:::     :::

"สามเหลี่ยมอาถรรพ์" บรูโน่ คาเซมิโร่ เอริคเซ่น

วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,581
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แผงกองกลางแมนยูไนเต็ดปีนี้ ยามที่บรูโน่ คาเซ เอริคเซ่น ลงสนามด้วยกัน ทีมไม่เคยแพ้ใคร และนี่คือเหตุผลของคอมบิเนชั่นนี้ว่า ทำไมการเล่นของสามคนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน มันถึงได้ลงล็อค พอดีกัน และแข็งแกร่งขนาดนี้ บนปรัชญาฟุตบอลของเอริค เทน ฮาก

ในฤดูกาลเริ่มต้นของเอริค เทน ฮาก กับการคุมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทีมมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของนักเตะตัวหลักหลายๆคนที่เติมทีมเข้ามาในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นลิซานโดร มาร์ติเนซ, คาเซมิโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น, อันโทนี่ สี่รายนี้เข้ามาก็เป็นตัวจริงในระดับแกนหลักของทีมเลย รวมถึงตัวเปลี่ยนอย่างไทเรลล์ มาลาเซียอีกหนึ่งคน และตัวที่เสริมมาในช่วงมกราคมจากการยืมตัวเว็กฮอร์สต์ และ ซาบิทเซอร์

นักเตะใหม่หลายๆคนเข้ามาแล้วหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับทีมได้อย่างดี ผสมผสานกับนักเตะเก่าที่มีคุณภาพอยู่แล้วที่นี่ เช่น ลุค ชอว์, เดเคอา, มาร์คัส แรชฟอร์ด และทำผลงานได้ดีเยี่ยม

กับฟอร์มล่าสุดในเกมที่ผ่านมา และตลอดฤดูกาล 2022/23 มีการผสมผสานของ combination หนึ่งที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือสามกองกลางที่ประกอบไปด้วย "Casemiro + Bruno Fernandes + Eriksen" เป็นเซ็ตกองกลางที่ผลงานยอดเยี่ยม และสอดประสานกันลงตัวมากที่สุดของปีนี้ จนกลายเป็นชุดหลักที่เมื่อได้ลงสนามเมื่อใด แมนยูก็มักจะเล่นได้ดีอยู่เสมอ

สถิติล่าสุดที่ออกมา 17 เกมที่ คาเซ + เอริคเซ่น + บรูโน่ ลงสนามเป็นตัวจริงพร้อมกัน แมนยูไนเต็ดชนะถึง 15 เกม เสมอไปเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น และยังไม่เคยแพ้ใคร

ต้องบอกว่า หากถามคำถามในช่วงก่อนที่ซีซั่นจะเริ่มว่า สามคนนี้จะเล่นร่วมกันให้มีประสิทธิภาพได้ยังไงบ้าง คงตอบได้ยาก

เราก็ไม่รู้ว่า คริสเตียน เอริคเซ่น ที่น่าจะทับตำแหน่งกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะเล่นกันลงตัวได้ยังไง และคาเซมิโร่ที่ย้ายมาอยู่แมนยูไนเต็ด ฟอร์มจะเป็นยังไงบ้างจากการออกมาจากทีมชุดที่ประสบความสำเร็จที่สุดของมาดริดชุดนั้น

ทุกอย่างไม่มีคำตอบ จนกระทั่งเราได้เจอการปฏิบัติงานจริงของเอริค เทน ฮาก ที่เลือกใช้งานคริสเตียน เอริคเซ่น แบบที่แฟนผีส่วนใหญ่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะเล่นตำแหน่ง "มิดฟิลด์ตัวกลาง" ได้ดีขนาดนี้ แม้บางคนจะรู้มาบ้างว่า เจ้าตัวเล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้ง AM, ตัวรุกถ่างด้านข้างอย่าง AMR หรือลงต่ำมาเล่น CM กลางสนาม แต่เรานึกไม่ออกจริงๆว่า การใช้เขาให้มันเข้ากับระบบของเทน ฮาก และแมนยูชุดใหม่ จะเป็นยังไงบ้าง

คิดว่ามาถึงตอนนี้แล้ว กำลังจะผ่านไปหนึ่งฤดูกาลของเทน ฮาก ทุกคนได้เห็นแล้วว่า EtH สามารถใช้งานนักเตะที่แตกต่างกันสามคนนี้ให้ลงตัว กลมกล่อม และ blend จนเข้ากันได้ดีมากๆอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างไร

นี่คือคำอธิบายหน้าที่คร่าวๆของแต่ละคน ในการลงเล่นร่วมกันว่า คอมโบ "คาเซมิโร่ + บรูโน่ + เอริคเซ่น" มีกระบวนการทำงานยังไงบ้าง 

1. Casemiro : Defensive Midfielder, Anchor man

คาเซมิโร่หน้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในฐานะ "มิดฟิลด์ตัวรับ" หลักของทีม ในบทบาท Defensive Midfielder ซึ่งเป็น Role ที่ค่อนข้างจะมีหน้าที่ครบถ้วนในการเล่นทุกๆอย่างที่มิดฟิลด์ต้องทำ คาเซมิโร่เล่นทั้งหมด

มีอะไรบ้าง? เล่นเกมรับปัดกวาดแดนหลัง / ออกบอลแจกจ่ายให้ทีม / สร้างสรรค์เกมรุกจากแดนกลาง / เติมเกมขึ้นไปทำประตู

คาเซมิโร่ทำหน้าที่ทุกอย่างที่มิดฟิลด์ยุคสมัยใหม่จะต้องทำ เขาทำได้ดีทุกหน้าที่ (ถ้าเป็นมิดฟิลด์ที่มีหน้าที่หลักในการเล่นเกมรับ ตัดบอล ปัดกวาดอย่างเดียว มันจะเป็น Ball-winning midfielder มากกว่า DM )

แต่ยังไงก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ จุดเด่นในการเล่นของคาเซมิโร่และroleนี้ คือการยืนปักหลักด้านหลัง ยืนเป็นแกนกลางคุมพื้นที่ให้กับทีมไม่ให้กองกลางลอยสูงจนเกินไป 

การยืนต่ำเช่นนี้สามารถที่จะเก็บบอลสองให้ทีมได้, สามารถตัดเกมเวลาทีมกำลังจะสวนกลับได้ และก็ "ปิดพื้นที่" ทำให้คู่แข่งฝั่งตรงข้าม ไม่สามารถเข้ามา magage พื้นที่หน้าแผง Defensive Line ได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายในการทำเกมของกองกลางตัวรุกคู่แข่ง (พื้นที่ด้านหน้ากรอบเขตโทษ แอเรียโซน14)

การรับหน้าที่เล่นเกมรับเป็นหลักให้กับแดนกลาง ถือว่าเป็นส่วนที่จำเป็นมาก เพื่อ "ทดแทน" สิ่งที่มิดฟิลด์อีกสองคนขาด เพราะคงจะขาดหวังให้ เอริคเซ่น หรือ บรูโน่ มาไล่เสียบคู่แข่ง สกัดบอล ปั๊มบอลในการเล่นเกมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้น คาเซมิโร่ จึงเป็นคนรับหน้าที่นี้เป็นหลัก ส่วนอีกบทบาทที่สำคัญคือการเป็นตัวยืนเพื่อเชื่อมการขึ้นเกมจากแผงหลัง ในฐานะตัวที่ต้องทำหน้าที่โฮลดิ้งให้กับทีมด้วย เวลาที่โดนคู่แข่งเล่นเพรสซิ่งสูงใส่ กลางรับอย่างคาเซมิโร่จะต้องมีวิธีการ และเหลี่ยมบอลในการรักษาการครองบอล และจ่ายบอลแกะเพรสออกจากพื้นที่อันตรายได้ดี

เป็นตำแหน่งที่ห้ามพลาด และห้ามเสียบอลเองเด็ดขาด เพราะด้านหลังคือแนวสุดท้ายที่เหลือเซ็นเตอร์แบ็คแล้ว ตำแหน่งการเล่นของคาเซมิโร่ จึงจำเป็นต้องใช้นักเตะที่ทักษะดี สมาธิดี แข็งแกร่งด้านร่างกายที่สามารถบังเหลี่ยมบอลได้ รวมถึงประสบการณ์ที่โชกโชนในการเล่นมิดฟิลด์ สำคัญมากๆ

นี่คือหน้าที่ทั้งหมดของคาเซมิโร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นเหมือนองครักษ์คอยซัพพอร์ตมิดฟิลด์สองคนอย่าง บรูโน่ กับ เอริคเซ่น ให้ได้เล่นกันอย่างสบายใจและอิสระ เพราะการมีคาเซมิโร่คุมพื้นที่ด้านหลัง และเล่นเกมรับให้แล้ว นอกจากนี้เขายังต้องเป็นเหมือนโล่ชั้นนอกของเซ็นเตอร์แบ็คทีมเราอีกด้วย

2.Christian Eriksen : Deep-lying playmaker, Enganche

นักเตะกองกลางที่ "สะท้อนปรัชญาวิธีคิด" ในการเล่นของเอริค เทน ฮาก ได้มากที่สุด คือวิธีเล่นของ คริสเตียน เอริคเซ่น ในสนามของทีมเราฤดูกาลนี้

สะท้อนยังไง?

เอริคเซ่น เล่นในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับคาเซมิโร่ ในระบบกลางคู่ double pivot ซึ่งคาเซมิโร่ยืนปักหลักเป็นตัวต่ำให้ทีมไปแล้ว มิดฟิลด์อีกตัวหนึ่งในระบบนี้อย่างเอริคเซ่น จะต้องมีความหลากหลายและยืดหยุ่นมากในการเล่น

เติมเกมขึ้นหน้า คุมเกมตรงกลาง ลงต่ำมาช่วยหลัง บทบาทของคริสเตียน เอริคเซ่น จะต้องทำได้หมด ซึ่งก็ทำได้จริงๆ

การลงต่ำมาช่วยด้านหลัง : ถ้าสังเกตการเล่นและการยืนของเอริคเซ่นจริงๆ เขาจะลงต่ำมาเพื่อช่วยรับบอลจากเซ็นเตอร์แบ็คอยู่บ่อยครั้ง ถ้าทีมถูกเพรสซิ่งจากคู่แข่งเยอะๆ และแบ็คของทีมดันสูงขึ้นไปรับบอลแล้ว เอริคเซ่นในฐานะกลางตัวเชื่อม หลายๆครั้งก็จะลงไปยืนต่ำในระนาบเดียวกับเซ็นเตอร์แบ็ค ถ่างออกไปด้านข้างเพื่อยืนแทนตำแหน่งของวิงแบ็คด้วย

เอริคเซ่นทำได้ดีมาก ด้วยความขยันที่ตัวเองขยับตำแหน่งตลอดเวลาเพื่อลงมาช่วยการ build-up นี่คือสไตล์ของเอริค เทน ฮาก ในการใช้กองกลางที่ชัดเจนมากๆ

และแน่นอนครับ แฟรงกี้ เดอ ยอง ก็ยืน positioning แบบเดียวกับที่เอริค ใช้ คริสเตียน เอริคเซ่น ที่แมนยูไนเต็ดแบบเป๊ะๆเหมือนโคลนกันมา

การคุมเกมตรงกลาง : เอริคเซ่น มีพื้นที่การเล่นแบบเดียวกับตัว Carrilero มิดฟิลด์ซัพพอร์ทเชื่อมเกมแบบลูกหาบของเฟร็ด เคลื่อนที่ซัพพอร์ตเกมระหว่างกลางต่ำ ขึ้นไปสู่กลางรุก แอเรียเดียวกัน เอริคเซ่นจะไม่ลงต่ำมายืนในกรอบเขตโทษตัวเอง หรือเติมเข้าไปอยู่ในกรอบคู่แข่ง

หน้าที่หลักคึอการเป็นตัวโฮลดิ้งหลักของทีม ครองบอล ออกบอล เชื่อมเกม ด้วยความแม่นยำในการจ่ายบอล สกิลนี้สำคัญมากๆที่จะต้องจ่ายบอลให้ชัวร์และนิ่งที่สุด เพื่อทำให้การครองบอลใน Possession based-game ของเทน ฮาก ที่เน้นการครองบอลเป็นหลัก ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ระบบนี้ถ้ากลางจ่ายบอลไม่แม่นจะลำบากมาก

เอริคเซ่นทำได้ แถมทำได้เหนือกว่าแค่การเป็นกองกลางตัวเชื่อมเกมด้วย เพราะเขามีมิติการเป็น DLP อยู่ในตัว สามารถออกบอลขึ้นหน้าได้ทุกจังหวะที่ต้องการ ถ้าเห็นเพื่อนเติมเกมขึ้นหน้า เอริคเซ่นเบิ้ลเร็วจังหวะเดียวหลุดแนวรับคู่แข่งได้เลย

มิติตรงกลางสนาม คือสิ่งที่สุดยอดมากในการเล่นของเขา และมันดีที่สุดในบรรดานักเตะมิดฟิลด์ในทีม

การเติมเกมขึ้นหน้า : ความสามารถในการเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งเป็นตำแหน่งหลักของเอริคเซ่นยังคงอยู่ เขาเล่นในลักษณะของ "traditional 10" มิดฟิลด์คุมเกมรุกแบบคลาสสิค ที่จะรักษาพื้นที่ และคอยออกบอลเป็นป้อมบัญชาการตรงกลาง ซึ่งเรียกกันว่าตัว Enganche หรือมิดฟิลด์ตัวตะขอที่หมุนเกมรุกตรงกลางให้ทีมนั่นเอง ในเกมแมนยูชนะฟอเรสต์ เอริคเซ่นก็เติมสูงขึ้นมาเล่นเกมรุกตรงนี้คู่กับบรูโน่แบบเต็มๆ เขาเปิดบอลอยู่รอบๆกรอบเขตโทษให้เพื่อนเข้าทำได้หลายต่อหลายครั้ง

เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นชัดเจนเลยว่า ทั้งการลงต่ำ คุมกลาง เติมเกมสูง เอริคเซ่นทำได้หมด นี่คือความยืดหยุ่นที่เอริค เทน ฮาก ต้องการจากมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดของเกม ซึ่งเขาอยากจะได้แบบนี้จาก แฟรงกี้ เดอ ยอง ที่เล่นในตำแหน่งเดียวกัน

นั่นคือสาเหตุว่าทำไมทีมถึงต้องการนักเตะใน Role เดียวกับแฟรงกี้ขนาดนั้น เพราะปัจจุบันเราสามารถใช้เอริคเซ่นเล่นได้ก็จริงอยู่ แต่จะให้เขาลงเล่นคนเดียวตลอดซีซั่นก็ไม่ไหว จำเป็นต้องมีนักเตะที่คอยสลับสับเปลี่ยนกับเอริคเซ่นในตำแหน่งนี้ด้วย ทีมถึงจะมีมาตรฐานการเล่นที่นิ่งและแน่นอนมากขึ้น

การคุมเกมในแดนกลางสำคัญ ตำแหน่งนี้ของคริสเตียน เอริคเซ่น สำคัญมากๆ และมันจะสมบูรณ์ได้ถ้ามีกองกลางอีกสองคนที่เหลือ คอยทำหน้าที่ของตัวเอง

3. Bruno Fernandes : Advance Playmaker, Roaming Playmaker, Wide Playmaker

บรูโน่รับผิดชอบหน้าที่หลัก จากคอมบิเนชั่นสามคน คาเซ+บรูโน่+เอริคเซ่น ในฐานะ "มิดฟิลด์ตัวรุก" หลักของทีม

ในเกมรับเรามีคาเซมิโร่ทำหน้าที่หลักไปแล้ว เกมรุกเราก็มี บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นผู้เล่นคนสำคัญในหน้าที่นี้เช่นกัน

หลังจากที่แดนต่ำมีคนยืนคุมพื้นที่แล้ว, แดนกลางมีตัวซัพพอร์ต เชื่อมเกมแล้ว แนวรุกก็จะต้องมีกองกลางตัวทำเกมรุก ที่ยืนอยู่ในแดนบนด้วยเช่นกัน บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นในตำแหน่ง "มิดฟิลด์ตัวรุกหลัก" ของแมนยูมาตลอดนับตั้งแต่ยุคโอเล่ กุนนาร์ โซลชา

แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปในยุคของ เอริค เทน ฮาก คือ ความหลากหลายในหน้าที่ของบรูโน่ที่มากขึ้นกว่าแค่การเป็นเพลย์เมคเกอร์เบอร์10 ของทีม บรูโน่ได้ทำหน้าที่ในหลายๆบทบาท หลายๆตำแหน่งมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือทีม ในระบบการเล่นที่เน้นความยืดหยุ่นของนักเตะในทีม จากเอริค เทน ฮาก

เริ่มแรกสุด สิ่งที่แฟนบอลเห็นชัดเจนก็คือ บรูโน่ถูกใช้งานในฐานะตัวเล่นริมเส้นบ่อยครั้ง ที่เทน ฮาก ดึงออกไปเล่นปีกแทนตำแหน่งของอันโทนี่อยู่บ่อยๆ การเปิดเกมจากริมเส้นของบรูโน่สามารถเล่นได้อยู่แล้ว แค่อาจจะลดความอันตรายจากการยืนตรงกลางไปบ้าง แต่ก็เล่นได้ ดังนั้นบรูโน่จึงต้องเพิ่มความเป็น Wide Playmaker ลงไปในการเล่นของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

ตามปกติแล้ว สิ่งที่บรูโน่เล่นคือ Advance Playmaker ตัวเพลย์เมคเกอร์ที่ทำหน้าที่เพิ่มเติมกว่าปกติ เช่นสามารถถ่างออกริมเส้นเพื่อไปทำเกมจากด้านข้างได้, เติมเกมรุกเข้าในกรอบเขตโทษในลักษณะของการเป็นกึ่งๆกองหน้าตัวเสริมคนที่สอง (Second Striker) อย่างที่แฟนผีได้เห็นกันว่า บรูโน่สามารถเติมไปยิงได้บ่อยครั้งในยุคแรกๆที่เขาอยู่กับทีม

แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นในยุคเทน ฮาก นอกจากจะต้องเล่นด้านข้างแล้ว บรูโน่ยังมีหน้าที่ลงต่ำมาช่วยทีมเยอะขึ้นกว่าเดิม จากที่เมื่อก่อนเขาเล่นแค่เกมรุกในแดนบน กับฐานะมิดฟิลด์เบอร์10 เท่านั้น แต่ในยุคเทน ฮาก บรูโน่เล่นแบบมิดฟิลด์เบอร์8 เยอะมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ภาพที่แฟนบอลเห็นเขาลงต่ำมาไล่บอล เล่นเกมรับช่วยแผงหลัง เป็นเรื่องที่เห็นกันจนชาชินจากนิสัยการเล่นที่ทุ่มเทมากๆของเขา และระบบทีมที่นักเตะจะต้องขยับตำแหน่งช่วยกันตลอด หลายๆครั้งการเล่นเพื่อทีมของบรูโน่ จึงส่งผลต่อสกอร์การทำประตูหรือแอสซิสต์ที่ลดลง

สถิติส่วนตัวของเขามันต่ำกว่าในช่วงแรกก็จริง แต่ประสิทธิภาพของทีมโดยรวมกลับเพิ่มขึ้นเพราะเรื่องนี้เช่นกัน คำถามคือถ้าให้เลือกว่าบรูโน่ควรเล่นแบบไหน ระหว่างการเป็นเบอร์10 เพียวๆเหมือนเมื่อก่อน เล่นเกมรุกสารพัดอย่างให้ทีม แต่ถ้าถูกจับตายทีมก็ไปต่อไม่ได้

เทียบกับยุคนี้ที่บรูโน่ไม่ได้เล่นแค่คนเดียวในเกมรุก แต่ลงมาช่วยทีมมากขึ้น เล่นเกมรับแบ่งเบาแนวหลังของทีม แล้วทีมโดยรวมเก็บผลการแข่งขันได้ดีกว่าเดิม 

แบบนี้น่าจะดีกว่า

ความสามารถในการลงมาช่วยทีมได้หลากหลายมิตินี่แหละครับ ที่ทำให้เขาแกร่งพอ และดีพอที่จะเล่นบทบาทใหม่อันล่าสุด ที่แฟนบอลก็เพิ่งจะเห็นและค้นพบว่า "บรูโน่ไม่ได้เล่นได้แค่เบอร์10" อย่างที่ใครเข้าใจ เขาลงมาเล่นแบบเบอร์6 ในสไตล์ DLP ออกบอลยาวรัวๆเหมือนยังกะกินปีร์โล่เข้าไป ก็ทำมาแล้ว

เกมไหนที่มีคาเซมิโร่ลงสนาม ในตำแหน่งเดียวกัน จากตัว DLP พัฒนาไปสู่ role ที่เล่นยากที่สุด ถ้าไม่เก่งพอเล่นไม่ได้แน่ๆอย่างการเป็น Roaming Playmaker มิดฟิลด์เบอร์8ตัวขับเคลื่อนและสร้างเกมรุกจากทุกจุดของสนาม ทั้งตัวต่ำ และเติมเกมรุกจนสุดขอบ เขาก็ทำได้

นี่คือความสุดยอดในตัวของรองกัปตันทีมที่เป็นทุกอย่างเพื่อ Manchester United ของบรูโน่แล้ว

ในระบบสามมิดฟิลด์ที่คอมโบกับ คาเซมิโร่ และ เอริคเซ่น บรูโน่ก็ไม่จำเป็นต้องลงมาต่ำให้เหนื่อยจนเกินไป เขาสามารถฝากฝังงานอื่นๆให้กับคาเซมิโร่ และ เอริคเซ่นได้ ตัวเองก็ทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์เบอร์10แบบสมัยใหม่ ในการเป็นตัว Advance Playmaker เขาก็จะกลับไปสร้างประตูและแอสซิสต์ได้เหมือนเดิม 

ตัวอย่างในภาคการอธิบายการเล่นร่วมกันของ คาเซมิโร่ + บรูโน่ + เอริคเซ่น สามารถสังเกตได้จากเกมนัดล่าสุดที่ชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มา 0-2 ด้วยการลงเล่นที่ทำให้เกมของแมนยู กดฟอเรสต์แบบยับๆตั้งแต่ต้นจนจบ เกมเหนือกว่าทั้งภาคการครองบอล การ build-up เกมขึ้นหน้า ทำได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมาก จนทำให้ทีมสร้างเกมบุกได้เรื่อยๆ นวดจนกระทั่งได้ประตูสำเร็จ เกมของทีมลื่นไหลและมีประสิทธิภาพมากๆ

และต่อจากนี้คือตัวอย่างของการยืนตำแหน่ง และหน้าที่ซึ่งกันและกันของcombinationจากสามคนนี้

เริ่มแรกสุดคือ ในการ build-up เกม ลำเลียงบอลจากแผงหลังขึ้นสู่แดนหน้า ปกติแล้วคาเซมิโร่ จะยืนคุมตำแหน่งตรงกลางเอาไว้ และให้คริสเตียน เอริคเซ่น เป็นตัวที่เคลื่อนที่อิสระ อาจจะยืนเท่ากันในระนาบเดียวกับ DM และ วิงแบ็คสองข้างแบบในรูปนี้ หรือบางครั้ง อาจจะถอยไปต่ำกว่า DM ยืนเท่ากับ CB ของทีมเลยก็ได้

เอริคเซ่นจะเคลื่อนที่หาตำแหน่งแบบนั้นตลอดเพื่อช่วยเชื่อมเกมจากแดนหลังไปสู่แดนหน้า ทุกๆ sequence ของการเล่นตั้งแต่แรกสุดจากแผงหลัง ไล่ไปจนแดนกลาง และทำเกมต่อในพื้นที่ final third ของคู่แข่ง ภาพข้างบนนี้คือจังหวะที่ครองบอลกันตั้งแต่แผงหลัง

บอลที่แกะเพรสออกมาได้ เอริคเซ่นก็จะเป็น CM ที่คอยออกบอลตรงกลางไปให้กับเพื่อนร่วมทีมได้หมด ทั้งแนวรุกแดนหน้า และกองกลางอีกคนที่รอการต่อบอลอยู่ เช่นในรูปนี้ที่บรูโน่ แฟร์นันด์ส รอรับบอลเพื่อเอาไปทำเกมรุกให้ฟร้อนท์ทรีได้โจมตีต่อไป สังเกตดูการวางตัวของสามมิดฟิลด์ คาเซมิโร่จะ "รองบอล" อยู่ด้านหลังเสมอ โดยมีเอริคเซ่น เป็นศูนย์กลางการโฮลดิ้งและออกบอลแจกจ่าย โดยมี บรูโน่ เป็นกลางรุกที่มีอิสระในการเติมเกมในทุกจุด

ภาพข้างบนนี้จะเห็นการยืนของสามมิดฟิลด์ได้ดี คาเซมิโร่จะรักษาตำแหน่ง core area ของทีมเอาไว้ เหมือนแกนกระดูกสันหลัง ซึ่งตอนนี้บอลมันเยื้องออกไปทางขวา เพราะทีมไปขึ้นบอลทางอันโทนี่ คาเซฯเลยต้องยืนขยับมาซีกนี้เพื่อเผื่อรับบอล

เอริคเซ่นวงสีแดงทางซ้าย ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวเชื่อมต่อระหว่าง หลัง กับ หน้าในพื้นที่ตรงกลางเช่นกัน ลักษณะของตำแหน่งการยืนก็ยังอยู่เป็นคู่กลางกับคาเซมิโร่อยู่ แม้จะยืนห่างกัน แต่จุดที่น่าสนใจในภาพนี้ คือวงสีเขียวอ่อน นั่นคือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่เป็นมิดฟิลด์ตัวที่สามของระบบนี้ และเล่นอย่างอิสระที่สุดในการวิ่งพล่านไปทุกจุดที่สามารถทำเกมรุกให้ทีมได้

จังหวะนี้บรูโน่กำลังจะเติมเกมทะลุขึ้นไปริมเส้นฝั่งขวา และหลุดขึ้นไปได้สำเร็จ นั่นคือมิติการเล่นริมเส้นที่บรูโน่เติมเต็มเพื่อทีมเราได้

ภาพนี้คืออีกครั้งที่เป็น combination ซึ่งมี pattern หลักชัดเจนในหน้าที่ของสามคน คาเซมิโร่วงสีขาว ยืนรองบอลอยู่ด้านหลัง คุมตำแหน่งที่ดีอยู่ตลอดเวลา ไม่หลุดไปไหน โดยที่บอลกำลังจะถูกจ่ายมาจาก AWB ที่ครองบอลอยู่ มาให้เอริคเซ่น ที่ยืนตำแหน่งเดิมคล้ายๆกับภาพข้างบน คือยืนอยู่เยื้องๆกับคาเซมิโร่ คอยทำหน้าที่เป็นตัวออกเกมจากแดนกลาง ตามหน้าที่CMของเขา

และเส้นสีแดง นั่นคือบรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่กำลังจะใช้ความอิสระและเซนส์ที่ทันกันกับเอริคเซ่น วิ่งเติมขึ้นหน้าในจังหวะนี้ที่เอริคเซ่น เบิ้ลบอลทีเดียวหลุดจากการโดนฟอเรสต์เพรส และบอลหลุดขึ้นหน้าให้บรูโน่หลุดไปทางขวา ก่อนที่บรูโน่ก็จะออกบอลจังหวะเดียวให้ซานโช่หลุดมาถึงหน้าปากประตูฟอเรสต์ทันที เปลี่ยนจากสถานการณ์โดนเพรสในพื้นที่แคบ กลายมาเป็นบอลบุกสู่ final third และจะสร้างโอกาสยิงได้ทันที จากการเล่นบอลแค่สองครั้งของ เอริคเซ่น และ บรูโน่ โดยมีคาเซมอบอิสระในการเล่นนี้ให้ 

บรูโน่กับเอริคเซ่น ฟอร์มจึงโดดเด่นมากๆ แต่อย่าลืมว่ามันเกิดขึ้นได้ เพราะมีคาเซมิโร่ เป็นตัวรับประกันแผงหลังบ้านให้ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา

ภาพข้างบนนี้ตอกย้ำว่า คาเซมิโร่ ยืนเป็นหลักและแกนกลางของทีมอย่างแท้จริง (สีแดง) พื้นที่แถวสองเขาคุมอยู่เพียงตัวเดียวในการเป็นกลางรับเดี่ยวให้กับทีม และกองกลางคู่กันอย่าง เอริคเซ่น สามารถดันเกมสูงขึ้นไปทำเกมคู่กับบรูโน่ได้ ในลักษณะแผนที่ไฮบริด จาก 4-2-3-1 ไปสู่ 4-3-3 ที่ใช้กลางรุกคู่กันแบบ 8s

ซึ่งภาพนี้ก็ชัดเจนว่า บรูโน่ เอริคเซ่น ทำเกมคู่กันอย่างอิสระและอันตรายมากๆ นี่คือข้อดีของการมีคาเซมิโร่ ที่ทำให้เราโหลดมิดฟิลด์ขึ้นไปขึงเกมรุกคู่กันได้ ขณะที่ปีที่แล้ว เราไม่สามารถเล่นแบบนี้ให้ บรูโน่ กับ ป็อกบา ทำเกมคู่กันได้อย่างปลอดภัย เพราะขาดกลางรับเดี่ยวที่เล่นแบบคาเซมิโร่ได้นั่นเอง

การทำเกมร่วมกันของเอริคเซ่น ก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน เอริคเซ่นจะเล่นเป็นตัว Enganche ขึงเกม แจกจ่ายเกมในพื้นที่รอบๆเขตโทษของคู่แข่ง ส่วนบรูโน่ ลูกนี้ด้วยความอิสระและหลากหลายในการเป็นตัวรุก Advance เขาจึงสามารถเติมเข้ากรอบ และพุ่งไปโขกลูกเปิดโหม่งของเอริคเซ่นได้อย่างสวยงามมาก เสียดายว่าไม่เป็นประตู

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของ บทบาท และหน้าที่ในการเล่นร่วมกันของแผงกองกลางที่กลายเป็น "สามเหลี่ยมอาถรรพ์" ของคู่แข่ง เนื่องจากใครที่ผ่านมาเจอกับสามเหลี่ยมนี้ พวกเขาก็จะสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ชัยชนะที่หายไป" เวลาที่ต้องมาเจอกับแมนยูเวลามีนักเตะสามคนนี้ทำเกมร่วมกันกลางสนาม

นี่ถ้าสถิตินี้ยังคงอยู่ไปจนจบฤดูกาล คงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "สามเหลี่ยมไร้พ่าย" เป็นแน่ ด้วยสถิติไม่แพ้ใครเลยเวลาสามคนนี้สตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกัน

ฟอร์มการเล่นของแมนยูมักจะพีคและฟอร์มดีเสมอเวลาที่ บรูโน่ คาเซมิโร่ เอริคเซ่น ลงสนามด้วยหน้าที่ที่สอดรับกันอย่างลงตัวแบบนี้

คาเซมิโร่เล่นเกมรับ คุมแดนต่ำ เสริมเกมในมิติต่างๆ ป้องกันพื้นที่ด้านหลัง

เอริคเซ่น ตัวเชื่อมเกม ตั้งเกมขึ้นหน้าที่ทำหน้าที่ในแดนกลางได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ลงต่ำ คอลเกมแดนกลาง ไปจนถึงเติมเกมรุกให้ทีม

บรูโน่ เล่นมิดฟิลด์ตัวบน สร้างเกมรุกที่หลากหลายและอิสระให้ทีมได้ ด้วยทักษะครบเครื่อง พลังงานที่ไม่หมด และPassionที่สามารถเป็นผู้นำของทีมได้ในการเติมเชื้อไฟให้กับเพื่อนร่วมทีม

สังเกตดีๆว่า ถ้าบทบาทหน้าที่หลักๆตรงนี้สามารถเติมเต็มได้ด้วยนักเตะคนอื่นๆในทีม เราก็สามารถที่จะพยุงกันไปได้ แม้จะขาดตัวหลักสามคนนี้ ยกตัวอย่างเช่น หน้าที่ตัวเชื่อมตรงกลางของเอริคเซ่น ปกติแล้วตามตำแหน่งและหน้าที่ ก็จะเป็นของเฟร็ด ที่เทน ฮาก มักจะส่งลงมาเล่นแทนกัน

บรูโน่ ในตำแหน่งกองกลางตัวบน เทน ฮากมีซาบิทเซอร์ ที่เติมเกมรุกแดนบนเข้าในกรอบเขตโทษที่อันตรายได้ คล้ายๆกับมิติของดอนนี่ ฟานเดอเบค แต่ซาบิทเซอร์ดูจะทำได้ดีกว่าดอนนี่ซะอีก นอกจากนี้ตำแหน่งบรูโน่ ยังอาจจะใช้แม็คโทมิเนย์เติมสูงขึ้นมาโจมตีในลักษณะการเป็น Second Striker ได้ด้วย

คาเซมิโร่ ยังเป็นปัญหาอยู่ในการหาตัวแทนที่ทีมนำมาเล่นแทนได้ ปีหน้าในตลาดซัมเมอร์ ทีมคงจะต้องมองหาตำแหน่งนี้ไว้เผื่ออีกสักคน(เวลาคาเซไม่ได้ลงสนาม) คนที่พอจะเล่นได้ก็มีแค่แม็คโทมิเนย์เท่านั้นที่ใช้คำว่า "พอได้" หรือถ้าไม่งั้น ก็อาจจะต้องลองอะไรใหม่ๆ เช่นดึงลุค ชอว์ มาเล่นในตำแหน่งนี้ หรือ มาร์ติเนซ ที่แฟนบอลอยากให้ลองมาเล่นกลางต่ำเวลาคาเซมิโร่ไม่อยู่ 

พิจารณาดีๆแล้วจะเห็นว่าตำแหน่งตัวแทนของคาเซมิโร่จะมีปัญหาที่สุดจริงๆ ดังนั้นการเสริมทีมปีหน้า นักเตะที่เราอยากได้จริงๆคือพวก มิดฟิลด์ตัวลำเลียงบอล ครองบอลคุมเกมแน่นๆแบบ เบอร์6กึ่งเบอร์8 สักหนึ่งคน รวมถึงตัวสำรองที่เป็นเบอร์6แท้ๆไว้ทดแทนคาเซมิโร่ได้อีกสักคนก็จะดีมากๆ

ทุกอย่างนี้คือเรื่องของความลงตัวในบทบาทหน้าที่ และฝีเท้าของนักเตะที่ทีมเรามี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดีใจว่า ทีมหาแผงมิดฟิลด์ชุดตัวจริงเจอได้เร็วในปีนี้ กับการใช้บรูโน่ คาเซมิโร่ เอริคเซ่น เล่นร่วมกันในแดนกลาง มันทำให้เรารู้ว่าปีหน้าเราขาดอะไร และต้องเสริมตำแหน่งไหน จุดใดที่ยังพอจะใช้นักเตะตัวสำรองที่เป็น Squad Player ช่วยลงเล่นแทนได้บ้าง

ถ้าทีมยังเล่นได้ขนาดนี้ และฤดูกาลหน้ามีการเสริมนักเตะมิดฟิลด์คุณภาพดีๆเข้ามาช่วยสามคนนี้ลงเล่นเพื่อคุมแดนกลาง ทีมก็จะแข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไปอีก บนระบบฟุตบอลที่มีเบสการเล่นที่เน้นการครองบอล และการทำเกมบุกที่ดุดันจากการเติมเกมขึ้นพื้นที่สุดท้ายของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเอริค เทน ฮาก ที่สร้างความบาลานซ์ในแดนกลางนี้ให้เกิดขึ้นมานั่นเอง

คอมบิเนชั่นสามคนนี้ก็ไม่เป็นสองรองใครในลีกเหมือนกัน ที่เหลือเราก็แค่สร้าง Squad Depth ที่มีคุณภาพในแดนกลาง ด้วยการเสริมตัวเล่นดีๆเข้ามาเพื่อทดแทน สลับสับเปลี่ยนกันเท่านั้น

"ทีมที่พิชิตแดนกลางได้ คือทีมที่พิชิตเกมได้" คำนี้คือคำที่จริงที่สุดอีกคำในการเล่นฟุตบอลยุคนี้ ปีหน้าถ้าได้เสริมทีมขึ้นไปอีก เราจะมีเกมการเล่นที่คุณภาพสูงยิ่งๆขึ้นไป จากการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่องแน่นอน

ปีนี้แค่เริ่มต้นจูนทีม ปีหน้าจะเป็นการอัพเกรดของเรา

#BELIEVE

-ศาลาผี-



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด