สำหรับดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น อย่าง “คาโอรุ มิโตมะ” ที่สามารถที่จะเข้ามาเติมเต็มเกมรุกฝั่งซ้ายได้อย่างน่าชื่นชม พร้อมดวลกับแบ็คระดับแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก ได้อย่างไม่อายใคร
เช่นเดียวกับนักเตะสายเลือดเอเชียส่วนใหญ่ การพิสูจน์ตัวเองของมิโตมะ ถือว่าเข้มข้นเอามากๆ เขาผ่านการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอย่างมากมาย จนก้าวมาเล่นลีกระดับโลกอย่างพรีเมียร์ลีก เป็นผลสำเร็จ
มิโตมะ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนัง ด้วยการเข้าอะคาเดมี่ของสโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ก่อนใช้เวลาที่นั่น 8 ปี
เมื่ออายุ 19 ปี เขาตัดสินใจไม่เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีม เพราะอยากศึกษาต่อมากกว่า เขาตัดสินใจเลือกเรียนด้านพลศึกษา ที่มหาวิทยาลัยสึคุบะ
มิโตมะ กล่าวว่า “ช่วงเวลานั้น ผมคิดว่าร่างกายของตัวเองยังคงไม่พร้อม และยังไม่คิดว่าจะก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ได้ทันที สำหรับผมแล้ว มันคงดีกว่า หากผมเลือกเรียนมหาวิทยาลัย แทนที่จะเป็นนักเตะอาชีพ”
ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น บอกถึงการเรียนหนังสือว่า “ผมศึกษาหลายอย่าง ในด้านพลศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเป็นโค้ช, การเล่นกีฬา และโภชนาการ ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย”
เรื่องราวที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้คือ ส่วนหนึ่งของการเรียน เขาเลือกทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อเรื่อง "การเลี้ยงลูกฟุตบอล" เพื่อค้นหาคำตอบว่า อะไรที่ทำให้การเลี้ยงลูกฟุตบอลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
มิโตมะ กล่าวว่า “ผมคิดว่า การเลี้ยงลูกฟุตบอลคือหัวข้อเรื่องที่ง่ายที่สุด ในการเลือกมาทำวิทยานิพนธ์ เพราะผมรักฟุตบอลมาก และการเลี้ยงลูกฟุตบอลคือสิ่งที่ผมชอบทำด้วย”
“ผมศึกษาอย่างละเอียด รวมถึงการวิเคราะห์เพื่อนร่วมทีมที่เลี้ยงบอลดี และไม่ดี ผมพยายามค้นหาคำตอบว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?”
“ผมเขียนเนื้อหาวิทยานิพนธ์ โดยอาศัยข้อมูลจากการติดกล้องเอาไว้บนศีรษะของเพื่อนร่วมทีม เพื่อคอยศึกษาว่า สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ไหนบ้าง และสายตาคู่แข่งมองพวกเขาอย่างไร ?”
“สุดท้าย ผมได้เรียนรู้ว่า นักเตะที่ดีมักไม่ค่อยมองไปที่ลูกฟุตบอล พวกเขาจะมองไปข้างหน้า และไม่ค่อยมองที่เท้าของตัวเอง นั่นคือความแตกต่าง”
ขณะที่มาซากิ โคอิโดะ โค้ชฟุตบอล และอาจารย์ที่ปรึกษา ในการทำวิทยานิพนธ์ กล่าวผ่านสื่อสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ว่า “มิโตมะ มีความจริงจังกับมันมาก เขาตัดสินใจเลือกหัวข้อนี้ด้วยตัวเอง โดยบรรดากองหลังรู้ว่า เขาจะเล่นยังไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้”
“แน่นอนว่า เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ กระนั้น เขาก็เป็นอัจฉริยะในการทำงานหนักเช่นเดียวกัน เขาเก่งในเรื่องการพัฒนาตนเอง ทุกครั้งที่เจอกับอุปสรรค เขาจะหาวิธีเอาชนะมัน เขาชอบลงทุนกับตัวเอง ทั้งการรับประทานอาหารที่ดี และการฝึกฝนร่างกาย”
“เมื่อเทียบกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ความทุ่มเท และการเตรียมตัวของเขา ถือว่าก้าวไปอยู่ในอีกระดับหนึ่ง ความขยันหมั่นเพียร ทำให้เขาก้าวมาอยู่ตรงจุดนี้” อาจารย์โคอิโดะ ทิ้งท้าย
หลังจากหมดห่วงเรื่องการเรียน เขาถึงเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ พร้อมกับประเดิมศึกเจลีก1 ในฤดูกาลแรก ปี 2020 ด้วยผลงาน 13 ประตู และ 12 แอสซิสต์ ช่วยทีมคว้าแชมป์เจลีก มาครอง ก่อนที่ฤดูกาล 2021-22 ไบรท์ตัน ทีมดังจากเกาะอังกฤษ ตัดสินใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีม
"ดิ แอธเลติก" สื่อชื่อดัง หล่นความเห็นถึงสไตล์การเล่นของเขาว่า นี่คือนักเตะที่ผสมผสานเรื่องความเร็ว, ความสมดุล และการวิ่งที่คาดเดายาก เข้าไว้ด้วยกัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากเรื่องของพรสวรรค์แล้ว พรแสวงในเรื่องของการฝึกฝน และค้นคว้าข้อมูล ทำให้เขาพัฒนาจุดแข็งเรื่องการเลี้ยงลูกฟุตบอลให้มีความอันตรายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งวิทยานิพนธ์ที่เลือกทำในสมัยเรียน เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี
มิโตมะ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมมีความฝัน อยากไปเล่นยุโรปตั้งแต่เด็กแล้ว ผมอยากเล่นในลีกระดับสูง ดังนั้น เมื่อผมลงเล่นเจลีก1 ได้ประมาณปีครึ่ง ผมก็ได้รับการทาบทามจากไบรท์ตัน ผมรู้ดีว่า ผมต้องไปที่นั่น”
“การเล่นในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ผมพัฒนาขึ้นมาก เนื่องจากความเข้มข้นของการฝึกซ้อม และคุณภาพของเพื่อนร่วมทีมที่ค่อนข้างสูง การได้เล่นกับทีมระดับท็อปเหล่านี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้ยกระดับ การลงเล่นเป็นตัวจริง ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
"ผมรู้บทบาทของตัวเองดี และมีความสุขที่ได้ทำตามนั้น ผมตั้งเป้าหมายว่า อยากเข้าไปเป็นตัวจริงของทีม ตอนนี้ ทีมทำผลงานได้ดี ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อต่อยอดเส้นทางนี้"
“ผมมองว่าเป็นเรื่องสนุกมาก ที่ได้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก ผมสังเกตตัวเองว่า ผมพัฒนาขึ้นมนฐานะผู้เล่น นั่นคือสิ่งที่น่ายินดี ผมมีความสุขที่เห็นความฝันของผม ในการเป็นนักเตะไบรท์ตัน กลายมาเป็นความจริง"
