:::     :::

เกมรับยอดเยี่ยม และ"พลัง" ในการเล่นที่กลับมาอีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 01 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
980
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การเล่นที่วิ่งสู้ฟัด เข้าทุกจังหวะแบบ "เต็มกำลัง" ตลอด90นาทีในเกมชนะวิลล่า คือสิ่งที่หายไปจากแมนยูไนเต็ดกว่าครึ่งซีซั่นที่เราไม่ได้เห็นพลังงานแบบนี้ และมันคือสาเหตุที่ทำให้ทีมเก่งๆอย่างวิลล่าไม่สามารถยิงประตูใส่เราได้ เพราะเกมรับอันยอดเยี่ยมทั้งการป้องกันพื้นที่สุดท้าย และพลังงานการเพรสซิ่งแบบไม่หยุดหย่อนตลอดเกม!!!

เกมที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะแอสตันวิลล่าไปได้ 1-0 จากลูกยิงของบรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นเกมทีมเก็บชัยชนะได้อย่างสวยงามมาก บนการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม และ "คู่ควร" กับชัยชนะที่ทำได้

แม้จะเป็นการยิงแค่ลูกเดียว ไม่ได้ชนะทีนึง 3-4 ลูกก็ตาม แต่ความสวยงามของฟุตบอลไม่ได้มีแค่ จำนวนประตู เพียงอย่างเดียว วิถีของการเล่นก็สำคัญด้วย

เกมนัดนี้ประตูชัยมาจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในนาทีที่ 39 ในจังหวะที่คาเซมิโร่โหม่งสวนขึ้นหน้ามาให้แรชฟอร์ดหลุดขึ้นมาได้โอกาสยิงเล่นทางใส่เอมี่ มาร์ติเนซ บอลถูกเซฟเอาไว้ได้ แต่กระฉอกออกมา ซึ่งต้องชมบรูโน่ที่วิ่งเติมมาช่วยแรชฟอร์ดทางด้านขวา บอลมาเข้าทางปืนของเขาและยิงเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งวิ่งไปตรงมุมแฟนทีมเยือน ยืนมองหน้าแฟนบอลวิลล่าที่แทนที่จะเชียร์ทีมตัวเองดันมาโห่ใส่เขา ก็เลยเจอตอบโต้อย่างแสบๆในจังหวะนี้

เป็นประตูเดียวที่ทำให้เกมนี้แมนยูเป็นฝ่ายชนะทีมเขี้ยวลากดินที่ฟอร์มดีในช่วงนี้อย่างวิลล่าไปสำเร็จ ต้องชื่นชมการทำเกมรุกที่เตรียมแผนให้บรูโน่เป็นตัววางบอลให้ตัวสอดอย่างพวกแรชฟอร์ด ซาบิทเซอร์ วิ่งทำลายแผงไลน์แนวรับสุดท้ายของวิลล่าตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะโดนวิลล่าเช็คล้ำหน้า แต่มันก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่สำเร็จ และในจังหวะที่มันไม่ล้ำ โอกาสทองที่เปิดขึ้นมา แรชฟอร์ด และ บรูโน่ก็สำเร็จโทษพวกเขาได้สำเร็จจากตรงนี้

นั่นคือความสำเร็จในภาคเกมรุก ที่เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นของการทำเกมครองบอลที่ดีในนัดนี้เป็น base ของการเล่นที่สร้างเกมครองบอลขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เป็นโอกาสจบสกอร์ที่ค่อยๆมาทีละนิดๆ จนพังประตูสำเร็จ

แต่จุดที่ทำให้ทีมชนะ ไม่ได้มีแค่การทำเกมรุกใส่คู่แข่งอย่างเดียว "เกมรับ" ก็สำคัญมากๆในยามที่ทีมไม่สามารถเบิกสกอร์เพิ่มได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อีกพาร์ทหนึ่งที่สำคัญมากๆก็คือเกมรับที่ดี เพื่อจะปิดผนึกคู่แข่งไม่ให้ทำประตูใส่เราได้ด้วย เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้เกมรุก หรือการยิงประตูสวยๆเหมือนกัน

เกมรับของยูไนเต็ดแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆที่สำคัญ ดังนี้คือ

1. การเล่นเกมป้องกันในพื้นที่สุดท้าย

2. เกมแมน-มาร์คกิ้ง ที่เพรสติดตัวเพื่อปิดผนึกการเล่นของคู่แข่ง

ส่วนแรกคือการเล่นป้องกันในพื้นที่สุดท้าย แนวรับของเราทำงานได้ดีมากๆ จากการเล่นเกมรับร่วมกันทั้งทีมเพื่อหยุดเกมรุกของคู่แข่ง

เดเคอาอาจจะมีช็อตให้เซฟสวยๆน้อย แต่ช็อตการเซฟไปหนึ่งลูกจากระยะประชิดช่วงครึ่งแรกก็ถือว่าช่วยทีมได้มากจากลูกยิงของโมเรโน่ที่เติมขึ้นมา และการอ่านออกมาตัดนอกกรอบ ปัดลูกโด่ง ก็ช่วยทีมได้เยอะจนเขาเก็บคลีนชีทสูงสุดต่อไปอีกเกม

คาเซมิโร่เคลียร์งาน สกรีนเกมรับพื้นที่ด้านหน้าแผงหลังได้ดี และแข็งแกร่งเหมือนที่เคยเป็นมา หลังจากฟอร์มเงียบไปพักใหญ่หลังจากเข็ดจากการโดนแบน การเสียความมั่นใจดังกล่าวดูเหมือนว่าคาเซมิโร่จะ bounce back กลับมาเป็นคาเซลูกพี่ใหญ่ในร่างเดิมได้แล้ว

ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่ได้โอกาสเรียกความมั่นใจ โชว์ความสดในเกมรับที่เหนียวแน่นจนแฟนบอลหลายคนทักว่าเหมือนได้ AWB ลงสนามมาเองเลย เกมรับยอดเยี่ยมมากๆ เคลียร์จังหวะสำคัญๆ และปิดผนึกตัวรุกด้านข้างของวิลล่าได้อยู่หมัด 

ลุค ชอว์ มีการเล่นครอบครองบอล ในฐานะกองหลังตัว ball-playing ที่ไว้ใจได้ ด้วยทักษะส่วนตัวที่สูงในฐานะเป็นแบ็คตัวบุก กับเซนส์บอล และความชาญฉลาดในการ "ยืนตำแหน่ง" (positioning) ของลุค ชอว์ เขาเล่นฉลาด และเข้าใจเรื่องตำแหน่งในสนามดีมาก จนยืนคัฟเวอร์พื้นที่สำคัญๆในการเล่นเกมรับให้ทีมได้อย่างปลอดภัย แถมมีออฟชั่นครองบอลดันเกมขึ้นไปบุกในลักษณะกึ่งๆเป็น "เซ็นเตอร์ตัวด้านข้าง" ด้านซ้าย (LCB) ซึ่งในระบบเช่นนั้นจะทำให้มีอิสระในการดันเกมขึ้นไปยืนเป็นมิดฟิลด์เสมือนอีกหนึ่งตัวด้วยสำหรับภาคการคุมบอลสร้างเกมบุก

วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ MVP ประจำวันนี้ เขาคือคำตอบของข้อหนึ่งเลยในการป้องกันพื้นที่สุดท้าย ลินเดอเลิฟเราใช้งานเขาในฐานะ role หลักที่เป็นตัว Ball-playing Defender มาตลอด แต่จริงๆแล้วถ้าให้ลินเดอเลิฟเล่นเกมรับจริงๆ ที่ไม่ใช่ตัวคัฟเวอร์ ฟอร์มของเขายามที่ลงเล่นคู่กับชอว์ระยะหลัง แสดงให้เห็นว่านี่คือ CB ฝีเท้าดีอีกคนหนึ่งที่เล่นเกมป้องกันได้ดี

ถ้าให้จับคู่กับนักเตะที่เหมาะสม ลินเดอเลิฟจะโชว์ผลงานระดับสุดยอดออกมาให้เห็นได้ เหมือนที่เกมวิลล่า เขาเป็นคนที่บล็อค และเคลียร์บอลออกจากพื้นที่อันตรายได้ทุกดอกจนทีมเก็บคลีนชีทได้ รวมถึงช็อตอ่านเกมแบบสดๆที่ขยับเข้าไปปิดพื้นที่หน้าประตูที่เป็นช่องว่างอยู่ ซึ่งคู่แข่งก็ยิงมาจริงๆ และเขาก็โหม่งเคลียร์บอลออกจากเส้นได้อย่างหวุดหวิด เกิดจากการสติและเซนส์ในการอ่านช็อตนั้นล้วนๆ (ภาพข้างล่างนี้ชัดเจน ก่อนคู่แข่งจะยิงตรงนั้นมีช่องว่างอยู่ ลินเดอเลิฟขยับตัวเข้าไปปิดและโหม่งสกัดบอลได้อย่างเหลือเชื่อ)

ในส่วนที่สอง คือเกมปิดผนึกคู่แข่งไม่ให้เล่นได้ง่ายด้วยระบบการเล่นเกมรับที่จับตัวต่อตัวแบบ Man-Marking เป็นหลักในการเล่น ผสมผสานกับ Zonal-Marking ที่รักษาพื้นที่สำคัญเอาไว้ไม่ให้หลุด ทำให้เกมบุกจากวิลล่าเล่นได้ยากตั้งแต่กลางสนาม เกมจึงค่อนข้างดุเดือด เกิดการแบทเทิลกันกลางสนามค่อนข้างมาก ด้วยไดนามิคการเล่นสูงๆแบบนี้ ต้องพึ่งพาพลังงาน ความแข็งแกร่งในการเล่น และสภาพจิตใจที่เป็นนักสู้มากๆถึงจะเล่นบอลระบบนี้ได้สำเร็จ โดยที่คุณภาพไม่ตกตลอด90นาที

เกมของแมนยูไนเต็ดใช้วิธีการบีบเร็ว ประชิดติดตัวนักเตะแอสตัน วิลล่า ตั้งแต่ครึ่งแรก ด้วยการเล่น Pressing ใส่พวกเขาตั้งแต่ในบริเวณพื้นที่ Middle Third ขึ้นมา (กลางสนาม) โดยไม่จำเป็นต้องเล่น High Pressing ให้เปลืองแรงมากเกินไปนัก แค่ว่าถ้าเห็นคู่แข่งเริ่มต่อบอลเข้ามาในพื้นที่ตรงกลางเมื่อไหร่ เกมรับจะเริ่มทำงานทันทีด้วยการบีบติดต่อจังหวะคู่แข่งรับบอล ให้ไม่สามารถครองบอล หรือ ต่อบอลทำเกมกันได้ง่ายๆ ด้วยการบีบติดตัวแบบ Closing Down ใส่คู่แข่ง

วิธีนี้อาจจะเสี่ยงกับการโดนออกบอลหนี หรือแก้เพรสได้ แต่ถ้าทีมเล่นบีบประชิดตัวแบบนี้ด้วยกันทั้งทีม เวลาแก้เพรสหรือส่งบอลออกไป ตัวรับบอลก็จะยังคงต้อง "เล่นยาก" อยู่ดี ซึ่งจุดนั้นแหละที่เราเห็นว่า ตลอดทั้งเกมแมนยูจะบีบใส่วิลล่าได้สำเร็จอยู่เรื่อยๆ ถึงจะไม่ได้ตัดบอลได้เลยในจังหวะแรก แต่จังหวะต่อๆมาในครั้งที่สามครั้งที่สี่ ก็มักจะเพรสซิ่งสำเร็จ และชิงบอลกลับมาครองได้อยู่เสมอๆ

ทำแบบนี้ตั้งแต่ต้นจนถึงท้ายเกมไม่มีดรอปเลยในเรื่องของ "พลังงานการเล่น" ที่เป็นประเด็นสำคัญของบทความนี้

ภาพที่เห็นข้างบนนี้คือช่วงท้ายเกมแล้ว ในครึ่งหลังที่ทีมเราเป็นฝ่ายไม่มีบอล ที่ต้องเล่นเกมรับชัดเจนใน Phase II (without ball หรือ out of possession) ทีมจะยิ่งต้องเล่นด้วยพละกำลังและความมุ่งมั่นยิ่งขึ้น สังเกตจากภาพนี้จะค่อนข้างชัดว่านี่คือแดนของแอสตัน วิลล่า ที่นักเตะเราบีบขึ้นมาเพื่อที่จะจับการเล่นแบบ man-to-man มาร์คกิ้งตัวประกบของตนเองแบบ ตัวต่อตัว ด้วยการบีบประชิดตัว ไม่ให้คู่แข่งเล่นได้ง่ายๆ

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือตัวด้านบนสุด นั่นคือดิโอโก้ ดาโลต์ ที่วิ่งขึ้นมาจากแนวหลังบ้านเรา เพื่อจะบีบตัวประกบของเขาให้เล่นได้ยาก มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังงานเยอะ เพื่อให้ได้ Performance ที่ดีแบบนี้ ต้องใช้ความตั้งใจ และสภาพร่างกายที่ดีควบคู่กัน

ข้างบนนี้คืออีกหนึ่งจังหวะในช่วงครึ่งหลัง ที่ชัดเจนว่า บอลเพรสซิ่งของแมนยูไนเต็ดในการเข้าประชิดตัว และบีบมุมคู่แข่งให้เล่นได้ยาก เป็นอีกหนึ่งคีย์แอ็คชั่นที่ทำให้ทีม "ปิดผนึกวิลล่า" ไม่ให้เล่นได้ตามใจชอบ

นักเตะของแมนยูไนเต็ดเข้าไปบีบตัวถือบอลของวิลล่าจนไม่เหลือทางจ่าย ซึ่งตัวรับบอลอื่นๆของวิลล่า ถูกนักเตะแมนยูประกบและรอดักเข้าไปชิงบอลอยู่แล้ว ทำให้บอลมีโอกาสถูกแมนยูชิงกลับมา หรือขัดจังหวะไม่ให้พวกเขาตั้งเกม build-up ขึ้นมาบุกใส่เราได้ง่ายๆ

ฟุตบอลแบบนี้แหละคือสิ่งที่แฟนแมนยูไนเต็ดต้องการจะเห็น และเคยเห็นมันมาแล้วในช่วงต้นซีซั่น โดยเฉพาะในเกมใหญ่ที่ชนะทีมชั้นยอดอย่าง อาร์เซนอล ลิเวอร์พูล สเปอร์ส มาอย่างสวยงาม การเล่นที่ "พุ่งเข้าใส่" ด้วยใจสู้ และแบทเทิลกับคู่แข่งตลอดทุกไฟต์ที่เกิดขึ้นในสนาม เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรื่องของจิตใจ เรื่อง Winning Mentality ในวันนี้ทีมเราชนะคู่แข่งจริงๆ ถึงแม้แทคติก หรือการเล่นต่างๆเช่นความเฉียบคม หรือ การครอบครองบอล ในครึ่งหลังจะลดลงไป แต่ก็ยังมีส่วนที่เราชนะอยู่จนจบเกม นั่นคือความแข็งแกร่งด้านพลังงานการเล่น และจิตใจนักสู้ที่ถูกดึงออกมาอย่างเต็มที่ในแมตช์นี้

จนกระทั่งสามคะแนนตกเป็นของเรา ทุกอย่างเกิดขึ้นมาในรูปแบบที่ไม่เห็นมานานแล้ว 

สาเหตุเป็นเพราะอะไร?

ชัดเจนว่าในช่วงที่พลังงานการเล่นแบบนี้หายไป มันคือช่วงที่แมนยูต้องลงเล่นในหลายรายการมากๆสลับกันโดยแทบไม่มีวันพักเลย เตะอาทิตย์ละสองแมตช์ติดกันตลอด โดยเฉพาะช่วงหลังฟุตบอลโลกมา แถมมีแต่เกมยากต่อเนื่องที่ต้องรักษาฟอร์มเอาไว้

ปีศาจแดงต้องเล่นทั้งฟุตบอลคาราบาวคัพ เอฟเอคัพ ยูโรปาลีก และ พรีเมียร์ลีก รวดเดียว 4 ถ้วยในช่วงที่ผ่านมา

การบริหารจัดการทีมของเทน ฮาก เป็นสิ่งสำคัญมากๆที่จะต้องประคองทีมให้ผ่านช่วงดังกล่าวไปให้ได้ เมื่อเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บอีก การ "สะดุด" ระหว่างทาง ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจเลย (ชนะทุกนัดต่างหากที่น่าแปลก) การพลาดท่าแพ้เซบีย่าตกรอบ การสะดุดในเกมลีกหลายๆนัด เป็น "เรื่องธรรมดา"

เมื่อนักเตะกรอบ ร่างกายใช้งานหนักต่อเนื่อง ฟอร์มการเล่นที่วิ่งสู้ฟัดแบบเต็มพลังในลักษณะนี้จึงแทบจะไม่เกิดขึ้นมาอีก รูปแบบการเล่นก็เปลี่ยนไปเป็นแบบอื่น ที่ผ่านมาทีมต้องเล่นแบบประคับประคองพลังงานการเล่นให้เพียงพอต่อเกมนั้นๆ และเกมถัดไปเสมอ จังหวะการเข้าดวลกับคู่แข่ง โดยเฉพาะ Ground Duel มักจะสู้เรื่องพลังงานกับความแข็งแกร่งของคู่แข่งไม่ได้

ผมเชื่อว่าแฟนบอลก็เห็นว่า ความสดของเรามักจะสู้คู่แข่งไม่ได้อยู่บ่อยๆ

เหตุผลเรื่องการต้องออมแรงไว้ลงเล่นต่อเนื่องนี่แหละสำคัญ บวกกับความ "กรอบ" ของร่างกาย ความล้าแอบแฝงที่แฟนบอลสามารถจับสังเกตได้ในสนามว่ามันเริ่มที่จะล้ามากขึ้นเรื่อยๆจนส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่น จากลักษณะของทีมที่เริ่มต้นเกมได้ดี แต่มักจะฟอร์มดรอปลงในช่วงครึ่งหลังเสมอ คือคำตอบอย่างดีว่า พลังงานในการเล่นของทีมมีมากน้อยแค่ไหน

แต่หลังจากที่ตกรอบยูโรปาลีกไปแล้ว และเคลียร์ภาระหน้าที่กับถ้วยเอฟเอคัพได้เรียบร้อยกับการเข้ารอบชิงสำเร็จ เป้าหมายแมนยูไนเต็ดดูเหมือนว่าจะชัดเจนขึ้นแล้วก็คือ เหลือแค่การรักษาอันดับในลีกเพื่อติดท็อปโฟร์ให้สำเร็จในปีนี้ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายหลักของฤดูกาลอยู่แล้ว

หลังจากนี้แมนยูโฟกัสกับเกมลีกอย่างเดียวเต็มๆ ขณะที่ความได้เปรียบเสียเปรียบทีมอื่นก็หมดไปแล้ว เพราะกลับมาลงเตะเท่าๆกัน การได้พักก็เหมือนๆกันกับทุกทีม ไม่มีได้เปรียบเสียเปรียบเพราะต้องลงแข่งเยอะกว่าทีมอื่น โปรแกรมทุกวีคจะเตะพร้อมกันหมดเพื่อดำเนินไปสู่การปิดฉากฤดูกาล 2022/23 พร้อมกับทีมอื่นๆ

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเราเชื่อว่า ต่อจากนี้เกมการเล่นของแมนยูไนเต็ด จะลงเล่นด้วยพลังงานเต็มร้อย และสู้กับคู่แข่งได้อย่างเต็มที่มากกว่าเดิม เพราะเกมที่บดชนะวิลล่ามาได้ คือสัญญาณที่ดีของการเล่นฟุตบอลอันเยี่ยมยอด ซึ่งต้องสู้กันด้วยความแข็งแกร่งในสนาม และจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแค่เพราะเพลี่ยงพล้ำหรือเสียเปรียบในสนาม จนกระทั่ง "ยุบ" เหมือนก่อนหน้านี้ในหลายๆเกม 

หลังจากนี้เราจะดูในเกมต่อๆไปว่า ทีมยังสามารถเล่นด้วยประสิทธิภาพของพลังงานและความมุ่งมั่นแบบนี้ได้อีกหรือไม่ หลังจากที่เกมแบบนี้มันหายไปนานแทบจะครึ่งซีซั่น ที่ทีมต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเล่น จากช่วงต้นฤดูกาลที่เคยทำได้แบบนี้ต่อหน้าทีมใหญ่ๆอย่างอาร์เซนอล ลิเวอร์พูล มันกลับมาอีกครั้งในยามที่ทีมต้องการ เมื่อเจอกับทีมฟอร์มดีอย่าง แอสตัน วิลล่า และทำสำเร็จ 

เกมต่อๆไปเป็นงานหนักที่ต้องไปเยือนไบรท์ตัน และ เวสต์แฮม สองเกมติดต่อกัน ถ้ายูไนเต็ดเก็บได้สักสองคะแนนขึ้นไปก็ถือว่าทำได้ดีแล้วสำหรับการรักษาความได้เปรียบในพื้นที่ท็อปโฟร์ไว้ หวังว่าเราจะทำได้

ไบรท์ตันเป็นทีมที่เล่นดีมาก แต่ถ้าสู้ด้วยท็อปฟอร์มอย่างที่เล่นกับวิลล่าได้ เราก็เชื่อว่าแมนยูไนเต็ดจะไม่แพ้ รวมถึงเกมกับเวสต์แฮมด้วยเหมือนกัน ช่วงนี้ทีมของเดวิด มอยส์ เริ่มเรียกฟอร์มกลับมาได้ ปีศาจแดงก็ยิ่งต้องเรียกฟอร์มที่ดีกว่าในการลงสนามเจอพวกเขาให้ได้ด้วย

ทุกเกมคือรอบชิง เราถึงต้องเล่นรอบชิงด้วย Performance การเล่นที่ดีที่สุดเท่านั้น เป้าหมายถึงจะสำเร็จ

เชื่อว่าจุดหมายของเรามันชัดเจนมากว่าคืออะไร ดังนั้นเราก็ "เชื่อ" ว่าทีมทำได้ครับ

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด