ตามสถิติที่ผ่านมา นับแต่ยุคโมเดิร์น ของลา ลีกา ปี 1995 เป็นต้นมาที่เปลี่ยนระบบการให้คะแนนจากชนะได้ 2 มาเป็น 3 คะแนน ยังไม่เคยปรากฏว่าทีมใดที่นำ 12 ในเกมที่ 26 แล้วพลาดแชมป์
จริงอยู่ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ แต่มองดูความเป็นไปได้แล้ว ไม่ว่าจะเหลี่ยมคูไหนก็ดูว่ายากมากที่ บาร์เซโลน่า จะพลาดแชมป์ พวกเขาต้องแพ้อย่างน้อย 4 เกมในอีก 12 นัดที่เหลือ ขณะที่ เรอัล มาดริด ต้องเล่นแบบไม่พลาดเลย
เหตุนี้จึงไม่เกินเลยนักที่จะบอกว่า บาร์เซโลน่า กำลังจะคว้าแชมป์ลา ลีกา ปีนี้ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่ห่างหายไปนานร่วม 3 ปี นับแต่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ทำไว้หนล่าสุดเมื่อฤดูกาล 2018–19
…………………………….
มาถึงตรงนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าคำถามที่น่าสนใจมากกว่า “ลา ลีกา จบแล้วหรือยัง ?” ก็น่าจะเป็น “อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ บาร์เซโลน่า กลับมาผงาดได้อีกครั้ง ?”
สำหรับคอบอลสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บาร์เซโลนิสต้า คงทราบเป็นอย่างดีว่ากว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ ยักษ์ใหญ่กาตาลันต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทั้งในและนอกสนาม
ไม่ว่าจะปัญหาการทุจริตของผู้บริหาร ,ปัญหาการเงินที่ดูรุนแรงที่สุดนับแต่ก่อตั้งสโมสรมา รวมถึงปัญหาเรื่องคุณภาพนักเตะภายในทีม
การย้ายออกไปของ ลิโอเนล เมสซี่ ไม่เพียงแต่ทำให้ กูเล่ส์ ทุกคนช็อคแบบสุดๆ หากแต่ยังทำให้ทีมเสียศูนย์อย่างหนัก การเข้ามาของ โรนัลด์ คูมัน ไม่ได้ช่วยยกระดับให้ทีมดีขึ้นแต่อย่างใด จนกระทั่งทีมมาอยู่ในมือของ ชาบี เอร์นานเดซ
…………………………….
ชาบี เอร์นานเดซ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชาบี เอร์นานเดซ มีส่วนสำคัญในการพา บาร์ซ่า บินสูงอยู่ ณ เวลานี้ แม้จะยังถูกวิจารณ์ว่ายังอ่อนในด้านแท็คติกและการแก้เกม แต่ทุกคนก็ไม่สามารถปฏิเสธผลงานของกุนซือวัย 43 คนได้เช่นกัน
หลังเอาชนะ เรอัล มาดริด ได้เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นชัยชนะเหนือคู่อริตลอดกาลหนแรกในรอบ 4 ปีนับแต่ปี 2018 ทำให้ ชาบี กลายเทรนเนอร์รายที่ 2 ต่อจาก เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ที่เคยทำได้ในช่วงปี 2012 ที่นำ บาร์เซโลน่า ชนะ เรอัล มาดริด ได้ 3 เกมรวด และถ้านับในปีปฏิทิน ชาบี คือเทรนเนอร์คนแรกที่พาทีมชนะ มาดริด ได้ 3 เกมติดภายในปีเดียว
จุดเด่นของ ชาบี ไม่ได้อยู่ที่การเล่นแบบ juego de posicion อันโด่งดังไปทั่วโลก เขายังไม่สามารถทำให้ทีมเล่นได้ในแบบที่ตัวเขาเคยเล่น ในแบบที่ เป๊บ เคยทำ หากแต่เขาทำให้ทีมมีเกมที่รับที่แข็งแกร่งอย่างมาก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาซูลกราน่ามาได้ไกลจนถึงจุดนี้
26 นัด เสีย 9 ประตู นี่คือสถิติที่น่าทึ่งแบบสุดๆ และเราแทบไม่เคยเห็น บาร์ซ่า ชุดไหนที่มีเกมรับที่โดดเด่นเทียบเท่ากับทีมชุดปัจจุบันมาก่อน ซึ่งผมมองว่า ชาบี ตัดสินใจได้ดีที่เลือกพัฒนาเกมรับให้ทีมชุดนี้ก่อนเป็นลำดับแรก
นอกจากนี้แล้วในส่วนของความเป็นลูกหม้อ, เป็นตำนานของสโมสร ,ความสำเร็จในอดีตของเขายังทำให้ ชาบี มีอำนาจในการต่อรองสูงมากกับบอร์ดบริหาร
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ โจน ลาปอร์ต้า พร้อมซัพพอร์ตทุกคำร้องขอของ ชาบี อย่างที่เขาไม่เคยให้กับ โรนัลด์ คูมัน คำพูดของ ชาบี ทุกคำมีน้ำหนัก นักเตะทุกคนเคารพเขา นักเตะจากลา มาเซีย มองเขาเป็นแบบอย่าง ส่วนนักเตะที่ย้ายเข้ามาส่วนนึงก็เพราะต้องการร่วมงานกับเขา
ในบทบาทเทรนเนอร์ ชาบี ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล แต่ปัจจุบันกับผลงานที่เป็นอยู่ก็ถือได้ว่า ชาบี ทำได้น่าทึ่งมากแล้ว รอยด่างเดียวของเขาในฤดูกาลนี้ก็คือความล้มเหลวในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งปีหน้าเขาจะได้กลับไปแก้ตัวอีกครั้ง
…………………………….
เกมรับอันเหนียวแน่น
วงการลูกหนังมักพูดกันอยู่เสมอว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” ประโยคนี้ก็ยังคงมีส่วนจริงเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นในระบบลีกที่มีการเก็บคะแนนสะสม
26 นัด เสีย 9 ประตู ตัวเลขนี้แทบจะบ่งบอกได้ครบถ้วน ว่าจำนวน 68 แต้มที่ บาร์เซโลน่า เก็บได้นั้น มีพื้นฐานสำคัญมาจากที่ใด
การเสียประตูให้กับคู่แข่งยากนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ในยามที่เกมรุกไม่มา เกมรับจะทำให้คุณยังมีแต้ม
ปีนี้จะเห็นได้ว่า บาร์เซโลน่า เอาชนะคู่แข่งใน ลา ลีกา ด้วยสกอร์ 1-0 มากถึง 9 เกม (11 เกมรวมทุกรายการ) มันชัดเจนว่าเกมรับช่วยให้พวกเขาโกยแต้มอย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งผิดจากปีที่แล้วที่เสียง่าย
แต่เมื่อ ชาบี จับ เอริก การ์เซีย เป็นตัวสำรอง และใช้ โรนัลด์ อาเราโฮ ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ อันเดรส คริสเตนเซ่น สลับกับ ฌูลส์ กูงเด้ และ มาร์กอส อลอนโซ่ ก็ทำให้ทีมลงตัวอย่างมาก
ปัจจัยนึงที่ทำให้เกมรับของ บาร์ซ่า ยอดเยี่ยมที่สุดใน ลา ลีกา ก็เพราะบรรดาผู้เล่นเกมรับของทีมนอกจากศักยภาพที่สูงแล้วยังมีความโดดเด่นตรงที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง
มาร์กอส อลอนโซ่ กับ กูงเด้ สามารถเล่นได้ทั้งแบ็กซ้าย,แบ็กขวาและเซนเตอร์ฮาล์ฟ, ด้าน อาเราโอ ก็นอกจากเซนเตอร์ฯแล้ว ยังเล่นแบ็กขวาได้ดีเยี่ยม เอื้อให้ ชาบี สามารถปรับกลยุทธ์ในเกมรับได้หลากหลาย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสถานการณ์ยามปกติ กูงเด้ จะเล่นแบ็กขวา แต่เมื่อเจอกับ เรอัล มาดริด เขาจะสลับเข้าไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟกับ คริสเตนเซ่น และให้ อาเราโฮ ออกมาเล่นแบ็กขวาแทนเพื่อรับมือกับ วินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งก็ได้ผลเกือบทุกครั้ง
นอกจากเกมรับที่โดดเด่นแล้วในตำแหน่งแบ็กซ้ายของ บาร์ซ่า ยังสามารถสร้างเกมรุกได้น่ากลัวจากการมีทั้ง ยอร์ดี้ อัลบา และ อเลฆานโดร บัลเด้ เป็นตัวเปิดเกมซึ่งทั้งสองคนเวลานี้ทำแอสซิสต์รวมกันไปแล้ว 6 ลูกด้วยกัน ทำให้แนวรับของทีมมีพิษสงรอบตัว
…………………………………….
คันโยกของ ลาปอร์ต้า
เหนืออื่นใด นักเตะที่มีคุณภาพสูงๆอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้,ฌูลส์ กูงเด้,ราฟินญ่า,ฟร็องส์ เกสซิเยร์,อันเดรส คริสเตนเซ่น ไม่มีทางจะย้ายเข้ามาได้เลยหากไม่ได้การทุ่มเงินมหาศาลจาก โจน ลาปอร์ต้า
ท่ามกลางปัญหาด้านการเงินที่รุมเร้า กฏการเงินของ ลา ลีกา ที่บีบคั้น โจน ลาปอร์ต้า ตัดสินใจผ่าทางตันด้วยการโยกคันโยกเศรษฐกิจหรือขายหุ้นและทรัพยส์สินของสโมสรออกไปเพื่อนำเงินเข้ามาปรับปรุงทีม
บางคนหัวเราะเยาะว่า ลาปอร์ต้า ขายของเก่ากิน หากไม่ได้แชมป์ขึ้นมา สโมสรจะพังพินาศ แต่ดูเหมือนว่าเสียงนินทา เยาะเย้ยนี้จะเงียบไปเสียแล้ว
การเดิมพันของ ลาปอร์ต้า กำลังจะสัมฤทธิ์ผล เม็ดเงินที่ลงทุนกำลังผลิดอกออกผลมาเป็นตำแหน่งแชมเปี้ยนของสเปน ซึ่งมาถึงตรงนี้ก็ต้องซูฮกกับการตัดสินใจของเขา เพราะหากไม่ใช่ ลาปอร์ต้า นั่งแท่นบริหาร การตัดสินใจในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร ยากที่จะคาดเดาจริงๆ ทีมจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะกลับมา หรือจะนอนเป็นยักษ์หลับไปอีกหลายปี
หากปราศจากความกล้าได้กล้าเสีย การตัดสินใจที่บ้าบิ่นของ ลาปอร์ต้า เสียแล้ว ชาบี คงไม่มีอาวุธครบมือเช่นนี้ แดนหน้าคงไม่มีสุดยอดกองหน้าอย่าง เลวานดอฟสกี้ , แนวรับคงไม่ได้ยอดกองหลังอย่าง กูงเด้ กับ คริสเตนเซ่น
การตัดสินใจโยกคันโยกของ ลาปอร์ต้า นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของ บาร์ซ่า อย่างแท้จริง
เจมส์ ลา ลีกา
