อีกกี่แต้มแมนยูถึงจะปลอดภัยในท็อปโฟร์
พรีเมียร์ลีกกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำคะแนนเพื่อช่วงชิงพื้นที่ต่างๆให้ได้ ตามเป้าหมายของแต่ละสโมสร
บางสโมสรกำลังลุ้นแชมป์กันอยู่อย่างคู่คี่
บางสโมสรกำลังลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์เพื่อจะเอาโควตาไปยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
บางสโมสรกำลังลุ้นหนีตายจากการเป็นทีมตกชั้นสามอันดับสุดท้าย
และบางสโมสรก็ไม่ได้ลุ้นอะไรทั้งนั้นเพราะอยู่ในพื้นที่เซฟโซนกลางตาราง เอาแค่ประคองตัวไปให้จบซีซั่น
สำหรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อยู่ในแบบที่สอง ที่กำลังลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์เพื่อการไปเล่น UCL ฤดูกาลหน้า ซึ่งนี่คือเป้าหมายหลักของซีซั่นนี้ ที่เริ่มตั้งต้นกันใหม่กับผู้จัดการทีมคนใหม่ในปีนี้อย่าง เอริค เทน ฮาก นี่คือเป้าหมายเบื้องต้น หลังจากที่ทีมหลุดจากตำแหน่งท็อปโฟร์เมื่อปีที่ผ่านมา และต้องลงไปเล่นยูโรปาลีกแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลและสโมสรเองก็ไม่ได้ต้องการในสิ่งนี้ เพราะมันไม่ใช่ที่ของแมนยูไนเต็ดเลยแม้แต่น้อย
แต่คำถามที่หลายๆคนอยากรู้ และถามกันมาบ่อยก็คือ "ท็อปโฟร์อีกกี่แต้มดี" แมนยูถึงจะได้ไปเตะUCLแบบชัวร์ๆ เราจะมาดูกันวันนี้ว่า เส้นทางข้างหน้าของแมนยู และทีมคู่แข่ง ยากง่ายแตกต่างกันอย่างไร และการติดท็อปโฟร์ ควรจะต้องมีคะแนนสักเท่าไหร่
เรามาดูกันที่ประเด็นแรก "คะแนนเฉลี่ยของทีมที่ติดท็อปโฟร์" ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูตั้งแต่ประวัติศาสตร์ตั้งต้นของการเปลี่ยนเป็นพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน เมื่อฤดูกาล 1992/93 ทีมอันดับ 4 คือแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่เก็บไป "71 แต้ม" มากกว่าอันดับห้าอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด อยู่ราว 8 แต้ม
ปีต่อมาเป็นอาร์เซนอล ที่ได้อันดับ 4 ไปด้วยคะแนนเท่ากับทีมเดิมเลยคือ 71 แต้มเหมือนกุหลาบไฟเลย ส่วนลีดส์ในอันดับ 5 ที่อยู่นอกท็อปโฟร์มีคะแนน 70 แต้ม แพ้ไปแค่คะแนนเดียวเท่านั้น จนกระทั่งปีถัดไป ก็ยังเป็นลีดส์เจ้าเดิม ที่ได้อันดับ 5 ของพรีเมียร์ลีก สามฤดูกาลติดต่อกัน โดยปีนั้นอันดับสี่คือ "ลิเวอร์พูล" ที่ได้ไป 74 คะแนน ลีดส์ก็ยังแพ้แค่แต้มเดียวอยู่ดี (73)
นั่นคือช่วงแรกๆของพรีเมียร์ลีกในสมัยนั้น
ในยุคปัจจุบันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา คะแนนในการรักษาอันดับ 4 นั้นสูงกว่าในอดีตเล็กน้อย โดยตัวอย่างที่เห็นชัดคืออาร์เซนอล ที่ได้คะแนนถึง 75 แต้มในฤดูกาล 2016/17 ก็ยังทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 5 เท่านั้นเอง (โดยปีนั้นลิเวอร์พูลติดท็อปโฟร์ต้องมีคะแนนถึง 76 แต้ม
ซึ่ง 75 คะแนนของอาร์เซนอลในรอบนี้คือ "คะแนนที่สูงที่ยังได้แค่จบนอกท็อปโฟร์" ซึ่ง 25 ซีซั่นก่อนนั้น รวมถึง 3 จาก 4 ฤดูกาลหลังจากนั้นด้วย คะแนน 75 แต้มแบบนี้ดีพอที่จะไปแชมเปี้ยนส์ลีกได้แล้ว ถือว่าซีซั่นนั้นอาร์เซนอลดวงกุดจริงๆ
คะแนนสูงสุด และต่ำสุด ที่เคยมีมาในตำแหน่งท็อปโฟร์
ในฤดูกาล 2003/04 ลิเวอร์พูลติดท็อปโฟร์ได้ด้วยคะแนนเพียงแค่ 60 แต้ม ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุด (ดูในรูปจะเห็นชัดเจน) เพราะอันดับห้าเองอย่างนิวคาสเซิลในปีนี้มีแค่ 56 แต้มเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าพูดกันตามทฤษฎีจริงๆ ปีนั้นได้แค่ 57 แต้ม ก็ติดท็อปโฟร์ได้แล้ว
ส่วนอีกด้านหนึ่ง แต้มสูงสุดของท็อปโฟร์ที่เคยมีคนได้ คือ 79 แต้ม ทำโดยอาร์เซนอลเช่นกัน เกิดขึ้นในฤดูกาล 2013/14 ปีที่แมนซิตี้เป็นแชมป์ ซึ่ง 79 แต้มของทีมไอ้ปืนใหญ่เพื่อติดอันดับสี่ มากกว่าอันดับห้าในปีนั้นอย่าง เอฟเวอร์ตันถึง 7 คะแนน (72 แต้ม) ดังนั้นเอาจริงๆ 73 คะแนนก็เพียงพอแล้วสำหรับรักษาพื้นที่UCLไว้
ซึ่งเมื่อทำการเฉลี่ยคะแนนในทุกซีซั่นแล้ว ผลปรากฏว่า คะแนน "71.5 แต้ม" เป็นคะแนนที่หากทำได้ก็ถือว่าพื้นที่ท็อปโฟร์จะปลอดภัย หากคิดเป็นแต้มกลมๆก็คือ ทำให้ได้ราว "72 คะแนน" ถึงจะปลอดภัยนั่นเอง (โดยเฉลี่ยแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปีนั้นๆด้วย แต่ปกติจะเป็นแต้มเท่านี้)
แต่โดยรวมแล้ว ดูจากแนวโน้มคะแนนอันดับ4ในพรีเมียร์ลีกในภาพนี้แล้ว เทรนด์ของคะแนนก็ดูจะสูงขึ้นกว่าในอดีตจริงๆ (เส้นเทรนด์ไลน์สุดท้ายแล้วเฉลี่ยจบที่ 70+ แต่สมัยก่อนคะแนนของท็อปโฟร์เฉลี่ยต่ำกว่านี้ ดูจากตำแหน่งของเส้นแล้ว ยุคก่อนๆก็น่าจะเฉลี่ย 67-68 แต้มเพื่อจะจบท็อปโฟร์)
ซึ่งแนวโน้มตรงนี้ก็น่าจะแปรผันไปตามคะแนนของทีมแชมป์ด้วยจริงๆ อย่างที่เรารู้ๆกันว่า แมนเชสเตอร์ซิตี้ เซ็ตมาตรฐานทีมแชมป์ไว้สูงลิบลิ่ว ก็ไม่แปลกที่อันดับ 4 จะต้องยกระดับตามไปด้วย
ทีนี้มาว่ากันถึงพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 ในปีนี้กันบ้างว่า แมนยูไนเต็ดควรจะต้องได้คะแนนสักกี่แต้ม ถึงจะมากพอให้จบในโควตาท็อปโฟร์ได้สำเร็จ
ถ้ามองจากคะแนนเฉลี่ย ก็ชัดเจนว่ามันคือ 72 คะแนน ลองคิดโดยพื้นฐานจากจุดนี้ก่อน ปัจจุบันแมนยูมีอยู่ 60 คะแนน จากการเตะ 31 เกม เท่ากับว่าปีศาจแดงควรจะต้องเก็บอีกสักประมาณ "12 แต้ม" จากเกมที่เหลืออีก 7 นัด ถึงจะอยู่รอดปลอดภัยในท็อปโฟร์เบื้องต้น (หากคำนวณจากสถิติค่าเฉลี่ยแบบคร่าวๆ)
4 จาก 7 นัด ถือว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย พูดตรงๆคือแมนยูยังต้องเน้นให้เด็ดขาดที่สุดในช่วงท้ายของซีซั่นนี้ ทุกเกมจะต้องเป็นนัดชิงหมด ไม่ใช่แค่เกมกับแมนซิตี้ เพราะเป้าหมายหลักที่สำคัญกว่าบอลรอบชิงเอฟเอคัพ คือ "ท็อปโฟร์พรีเมียร์ลีก"
จัดลำดับความสำคัญให้ดีๆ ดังนั้น "รอบชิงที่แท้จริง" ของแมนยูไม่ใช่เกมเจอแมนซิตี้นะครับ นั่นคือแมตช์โบนัส รอบชิงของจริง คือ "7 เกมข้างหน้า" ต่างหาก
และ 7 ด่านสุดท้ายของปีศาจแดงมีดังต่อไปนี้
แอสตัน วิลล่า (เหย้า)
ไบรท์ตัน (เยือน)
เวสต์แฮม (เยือน)
วูล์ฟแฮมพ์ตัน (เหย้า)
บอร์นมัธ (เยือน)
เชลซี (เหย้า)
ฟูแล่ม (เหย้า)
เป็นเกมเหย้าซะ 4 แมตช์ เกมเยือนอีก 3 แมตช์ ซึ่งเอาอย่างง่ายที่สุด คาดการณ์แบบตรงๆได้เลยว่า 4 นัด (12 คะแนน) ที่แมนยูจำเป็นต้องได้ คือ 4 นัดที่เล่นในบ้านนี่แหละ ที่จะต้องเอาให้ชัวร์ที่สุดในการเก็บสามแต้มเต็ม เพราะฟอร์มในบ้านของแมนยูไนเต็ดค่อนข้างดีมากในยุคเทน ฮาก
ถ้าจะเก็บแต้ม คาดหวังจากโอลด์แทรฟฟอร์ดที่กลายเป็นป้อมปราการของเราดีกว่า ส่วนเกมเยือนเหรอ อย่าให้พูดถึง! (ฮา)
ลองคาดการณ์เล่นๆ ตามฟอร์มทีม, มาตรฐาน และ โอกาสในการเก็บคะแนนแต่ละนัดของเรา ถ้าให้ลองคิดคร่าวๆแบบที่ไม่เข้าข้างตัวเอง เอาแบบ "Worst Case Scenario" ของแมนยูไปเลย ผลของคะแนนจาก 7 เกมข้างหน้า น่าจะเป็นดังนี้
แอสตัน วิลล่า (เหย้า) : ชนะ = 3 คะแนน
ไบรท์ตัน (เยือน) : แพ้ = 0 คะแนน
เวสต์แฮม (เยือน) : แพ้ = 0 คะแนน
วูล์ฟแฮมพ์ตัน (เหย้า) : ชนะ = 3 คะแนน
บอร์นมัธ (เยือน) : เสมอ = 1 คะแนน
เชลซี (เหย้า) : ชนะ = 3 คะแนน
ฟูแล่ม (เหย้า) : ชนะ = 3 คะแนน
3+0+0+3+1+3+3 = "13 แต้ม"
เท่ากับว่า แมนยูไนเต็ดปีนี้น่าจะจบฤดูกาลด้วยคะแนนราวๆ 60+13 = "73 คะแนน" ซึ่งตามทฤษฎีที่เราพูดคุยกันมาในบทความนี้ ก็ถือว่า "ปลอดภัย" พอสมควร
แต่คู่แข่งล่ะ?
ลองมาดูกันเล่นๆว่า แต่ละทีมเหลือโปรแกรมยากง่ายมากน้อยแตกต่างกันยังไง ไล่เรียงทุกทีมที่มีศักยภาพจะท้าชิงอันดับ4กับแมนยูในปีนี้
1. นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
2. ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์
3. แอสตัน วิลล่า
วิลล่าโปรแกรมค่อนข้างหนัก คะแนนที่น่าจะได้คือ 54+3+3+1 = 61 คะแนน ซึ่งก็แทบจะไม่ต่างจาก สเปอร์ส เลย เพราะสองทีมนี้เตะมากกว่าทีมอื่นๆไป 1-2 นัด วิลล่าดูเหมือนจะฟอร์มแรงจริง แต่มากสุดพวกเขาก็น่าจะได้แค่ไม่เกินอันดับ 5-6 แน่ๆ
4. ลิเวอร์พูล
เราให้เกียรติลิเวอร์พูลด้วยการคิด Best Case Scenario ซึ่งก็น่าจะเป็นคะแนนจริงที่พวกเขาได้ หลังจากนี้ลิเวอร์พูลอาจจะชนะรวด 6 เกมสุดท้าย ดังนั้นคะแนนเมื่อจบซีซั่นของลิเวอร์พูลคือ 53+3+3+3+3+3+3 = "71 คะแนน" นี่คือคะแนนสูงสุดที่ลิเวอร์พูลอาจจะได้
ซึ่งในความเป็นจริง ฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางศ์ ไม่ใช่คณิตศาสตร์ที่จะมาคำนวณแบบนี้ได้เป๊ะๆ อาจจะมีสะดุดเสมอสัก 1-2 เกม เราตีให้เป็น 1 เกมแล้วกัน คะแนนจริงของลิเวอร์พูลก็น่าจะประมาณ 69 แต้ม ถือเป็นคะแนนที่สูงที่สุดแล้วสำหรับการจะเป็นอันดับ 5 ของตาราง แต่มันก็ยังตกขอบของทีมที่จะติดท็อปโฟร์อยู่ดี
ลิเวอร์พูลจะจบอันดับ 5 ในปีนี้ แล้วได้ไปยูโรปาลีกในฤดูกาลหน้า
ดังนั้นอันดับในตารางพรีเมียร์ลีกปีนี้ จากการคาดเดาคะแนนแบบคร่าวๆ เมื่อดูจากโปรแกรมการแข่งขันแล้ว ก็จะเป็นแบบนี้
1. แมนเชสเตอร์ซิตี้ : 92
2. อาร์เซนอล : 87
3. นิวคาสเซิล : 73-77
4. แมนยูไนเต็ด : 73
5. ลิเวอร์พูล : 69-71
6. ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ : 62
7. แอสตัน วิลล่า : 61
นอกจาก ลิเวอร์พูล สเปอร์ส และ วิลล่าแล้ว จริงๆยังมี "ไบรท์ตัน" อีกหนึ่งทีมที่เราไม่ได้หยิบมาคำนวณด้วย เพราะคะแนนอยู่อันดับ 8 มี 49 แต้ม หลังจากดูโปรแกรมไบรท์ตันแล้วพบว่าพวกเขาได้เล่นในบ้านหลายเกมพอสมควร มีโปรแกรมดังนี้
ถึงแม้เกมจะุเยอะ แต่แมตช์หนักๆมีเพียบ สังเกตเกมเจอ แมนยู อาร์เซนอล นิวคาสเซิล แมนซิตี้ ก็จะเห็นชัดเจนว่า เกมเหล่านี้โอกาสที่ทีมนกนางนวลจะแพ้ก็มีโอกาสสูง เต็มที่ไบรท์ตันอาจจะได้อีกราวๆ 10 คะแนน พวกเขาก็อาจจะมีคะแนนตอนจบซีซั่นราวๆ 49+10 = 59 เท่านั้น ก็น่าจะยังอยู่ต่ำกว่าวิลล่าอยู่ดี เลยไม่ได้นำมาคำนวณด้วย
หรือถ้าฟอร์มดีสุดๆจริงๆ คะแนนก็จะอยู่แถวๆสเปอร์ส วิลล่านั่นแหละครับ 60-62 คะแนน ซึ่งมันไม่พอสำหรับท็อปโฟร์อยู่แล้ว ไบรท์ตันจึงไม่น่าจะมีลุ้นอะไรกับท็อปโฟร์แบบจริงๆจังๆ
จุดสำคัญของบทความนี้คือ อันดับ 5-7 วัดแค่กับผู้ไล่ตามของเราทั้งสามทีมนอกท็อปโฟร์อย่าง ลิเวอร์พูล / สเปอร์ส / วิลล่า คะแนนสูงสุดที่พวกเขาจะได้ อยู่ที่สโมสรลิเวอร์พูลที่แม็กซ์สุดแค่ "71 คะแนน" เท่านั้น ขนาดว่าให้พวกพรี่ๆชนะทุกเกม นั่นคือแต้มสูงสุดของพวกเขา
ดังนั้น คะแนนปลอดภัยของซีซั่น 2022/23 ของแมนยูไนเต็ด ก็เป็นไปตามค่าเฉลี่ยท็อปโฟร์ของทุกซีซั่นจริงๆ นั่นก็คือ 72 แต้มจริงๆ
ฉะนั้นแล้ว ในปีนี้คะแนนที่แมนยูต้องทำให้ได้หลังจากนี้ก็คือ "12 แต้ม" (60 + 12 = 72) ถ้าได้ 12 จากทั้งหมด 7 เกม ก็จะปลอดภัยแบบ 100% แน่นอน กับโอกาสอีก 7 นัดที่เหลือ ถ้าอยากทำเป้าหมายให้สำเร็จ เริ่มจากอาทิตย์นี้แมนยูควรจะต้องเก็บจากวิลล่าให้ได้ 3 แต้มแบบอย่าพลาด แล้ว 6 เกมที่เหลือขออีก 9 คะแนน
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่แมนยูไนเต็ดฤดูกาลนี้จะทำได้ ถ้าเราทุ่มเทสุดชีวิตเหมือนทุกแมตช์เป็นรอบชิง ด้วยศักยภาพของทีม ด้วย process การพัฒนาทีม แมนยูไนเต็ดมีดีพอที่จะทำแต้มให้ถึงเป้าหมายตามนี้ได้
ดังนั้น พวกเราแฟนผีก็ช่วยๆกันส่งแรงใจ เชียร์ทีมให้ทำสำเร็จในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้นะครับ เมื่อดูจากเส้นทางที่ผ่านมาของเรา มันไม่ใช่โจทย์ที่เป็นไปไม่ได้หรอก ทีมปัจจุบันของเราจะต้องทำได้แน่ๆ
เราเชื่อ
#BELIEVE
-ศาลาผี-
Reference