:::     :::

จุดเปลี่ยนทีมชาติกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
784
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ก้าวมาเป็นกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์

สำหรับ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังตัวแกร่ง โดยเขาลงสนามรับใช้ชาติมาตั้งแต่ปี 2015 อย่างไรก็ตาม กว่าที่เขาจะเดินทางมาถึงจุดนี้ เขาต้องฝ่าฟันอะไรมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการก้าวมาติดธงที่หน้าอกด้านซ้าย


เราลองย้อนกลับไปดูเส้นทางลูกหนังของกองหลังวัย 31 ปีรายนี้ เกี่ยวกับการไต่เต้าขึ้นมาเล่นให้กับพลพรรค “อัศวินสีส้ม” ไปดูกันหน่อยว่า เขาต้องผ่านความยากลำบากอะไรมาให้ 

“เขาผิดหวังที่ไม่ถูกเลือกไปฟุตบอลโลก”


รอนนี่ เดล่า ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ ย้อนความทรงจำถึงเฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค สมัยที่คุมทีมกลาสโกว์ เซลติก 


พร้อมกับบอกว่า กองหลังรายนี้ผิดหวังเป็นอย่างมาก ที่ไม่ถูกเรียกติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย


“ตอนแรก เราพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเขาผิดหวังมาก ที่ไม่ถูกเรียกไปติดทีมชาติ” เดล่า กล่าวต่อ 


“เขาถามผมว่า เขาสามารถปรับปรุงตัวเองในแง่ไหนได้บ้าง ผมถามเขากลับว่า -นายคิดว่า เพราะอะไรถึงถูกเมินจากทีมชาติ ?- เขาตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน และคิดว่าไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่”


“ผมบอกเขาไปตามตรงว่า เหตุผลที่เขาไม่ติดทีมชาติ นั่นคือเขายังคงดีไม่พอ ดังนั้น วิธีเดียวในการเป็นตัวเลือกหลักของทีมชาติ ก็คือการปรับปรุงตัวเอง และทำให้ดีขึ้นอย่างสุดความสามารถ”


“นี่คือสิ่งที่คุณควบคุมได้ คุณต้องทำงานหนัก บางครั้ง เขาอาจคิดว่าลีกสกอตแลนด์ มันง่ายเกินไป แต่เขาต้องแสดงสิ่งที่ดีที่สุดออกมา คุณต้องงัดทัศนคติที่ยอดเยี่ยมออกมา และมีสมาธิตลอด 24 ชั่วโมง” 

หลังจากนั้น ฟาน ไดจ์ค เพิ่มเติมความกระตือรือร้น ทั้งในส่วนของผลงานในสนาม และการพัฒนาร่างกาย เจาะลึกไปที่การออกกำลังกาย และโภชนาการ เพื่อก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลชั้นยอด 


เดล่า กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ตอนที่ผมเข้ารับงานคุมทีมกลาสโกว์ เซลติก ผมมองว่าเขามีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และมีร่างกายที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เขาต้องฟิตมากกว่าเดิม เพื่อก้าวไปอีกระดับ” 


“หากคุณมีน้ำหนักที่มากเกินไป มันจะส่งผลให้คุณเคลื่อนไหวช้าลง, คิดช้าลง และทำทุกอย่างช้าลง”


“หลังจากนั้น ฟาน ไดจ์ค สามารถลดน้ำหนักไปถึง 9 กิโลกรัม กระทั่งปีต่อมา เขาย้ายทีมไปเซาธ์แฮมป์ตัน เขามีน้ำหนักเหลือ 95 กิโลกรัม จำนวนน้ำหนักที่หายไป ส่งผลต่อระดับการเคลื่อนไหวในสนาม”


“เขาเริ่มมีการฝึกซ้อมที่แตกต่างออกไป มีแรงจูงใจเพิ่มมากขึ้น และจดจ่อกับทุกรายละเอียดในการฝึกซ้อม”


“เขาตระหนักถึงแท็คติกของตัวเอง และรู้ว่าต้องทุ่มเทแบบ 100 เปอร์เซนต์ในทุกสิ่งที่ลงมือทำ เพื่อก้าวไปสู่ระดับต่อไป เขาต้องทำงานหนัก ควบคู่ไปกับพรสวรรค์ที่มี”

“เขาเริ่มดูแลตัวเองในชีวิตนอกสนาม เพื่อให้ร่างกายฟิตสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน เขาก็ให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมมากขึ้น พร้อมกับทำงานในเชิงแท็คติกเกมรับด้วย ผมคิดว่า เขามีการปรับปรุงอย่างมากในทุกด้าน”


เดล่า ทิ้งท้ายถึงอดีตลูกทีมของเขาอย่างฟาน ไดจ์ค ที่ต่อสู้ และพิสูจน์ตัวเอง จนเปลี่ยนจากนักเตะที่ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไม่เรียกติดทัพ สู่การเป็นกัปตันทีมอัศวินสีส้มคนปัจจุบัน 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด