ระหว่างปี 2001-2018 กระจายผ่าน 7 บริษัทให้กับ เนเกรียร่า ได้แก่ 

บริษัท Dasnil 95 SL และ บริษัท Nisdal SCP2 ของ เนเกรียร่า

บริษัท Soccercam SLU ของ ฆาเบียร์ เอ็นรีเกซ โรเมโร่ ลูกชาย เนเกรียร่า 

บริษัท Tresep 2014 SL ของ โฆเซ่ กอนเตราส อดีตผู้บริหารบาร์ซ่า ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2022 

ส่วนอีก 3 บริษัทมีชื่อว่า Estudio ATD, Radamanto SL และ  Best Norton SL. (ไม่ได้ระบุชื่อเจ้าของ)

นอกจากนี้ ทางอัยการเมืองบาร์เซโลน่าซึ่งไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินของ บาร์ซ่า ให้กับผู้ตัดสินรายอื่นๆเลย กำลังสงสัยว่า เนเกรียร่า คือคนที่รับหน้าที่จ่ายเงินให้กับบุคคลที่ 3 โดยจ่ายเป็นเงินสด 

เนื่องจากพบว่าระหว่างปี 2016 ถึง 2019 (บางแหล่งระบุระหว่าง 2016-2018) เนเกรียร่า ได้ถอนเงินสดจากบัญชีตัวเองราว 550,000 ยูโร (22 ล้านบาท)  

แรกทีเดียวทางอัยการคาดว่า เนเกรียร่า อาจนำเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่าเขาเป็นเจ้าของอสังหาฯใดๆเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ 

ตัวอย่างที่ทำให้อัยการสงสัยอย่างมากว่า เนเกรียร่า ใช้เงินสดแทนการโอนเพื่อจ่ายเงินให้กับบุคคลที่ 3 มีหลายครั้ง เช่นในปี 2016 ซึ่งเป็นยุคที่ บาร์โตเมว ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรบาร์ซ่า 

ในปีนี้พบว่า บาร์ซ่า โอนเงินเข้า DASNIL 95 SL บริษัทของ เนเกรียร่า จำนวน  640,970 ยูโร (26 ล้านบาท) ซึ่งตลอด 12 เดือน อดีตรองประธานผู้ตัดสินสเปนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต visa ของตัวเองเป็นเงิน 130,000 ยูโร (5.2 ล้านบาท) ในขณะเดียวกันก็ได้ถอนเงินสดจากบัญชีรวมทั้งสิ้น 170,000 ยูโร (6.8 ล้านบาท)

หรือในปี 2017 เขาถอนเงินสดจากบัญชีส่วนตัว 210,000 ยูโร (8.4 ล้านบาท) เฉลี่ย 18,000 ยูโร(720,000 บาท) ต่อเดือน ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้เงินสดมากมายนี้ไปกับอะไร เพราะอย่างที่เอ่ยถึงไปข้างต้นว่าด้วยเงินที่ถอนในช่วง 2 ปีนั้นมากพอที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ขนาดย่อมในเมืองใหญ่อย่าง มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ได้ไม่ยาก ทว่าจากการตรวจสอบไม่พบว่า เนเกรียร่า มีอสังหาริมทรัพย์ในการครอบครองเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

ตรงนี้กลายเป็นปัญหาที่อัยการซึ่งร่วมมือกับกรมสรรพากรต้องขบคิดให้ออกว่าตกลงแล้วเงินที่ เนเกรียร่า ถอนออกไปนั้น ปลายทางไปอยู่ที่ไหนกันแน ?

จาก เอล กอนฟิเดนเซียส วกกลับมาที่ เอล มุนโด้ อีกครั้ง และคราวนี้สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะมีการอ้างว่านอกจาก บาร์ซ่า แล้ว ยังมีอีกหลายสโมสรใน ลา ลีกา และเซกุนด้า ที่จ่ายเงินให้ เนเกรียร่า 

“จากคนใกล้ชิดอดีตประธานสโมสรคนก่อนๆ ต่างยืนยันว่ามีอีกหลายทีมทั้งใน ลา ลีกา และเซกุนด้า ที่จ่ายเงินให้ เนเกรียร่า นั่นจึงเป็นที่มาของเสียงบ่นว่าทำไม บาร์ซ่า ถึงโดนเล่นงานอยู่สโมสรเดียว แถมยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนอีกด้วย” แหล่งข่าวของ เอล มุนโด้ ให้สัมภาษณ์ 

ครับ คดีนี้อย่างที่บอกว่ายิ่งคุ้ยยิ่งลึกและยิ่งฉาว โปรดติดตามตอนต่อไปครับ 

เจมส์ ลา ลีกา