ซัมเมอร์ที่ผ่านมา มาดริด คว้าตัว อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ปราการหลังทีมชาติเยอรมันแบบไม่ มีค่าตัว ต่อด้วยการซื้อ อูเรเลียง ชูอาเมนี่ มาจาก โอลิมปิก ลียง ในราคา 80 ล้านยูโร แต่จากนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้ นเป็นอัน แถมยังปล่อย เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ แกนหลักให้กับ แมนฯยูไนเต็ด ได้เงินเข้ามาถึง 70.65 ล้านยูโร 

คิดแล้วเท่ากับว่า มาดริด แทบไม่ได้ควักเงินใช้จ่ายซื้อนั กเตะเท่าไหร่เลย กระทั่งช่วงตลาดหน้าหนาวเดื อนมกราคม แฟนๆต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นแข้ งรายใหม่ที่เป็นพวกซูเปอร์สตาร์ เข้ามาบ้าง โดยเฉพาะตำแหน่งกองหน้าตัวเป้ าที่มีเพียงแค่ คาริม เบนเซม่า เพียงคนเดียว 

แต่จนแล้วจนรอด มาดริด ก็ยังนิ่ง ยืนยันเจตนาชัดเจนว่ าจะลงตลาดแต่อย่างใด สร้างความผิดหวังให้สาวกชุ ดขาวไม่ได้ 

อย่างที่เอ่ยถึงไปข้างต้นด้ วยสถานการณ์ใน ลา ลีกา ที่โดน บาร์ซ่า ทิ้งห่าง 12 คะแนน ทำให้มีการพูดกันเยอะมากว่า มาดริด เดินเกมพลาดที่ไม่ยอมซื้อนั กเตะให้มากกว่านี้ ไม่ยอมทุ่มเงิน พร้อมๆกับอีกคำถามที่หลายคนไม่ เข้าใจเหมือนที่จั่วหัวไปข้างต้ น 

“ทำไม เรอัล มาดริด ถึงไม่ซื้อนักเตะ ?”  เรื่องนี้ไม่เคยมีการออกมาอธิ บายอย่างชัดเจนจากฝ่ายบริ หารของสโมสร แต่จากข้อมูลของสื่อมวลชนคาดกั นว่าน่าจะมาจากเหตุผลเหล่านี้ 

ผลกระทบจากโควิด

ถึงแม้ว่าโลกทุกวันนี้จะกลั บมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุขแล้ว หากแต่เหตุการณ์แพร่ ระบาดของโรคโควิดที่เริ่มต้นขึ้ นเมื่อปี 2019 ก็ยังคงฝากบาดแผลเอาไว้ สำคัญคือเป็นแผลที่ค่อนข้ างฉกรรจ์เสียด้วย 

ระยะเวลราว 2 ปีครึ่ง แม้ เรอัล มาดริด จะไม่ได้มีปัญหาทางการเงินหนั กหน่วงเหมือนคู่อริตลอดกาลอย่าง บาร์ซ่า ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาก็ โดนเล่นงานหนักหน่วงเช่นกัน 

รายได้หดหายไปเกือบ 100 % หากแต่ก็มีรายจ่ายที่ต้องควั กอยู่ตลอดเวลา เมื่อเอาเงินเก็บออกมาใช้ หรือดึงจากส่วนอื่นมาเพื่อแก้วิ กฤตกาณณ์ตรงนี้ ก็ทำให้เมื่อถึงเวลาที่เริ่มฟื้ นตัว สิ่งแรกๆที่ต้องทำก็คือนำเงิ นกลับเข้าสู่ระบบอย่างที่ ควรจะเป็น 

การใช้จ่ายจึงต้องกระทำอย่ างระมัดระวัง การซื้อนักเตะไม่สามารถคำนึงถึ งความจำเป็นในแง่ของฟุตบอลเหมื อนอดีตที่ผ่านมาเท่านั้น หากแต่ยังต้องคำนึงถึงสเถี ยรภาพทางการเงินอีกด้วย 

อะไรที่ยังใช้ได้ ก็ต้องใช้ไปก่อน ส่วนอะไรที่ยังไม่จำเป็นก็ต้ องเบรกไว้ อย่างน้อยก็ไม่ก่อหนี้เพิ่ม โชคดีมากๆที่ขุมกำลังของ เรอัล มาดริด ในช่วงตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา สามารถรักษามาตราฐานการเล่นที่ สูงไว้ได้เกือบ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้แม้จะไม่ได้ซื้อมากมาย แต่ทีมก็ยังคงประสบความสำเร็จ 

ยกตัวอย่างเช่นการคว้าดับเบิ้ ลแชมป์ทั้ง ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งทำให้สโมสรยัคงมั่นใจในขุ มกำลังที่มีอยู่ เมื่อประกอบกับความจำเป็นทางด้ านการเงินจึงทำให้พวกเขาไม่ค่ อยทุ่มซื้อนักเตะอย่างบ้าคลั่ งเหมือนเมื่อก่อน 

น้วยโบ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว

ท่ามกลางวิกฤ๖โควิดที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ยังเป็นช่วงเวลาที่ เรอัล มาดริด อยู่ระหว่างดำเนินการโปรเจคต์ยักษ์ น้วยโบ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว รังเหย้าที่โออ่าสวยงามกว่าเดิม มีความพร้อมในการรองรับแฟนบอลที่ดีขึ้นและตอบโจทย์ทุกความต้องการ 

เพื่อการนี้ ในการที่ เรอัล มาดริด จะเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคง สโมสรตัดสินใจลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาล แรกทีเดียวงบประมาณอยู่ที่ 575 ล้านยูโร แต่สุดท้ายแล้วก็บานปลายไปถึง 800 ล้านยูโร ซึ่งทำให้ มาดริด จำต้องระมัดระวังการใช้จ่ายให้ยิ่งเข้มงวดกว่าเดิม เพื่อให้เมกะโปรเจคต์นี้เสร็จสมบูรณ์ตามกำหนด 

ประสบการณ์ที่ไม่ดี

ไม่ใช่ว่า เรอัล มาดริด ไม่มีเงินเลย หากจำเป็นพวกเขาก็พร้อมที่จะจ่ ายก้อนโต เช่นกรณีของ ชูอาเมนี่ เพียงแต่จะไม่ซื้ออย่างบ้าคลั่ง เหวี่ยงแห หรือใจเร็วด่วนได้ ข้อนี้ดูเหมือนจะกลายเป็น policy ของสโมสรไปแล้ว เพราะที่ผ่านมา มาดริด เคยผิดพลาดในการซื้อนั กเตะมาหลายคน 

ตัวอย่างเช่น มาเรียโน่ ดิอ๊าซ ถึงแม้ว่าจะราคาแค่ 8 ล้านยูโร แต่ดูจากผลงานที่เขาสร้างนั้นมั นถือเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว หรืออย่าง ลูก้า โยวิช กองหน้าเซอร์เบียที่รีบคว้าตั วมาเพื่อชิงตัดหน้าหลายๆสโมสร 

ราคา 60 ล้านยูโร แม้จะไม่ใช่เรตที่สูงลิบลิ่ว แต่เมื่อดูจากผลงาน ระดับฝีเท้าที่ โยวิช แสดงออกมา บ่งชี้ได้ว่าพวกเขาซื้อนักเตะที่ มีคุณภาพต่ำกว่าราคา

โยวิช แทบจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอั นเลย เบียดตัวจริงไม่ได้ เมื่อได้โอกาสลงมาก็ทำผลงานได้ น่าผิดหวัง จนกระทั่ง มาดริด จำต้องปล่อยตัวออกไปฟรี ๆแบบยอมขาดทุนยับเยิน 

จาก โยวิช มาถึง เอแดน อาซาร์ นี่คือเป็นดีลหายนะก็คงไม่ผิด ด้วยราคาที่สูงสุดเป็นประวัติ ศาสตร์ถึง 100 ล้านยูโร คงไม่ต้องเสียเวลาอธิ บายอะไรมากมายถึงความรู้สึกท้ อแท้ ผิดหวัง สูญเสีย จากผลงานของ อาซาร์ 

จนถึงปัจจุบันนี้เพลย์เมกเกอร์ เบลเยี่ยมก็ยังคงไม่สามารถโชว์ ฟอร์มที่ดีออกมาได้ แม้กระทั่งลงเล่นเราก็แทบจะไม่ ได้เห็ยเขาเลย จนกลายเป็นบุคคลสูญหายที่มีค่ าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ 

จาก มาเรียโน่ ถึง อาซาร์ ถือเป็นบทเรียนราคาหมื่นล้านที่ บอร์ดบริหารมาดริดรู้สึกว่า “เจ็บแล้วต้องจำ” พวกเขาตั้งมั่นว่าการซื้อแต่ ละครั้ง นับจากนี้จะต้องเป็นของดี จะต้องเป็นของที่ใช่จริงๆสำหรั บทีม การซื้อนักเตะแบบเผื่อเลื อกจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว 

นั่นเองทำให้ มาดริด ยังไม่ทุ่มซื้อนักเตะมากนัก โดยเฉพาะในเกมรุกที่มีหลายเสี ยงเรียกร้องว่าหาคนมาช่วยงาน คาริม เบนเซม่า ได้แล้ว แต่หากมันไม่ใช่จริงๆ มาดริด ก็จะไม่ซื้อเด็ดขาด 

โรดรีโก้ โกเอส 

อย่างที่เขียนถึงไปในหัวข้อข้ างต้น ตำแหน่งที่ถูกแฟนๆตั้ งคำถามมากที่สุดในการซื้อครั้ งต่อไปของ เรอัล มาดริด ก็คือกองหน้าตัวเป้า ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มี ความเคลื่อนไหว 

นอกเหนือจากเรื่องเงินที่ต้ องใช้อย่างระมัดระวัง นอกจากการซื้อที่จะต้องใช่จริงๆ แล้ว ข้อสำคัญก็คือ เรอัล มาดริด มี โรดรีโก้ โกเอส อยู่ในทีม 

เอ่ยถึง โรดรีโก้ ภาพในหัวของแฟนๆอาจนึถึงกองหน้ าร่างบาง ที่ชอบเล่นทางริมเส้นฝั่งขวา แต่สำหรับ คาร์โล อันเชล็อตติ แล้ว ยิ่งทำงานร่วมกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นว่า โรดรีโก้ มีศักยภาพในการเล่นตำแหน่ งกองหน้าตัวเป้าชัดเจนขึ้นเท่ านั้น 

หลายเกมที่ โรดรีโก้ ถูกจับไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้ าแล้วทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม แม้จะมีรูปร่างที่ค่อนข้างบาง แต่คุณสมบบัติสำคัญของเขาคื อการจบสกอร์ที่เฉียบคม 

วัดกันเฉพาะตรงจุดนี้ โรดรีโก้ ดูดีกว่า วินิซิอุส เสียด้วยซ้ำ นั่นเองทำให้ มาดริด และ อันเชล็อตติ ยังสามารถรั้งรอการซื้อกองหน้ าไว้ได้ ทำให้พวกเขามีเวลาที่จะเลื อกของที่ดีที่สุดจริงๆ เพราะในยามขาดแคลนก็ยังมี โรดรีโก้ ลงมาทะลวงตาข่ายคู่แข่ง

เจมส์ ลา ลีกา