:::     :::

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยกับ "จู๊ด เบลลิงแฮม"

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
580
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมประจำซัมเมอร์นี้

สำหรับ  “จู๊ด เบลลิงแฮม” ดาวเตะของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากฟอร์มการเล่นที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด ทำให้เขาถูกบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ต้องการตัวไปร่วมทีม


โดยทีมที่มีโอกาสมากสุดในเวลานี้ นั่นคือเรอัล มาดริด ยอดทีมจากศึกลาลีกา สเปน โดยหวังจะนำตัว เบลลิงแฮม ไปเป็นกองกลางยุคใหม่ แทนที่รุ่นที่พี่ที่เตรียมปลดระวางไป


แน่นอนว่า นอกจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นแล้ว หนึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเบลลิงแฮม นั่นคือการสวมเสื้อแข่งหมายเลข 22 ทั้งกับตัดสังกัดเก่าอย่างเบอร์มิงแฮม ซิตี้


รวมถึงทีมปัจจุบันอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลากยาวไปถึงทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ เจ้าตัวไม่เคยเลือกที่จะสวมใส่เสื้อแข่งหมายเลขอื่นเลย


ช่วงนี้ เราลองไปดูความเป็นมาเป็นไปของการเลือกสวมเสื้อแข่งหมายเลข 22 ของเบลลิงแฮม กันหน่อย แน่นอนว่า คนที่จะให้คำตอบในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คงจะหนีไม่พ้นคนที่คลุกคลีกับเขามาตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของเบอร์มิงแฮม ซิตี้


เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลองไปติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเขากันเลย

“จู๊ด เบลลิงแฮม” คือผลผลิตที่น่าภูมิใจของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ นี่คือเด็กที่เติบโตมากับอะคาเดมี่ และสร้างประวัติศาสตร์  ด้วยการก้าวมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียง 16 ปี 38 วัน ซึ่งถือเป็นช่วงอายุที่น้อยเอามากๆ


หลังจากเล่นกับทัพ “ตราลูกโลก” ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพียงฤดูกาลเดียว เขาก็ถูกทีมดังอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าตัวไป ด้วยค่าตัวราว 25 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นเด็กอายุ 17 ที่มีค่าตัวแพงสุดในโลก ถือเป็นการยกระดับที่น่าสนใจในโลกลูกหนังเลยทีเดียว


ชีวิตของเบลลิงแฮม ที่เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เขาเลือกสวมเสื้อแข่งหมายเลข 22 หลังจากย้ายไปร่วมทีม “เสือเหลือง” สโมสรก็ทำการรีไทร์เบอร์เสื้อ 22 ของเขาทันที 


สโมสรมอบเหตุผลในการรีไทร์ว่า เป็นการยกย่องพรสวรรค์, การทำงานหนัก และความทุ่มเท นอกจากนี้ ยังมองถึงพฤติกรรมนอกสนาม และความอ่อนน้อมถ่อมตน 

เสื้อแข่งหมายเลข 22 มีความหมายบางอย่างแอบซุกซ่อนอยู่ ว่ากันว่า นี่คือหมายเลขที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเบลลิงแฮม จนสามารถก้าวมาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของโลกลูกหนัง โดยเกี่ยวกับตำแหน่งการเล่นในสนามแข่งขัน


เรื่องราวนี้ รับการยืนยันจากปากของไมค์ ด็อดด์ส อดีตโค้ชทีมเยาวชนของเบอร์มิงแฮม ที่บอกว่า “ตอนนั้น เบลลิงแฮม น่าจะอายุประมาณ 13-14 ขวบ เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ในวัยดังกล่าว มักอยากจะเป็นนักเตะหมายเลข 10” 


“ผมลองนั่งคุยกับเขา พร้อมกับบอกเขาไปว่า เขาสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น เราคิดกันว่า เขาน่าจะเลือกเสื้อเบอร์ 22 แววตาของเขาเป็นประกายทันที เรารู้เลยว่า หมายเลข 22 ดึงดูดเขาตั้งแต่วันนั้น”


“ผมบอกเขาไปว่า เขาสามารถเล่นตำแหน่งนักเตะเบอร์ 4 ได้ ในรูปแบบของโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ รวมถึงตำแหน่งนักเตะเบอร์ 8 ที่เล่นแบบบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ แน่นอนว่า เราคิดว่าเขายังเล่นเป็นจอมทัพในตำแหน่งนักเตะเบอร์ 10 คอยสร้างสรรค์เกม และจบสกอร์”

หากนำตัวเลขในตำแหน่งต่างๆมารวมกัน ทั้ง 4, 8 และ 10 ผลรวมที่ออกมา ก็จะเท่ากับ 22 สื่อถึงว่าเบลลิงแฮม สามารถเล่นได้อย่างหลากหลาย และอเนกประสงค์ ซึ่งต้องเป็นนักเตะที่มีความสามารถพอสมควร ถึงจะทำแบบนั้นได้


ด็อดด์ส ทิ้งท้ายว่า “ตั้งแต่วัย 13 ปี เขายึดมั่นกับเสื้อแข่งหมายเลข 22 มาตลอด ตอนที่เขาเปิดตัวเป็นครั้งแรกกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ เขาพูดอย่างชัดเจนว่า เขาอยากได้เบอร์ 22 และพูดแบบเดียวกันที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์”


ปัจจุบัน เบลลิงแฮม ยังคงสวมเสื้อแข่งหมายเลข 22 โลดแล่นบนผืนหญ้าต่อไป ทั้งกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และทีมชาติอังกฤษ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปแล้ว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด