เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็โชว์ฟอร์มการเล่นที่สุดยอดออกมา โดยการลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวนำเป็นดาวซัลโวของลีก ด้วยการกระหน่ำไป 32 ประตู ทั้งที่เหลือเกมให้ลงเตะอีก 8 นัดเลยทีเดียว
ช่วงนี้ เราลองไปดูทัศนคติในการเล่นฟุตบอลของเขากันหน่อย ลองไปดูว่า เพราะเหตุใด ฮาลันด์ ถึงกลายเป็นเครื่องจักรสังหารประตู พร้อมกับเหลือเส้นทางลูกหนังให้เขาไล่ล่าสถิติอีกยาวไกล
“เมื่อมองย้อนกลับไป ราวกับว่า ผมพลาดได้อย่างไร ?”
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ออกมาย้อนความทรงจำ เกี่ยวกับการพลาดยิงประตู จากระยะเพียงไม่กี่หลา หน้าปากประตูโล่งๆ เขากลับยิงเช็ดคานออกไป ในเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ที่พ่ายต่อลิเวอร์พูล 1-3 โดยถือเป็นการประเดิมกับลีกใหม่ และสโมสรใหม่ที่ไม่น่าจดจำ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า คำปรามาสต่างๆตามมามากมาย อย่างไรก็ตาม ฮาลันด์ กลับใช้มันเป็นพลัง เพื่อไล่ยิงประตูอย่างไม่หยุดยั้งในฤดูกาลนี้
“คุณรู้อะไรมั้ย สิ่งเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง” ดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ กล่าวต่อถึงจังหวะที่ยิงไม่เข้า ในเกมกับพลพรรคหงส์แดง “เพราะนี่คือฟุตบอล ในฐานะกองหน้าแล้ว ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการลงสนามไป พร้อมกับไม่ต้องคิดอะไรมากนัก”
“หากผมลงเล่น โดยภายในหัวคิดถึงแต่จังหวะผิดพลาดในเกมที่ผ่านมา นั่นถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี คุณต้องลงเล่น ด้วยความหิวกระหาย ไม่สำคัญหรอกว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง คุณเพิ่งยิง 3 ประตู, คุณเพิ่งจบสกอร์ไม่ได้ หรือคุณยิงไม่ได้มาสักพักแล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเลย”
“คุณต้องเข้าสู่เกม ในรูปแบบความคิดเดียวกัน บอกตัวเองว่า จงอย่าไปคิดมาก คุณควรใช้ความผิดพลาดเป็นแรงจูงใจ อย่าไปเก็บมันมาเป็นพลังงานด้านลบ พร้อมกับลงฝึกซ้อมอย่างสุดความสามารถ นี่คือสิ่งที่ช่วยผมได้เป็นอย่างมาก การทำสมาธินอกสนาม ช่วยให้ผมปลดปล่อยความคิดในแง่ร้ายออกไป”
“คุณต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง และต้องมีสมาธิที่ดี เพราะการเป็นนักฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนที่ทุกคนคิดกัน การมาเล่นกับแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นความกดดันอย่างมหาศาล แต่ในหัวของผมคือ การก้าวลงสู่สนาม พร้อมกับรอยยิ้มให้มากที่สุด และพยายามสนุกไปกับการแข่งขัน”
“ท้ายที่สุดแล้ว คุณแค่ต้องการสนุกกับการเล่นฟุตบอล สนุกกับสิ่งที่คุณฝันถึงในช่วงวัยเด็ก ในการเป็นกองหน้า หากคุณยิงประตูไม่ได้ คำวิจารณ์ต่างๆจะถาโถมเข้ามา อย่างที่ผมบอกไป ท้ายที่สุดแล้ว คุณไม่สามารถเลือกสิ่งที่คนอื่นพูด, สิ่งที่คนอื่นอ่าน หรือสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับคุณ นี่คือสิ่งที่คุณต้องอยู่ด้วยให้ได้ ใช่แล้ว จงสนุกกับมัน”
ฮาลันด์ กล่าวต่อไปว่า ”ผมสามารถปรับปรุงทุกอย่างได้ เมื่อเราพูดถึงการจบสกอร์ ผมจำเป็นต้องปรับปรุงการเล่นด้วยเท้าซ้าย, เท้าขวา และลูกโหม่ง มีอะไรหลายอย่างมากเลย"
"นั่นคือแง่มุมที่ดีของฟุตบอล คุณสามารถปรับปรุงตัวเองได้ตลอดเวลา ไม่สำคัญหรอกว่าคุณอายุเท่าไหร่ คุณสามารถงัดศักยภาพออกมาใช้อย่างเต็มที่ บางที ผมอาจต้องใช้เวลามากถึง 10 ปี ในการก้าวไปถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง"
"ย้อนกลับไปตอนเด็ก ผมยิงประตูได้มากมาย เมื่อยิงประตูแรกได้ ผมก็จะมีความคิดที่ว่า -ฉันต้องทำแบบนี้อีกครั้ง- เมื่อยิงประตูได้บ่อยครั้ง ผมก็จะคิดว่า -ลองจินตนาการดู หากฉันทำมันได้อีกหน-“
“หรือหากมีใครยิงแฮตทริกในการแข่งขันวันเสาร์ ก็จะรู้สึกว่า -มันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน หากฉันทำได้ในสัปดาห์หน้า- มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่สามารถอธิบายได้"
ฮาลันด์ ทิ้งท้ายทัศนคติตัวเองในการเล่นฟุตบอลว่า “ย้อนเวลากลับไป ตอนที่ผมย้ายไปเล่นกับซัลซ์บวร์ก ช่วงแรกเป็นอะไรที่ยากมาก"
"ผมต้องใช้เวลาส่วนนั้น ในการพัฒนาตัวเอง ซึ่งการไม่ได้ลงเล่นมากนัก ก็ถือเป็นข้อดีเหมือนกัน เพราะผมมีเวลาในการทำงานหนัก"
"จากการที่ผมแทบไม่ได้ลงสนามเลย ทำให้ผมมีโอกาสฝึกฝนจิตใจของตัวเอง แน่นอนว่า ร่างกายของผมก็ถูกฝึกหนักเช่นเดียวกัน นั่นเป็นจุดที่เปลี่ยนความคิดของผมไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีโอกาสเข้ามา ผมต้องไขว่คว้ามันไว้ "
"ในฐานะนักฟุตบอล การคิดมากเกินไป คืออะไรที่เลวร้าย เมื่อคุณไม่ได้อยู่ในห้วงเวลาที่ดี ถือเป็นช่วงที่คุณจะได้พัฒนามากที่สุด เพราะคุณต้องมาทำงานกับตัวเองจริงๆ”
“นั่นเป็นส่วนที่ยากที่สุด และเป็นจุดที่นักฟุตบอลจำนวนมากล้มเหลว พวกเขาผ่านแบบทดสอบนี้ไม่ได้ เพราะมีความคิดแง่ลบในหัวมากเกินไป"
"สำหรับผมแล้ว ผมแทบไม่เคยย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโอเก่าๆ ที่บันทึกการเล่นของตัวเองเลย ผมไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น ผมชอบมองไปที่อนาคตมากกว่า"
