เกมแห่งชีวิตของนครปฐม ยูไนเต็ด
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าใน 33 นัดที่บรรเลงเพลงแข้งกันมานั้น จะยังตัดสินหาผู้ชนะไม่ได้ ไฮไลท์สำคัญในนัดสุดท้ายจึงหนีไม่พ้นการลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาลอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ยังคงเหลืออีก 4 สโมสรที่มีสิทธิ์คว้าโทรฟี่ดังกล่าวไปครอบครอง นั่นคือตราด เอฟซี, นครปฐม ยูไนเต็ด, อุทัยธานี เอฟซี และคัสตอม ยูไนเต็ด
ว่ากันตามตรง เมื่อดูจากเงื่อนไขและกฎกติกาในการตัดสินแล้ว ต้องบอกว่าทีม "เสือป่าราชา" นครปฐม ยูไนเต็ด ที่มีแม่ทัพเป็นคนตัวใหญ่อย่าง ธงชัย สุขโกกี คอยกุมบังเหียนอยู่นั้น มีสิทธิ์คว้าแชมป์มากที่สุดในฤดูกาลนี้
เพราะขอเพียงแค่ชนะในเกมสุดท้ายเท่านั้น ทุกอย่างจะจบลงทันที เนื่องจากนครปฐมฯ มีสถิติเฮดทูเฮดที่ดีกว่าทีมที่มีคะแนนเท่ากันและนำเป็นจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้อย่างตราด เอฟซี
ซึ่งต่อให้ตราดฯ จะชนะเหมือนกันก็ไม่มีผลอะไร เพราะกติกาในการคิดคะแนนเมื่อจบฤดูกาลนั้น วัดกันด้วยผลเฮดทูเฮดที่เจอกันมา นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำพวกเขาเป็นทีมที่มีโอกาสมากที่สุดนั่นเอง
แต่ถ้าถามว่ามันง่ายขนาดนั้นหรือไม่ ก็คงต้องบอกเลยว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน
เพราะคู่แข่งในนัดสุดท้ายที่พลพรรค "เสือป่าราชา" ต้องเจอก็คือทีมที่อยู่ในโซนท้ายตารางอย่าง "เขี้ยวสมุทร" สมุทรปราการ ซิตี้ ซึ่งกำลังต้องการคะแนนเพื่อดิ้นรนหนีการตกชั้นอยู่นั่นเอง !!!
โดยสมุทรปราการ ซิตี้ ต้องการเพียงแค่ผลเสมอเป็นอย่างน้อย เพื่อการันตีการอยู่รอดในศึกไทยลีก 2 ฤดูกาลหน้า เนื่องจากว่าคะแนนยังไม่ขาด และยังมีสิทธิ์ตกชั้นได้อยู่ หากเกษตรศาสตร์และราชประชา ได้ผลการแข่งขันที่เป็นใจในนัดสุดท้าย
ย้อนเวลากลับไปไม่นาน ถ้ายังจำกันได้ เมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว นครปฐมฯ ก็พึ่งอกหักในการเลื่อนชั้นมาหมาดๆ หลังแพ้ในการดวลจุดโทษต่อขอนแก่น ยูไนเต็ด ในรอบชิงที่ 3 พลาดโอกาสในการกลับสู่ลีกสูงสุดอย่างน่าเสียดาย
เชื่อเหลือเกินว่า ภาพที่ ธีรยุทธ งามละม้าย ซัดจุดโทษเหินข้ามคานออกไปนั้น ยังคงติดตาแฟนๆ "เสือป่าราชา" อยู่อย่างแน่นอน
นี่จึงเป็นเกมแห่งชีวิตของนครปฐม ยูไนเต็ด แบบไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าทำได้สำเร็จ นอกจากจะได้เป็นแชมป์ลีกแล้ว พวกเขาจะได้สิทธิ์เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องไปลุ้นเหนื่อยในรอบเพลย์ออฟเหมือนครั้งก่อน
ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ ขุนพล "เสือป่าราชา" จะจารึกสถิติต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การเป็นจ่าฝูงเพียงแค่ครั้งเดียวตลอดฤดูกาลแล้วได้แชมป์ลีก (นครปฐมฯ ไม่เคยเป็นจ่าฝูงระหว่างสัปดาห์เลยสักครั้ง ใน 33 เกมที่แข่งกันมา) หรือการเป็นแชมป์โดยยิงประตูได้น้อยกว่าจำนวนนัดที่ลงทำการแข่งขัน หากชนะสมุทรปราการฯ ได้น้อยกว่า 4 ประตู (ปัจจุบันนครปฐมฯ ยิงได้ 30 ประตู จาก 33 นัด)
และที่สำคัญ มันอาจเป็นการเดิมพันตำแหน่งของ "โค้ชธง" อีกด้วย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าตัวก็พึ่งประกาศผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเองว่า หากนครปฐมไม่ได้เลื่อนชั้น จะขอลาออกทันที แม้จะผูกพันและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ก็ตาม
สำหรับเกมแห่งชีวิตระหว่างนครปฐม ยูไนเต็ด - สมุทรปราการ ซิตี้ จะคิกออฟกันในวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2565 เวลา 18.00 น. ซึ่งนัดสุดท้ายของศึกไทยลีก 2 นั้น จะเตะพร้อมกันทุกคู่ทุกสนาม
นครปฐมฯ จะลบล้างความผิดหวังจากคราวก่อน ด้วยการคว้าโทรฟี่แชมป์ได้ต่อหน้าแฟนๆ พร้อมสิทธิ์ในการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด แบบอัตโนมัติ หรือจะเป็นทางด้านของสมุทรปราการ ซิตี้ ที่ได้ผลการแข่งขันตามต้องการ แล้วอยู่รอดต่อไปในฤดูกาลหน้า อีกไม่นานเราก็จะได้รู้กันแล้ว
นี่คือ 90 นาทีสุดท้ายของฤดูกาล ที่บอกได้คำเดียวว่า ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง !!!