"มันบอกยากนะว่าคืออะไร แต่บรรยากาศที่แฟนๆสร้างขึ้นมานั้นมันช่วยเหลือได้จริงๆ"
"ตลอดซีซั่นพวกเขามหัศจรรย์มากๆ ทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน แต่ผมคิดว่าเวลาเราได้เล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด มันรู้สึกว่าเราไร้เทียมทานจริงๆ เรารู้สึกดี ซึ่งเมื่อได้อยู่ที่นั่น สภาพจิตใจมันก็อยู่ในจุดที่ถูกต้อง คงต้องพูดแบบนี้"
"พวกเราเองก็อยากเก็บผลการแข่งขันเหมือนเล่นในบ้านให้ได้ เวลาที่ต้องออกไปเยือน นั่นเป็นจุดที่เราทำได้ไม่ดีในซีซั่นนี้ ในเกมเยือนโดยเฉพาะบิ๊กแมตช์ต่างๆ เรารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง"
"นั่นคือสิ่งที่เรารู้ว่าจะต้องปรับปรุงมันให้ได้ แต่ยังไงก็ตามเกมในบ้านกับผลการแข่งขันมักจะทำได้ดีมากๆเสมอ"
"เรามีความมั่นใจมากๆ และเชื่อมั่นเวลาเล่นในบ้านเสมอว่าเราจะชนะได้ตลอด"
"ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า เวลาที่มีแฟนบอลอยู่ พวกเรารู้สึกเหมือนกับว่ามีผู้เล่นคนพิเศษเพิ่มขึ้นมา พวกเราต้องมั่นใจ และต้องเล่นกันทุ่มเทแบบ100%เต็ม"
"ช่วงเวลาปีนี้พวกเราทำให้ตัวเองผิดหวังเวลาที่ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นสำเร็จ ผลการแข่งขันก็ออกมาอย่างที่พวกคุณเห็นกัน แต่ถ้าพวกเราอยู่ในจุดที่ดีได้ ถ้าเราเล่นแบบเต็มพลัง100% และมีสมาธิกับมัน ผมก็ไม่ห่วงอะไรเลยเพราะว่าเราจะชนะทุกเกมที่เราลงเล่นแน่นอน"
ทั้งหมดนี้คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ ลุค ชอว์ ที่ยืนยันถึงความยอดเยี่ยมของการได้เล่นเกมในบ้านว่า แฟนบอลสามารถช่วยทำให้พวกเขามั่นใจ และมีฟอร์มการเล่นที่ดีได้โดยเฉพาะในเกมเหย้าของทีม กับสนามที่อยู่คู่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมา 113 ปีแล้ว นับตั้งแต่เปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี 1910 จากการออกแบบของสถาปนิกชาวสกอตติชนามว่า Archibald Leitch
ตัวสนามผ่านการบูรณะรีโนเวทมาหลายต่อหลายครั้ง และยังอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งยังต้องการเงินทุนอุดหนุนมาซ่อมแซมและปรับปรุงให้ทันสมัยอีกมาก แต่ยังไงก็ตามสนามแห่งนี้ก็ยังมีมนต์ขลังและเต็มไปด้วยความคลาสสิคที่ "อบอุ่น" อยู่เสมอ
โรงละครแห่งความฝัน หรือ Theatre of Dreams คือชื่อเล่นของสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด แห่งนี้ ซึ่งก็เหมาะสมกับความเป็นสนามที่นี่อย่างดี เพราะพลังงานการเชียร์บอล และ "ฟีลลิ่ง" มันเหมือนการมาดูมหรสพของแฟนบอล จากการวาดลวดลายอันสวยงามของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมาทุกยุคทุกสมัย
พลังของโอลด์แทรฟฟอร์ดมันเป็นสนาม "พลังงานบวก" ที่มีความเป็น Positive มากกว่าจะเป็นสนามที่ดุดัน หรือใช้ขู่คู่แข่ง อย่างที่รู้ๆกัน แฟนบอลเราก็เน้นมาเชียร์และส่งกำลังใจให้ทีม
ส่วนเรื่องรังสีอำมหิต หรือความเป็น "นรกทีมเยือน" อาจจะน้อยกว่าสนามแห่งอื่นหน่อย เพราะบรรยากาศเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างกำลังใจให้ทีมเราเองมากกว่าในพาร์ทของการคุกคามขู่แข่ง ซึ่งมันเป็นพลังงานที่ดีกว่าสำหรับนักฟุตบอลของทีม
ดังนั้นไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมนักเตะคนแล้วคนเล่าที่ผ่านมายังสนามแห่งนี้ ทั้งได้เล่นในนามนักเตะแมนยูไนเต็ด หรือมาเป็นคู่แข่ง ก็มักจะประทับใจสนามแห่งนี้เสมอ ทั้งๆที่สนามเราก็ไม่ได้มีความทันสมัยอะไร แต่มนต์ขลังของที่นี่ก็มักจะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาและได้รับความรู้สึกดีๆกลับออกไปอยู่เป็นประจำ
ผลการแข่งขันที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ภายใต้การนำทีมในยุคของ เอริค เทน ฮาก นี่เป็นเพียงแค่ครั้งที่สี่ในประวัติศาสตร์สโมสรเท่านั้นที่พวกเขาชนะเกมเหย้าในซีซั่นนี้แตะถึงหลัก 25 เกม ซึ่งเทียบเท่ากับในฤดูกาล 2007/08 ปีที่ปีศาจแดงคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งพรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก
ด้วยเกมเหย้าที่ยังเหลืออยู่อีก ปัจจุบันพวกเขาได้ไปแล้ว 42 แต้ม มากกว่าตลอดทั้งซีซั่นที่แล้วถึง 7 คะแนน ถ้าเก็บนัดสุดท้ายได้สำเร็จ ทีมของเทน ฮาก จะทำคะแนนดีที่สุดในรอบ 10 ปีด้วยแต้มจากโอลด์แทรฟฟอร์ด 48 แต้ม คะแนนดีที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาลสุดท้ายของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และก็จะเทียบเท่าสถิิติสโมสรในเกมเหย้าที่เก็บชัยชนะได้ 27 เกม นับตั้งแต่ฤดูกาล 2002/03 ด้วย ซึ่งปีนั้นแมนยูคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในผลลัพธ์ทั้งหมด 83 คะแนน
ปีศาจแดงเป็นทีมที่ไม่แพ้ในบ้านยาวนานที่สุดของพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนี้ ที่แพ้เพียงแค่ครั้งเดียวคือเกมเปิดหัวซีซั่นนี้ต่อไบรท์ตันด้วยสกอร์ 1-2 ส่วนเกมสุดท้ายในทุกๆรายการที่แพ้ คือการแพ้เรอัล โซเซียดาด ในยูโรปาลีก เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเก็บผลในบ้านได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น ก็พอที่จะช่วยชดเชยฟอร์มบู่จากเกมเยือนได้ โดยเทน ฮาก เก็บได้แค่ 27 คะแนน ของความเป็นไปได้ทั้งหมด 57 แต้ม จากเกมเยือน 19 แมตช์ในปีนี้ โดยเป็นการแพ้ 7 จาก 9 เกมเยือนต่อคู่แข่งที่อยู่ในระดับท็อป10 ของตาราง
สถิติดีที่สุดของการเล่นเกมเหย้าของพรีเมียร์ลีก แมนยูไนเต็ดอยู่ในอันดับสูงสุดร่วมกัน 4 ทีม ที่เก็บผลการแข่งขันในบ้านได้ดีที่สุดตลอดกาลดังตารางข้างล่างนี้จากดิแอธเลติก โดยสี่ทีมดังที่เห็นคือ เชลซี แมนยู แมนซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เคยทำได้ดีที่สุดจากเกมเหย้า 19 นัด ด้วยการชนะไปทั้งหมด 18 นัด เสมอ 1 นัด และไม่แพ้ใครในหลากหลายฤดูกาลดังนี้ ซึ่งของแมนยูไนเต็ด ดีที่สุดคือฤดูกาล 2010/11 จาก 19 นัดที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ชนะไป 18 เสมอ 1 เก็บได้ 55 คะแนน ดังที่เห็นข้างล่างนี้
เอริค เทน ฮาก เคยพูดถึงสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปีนี้เอาไว้ว่า เขาต้องการให้ที่นี่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เขาดีใจที่ได้ทำให้สถานที่แห่งนี้กลับมาเป็น "ป้อมปราการ" (Fortress) ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกครั้งได้สำเร็จ
"แน่นอน ที่นี่ควรต้องเป็นป้อมปราการ เราต้องการจะให้มันแข็งแกร่ง ให้เราเล่นกันอย่างมีระเบียบวินัยในการแข่งขัน เราจะแสดงมันออกมาผ่านการเล่นเกมรุกด้วยกันทั้งทีม11คน และเล่นเกมรับด้วยกันทั้ง 11 คนเช่นกัน"
"มันคือการทำตามหน้าที่ให้ได้ คู่แข่งจะต้องเอาชนะได้ยากๆในทุกๆการดวลเมื่อมันอยู่ในความเป็นทีม ต้องเป็นแบบนี้ทุกๆนัด และเรากำลังเดินหน้าไปอย่างถูกทางแล้ว เพราะงั้นเราถึงได้มีความสุขกับมัน แต่ก็ยังเพียงพอใจไม่ได้ เพราะไม่ต้องการความขี้เกียจใดๆทั้งสิ้น เพราะนั่นแปลว่าผลงานมันจะดรอปลงทันที ดังนั้นต้องมีสมาธิเอาไว้ และปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ พัฒนาให้ดีขึ้นในทุกวันๆ เพราะคำว่าดีแล้ว มันยังไม่ดีพอ"
"ผมมีความสุขที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับมาเป็นป้อมปราการอีกครั้ง" (I’m happy Old Trafford is a fortress again.) นี่คือคำพูดสุดท้ายของเอริค เทน ฮาก ที่พูดถึงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง เราพึ่งพิง "พลัง" ของโอลด์แทรฟฟอร์ดอย่างแท้จริง
พลังที่สร้างขึ้นมาได้จากแฟนบอล หลอมรวมกับ พลังที่นักเตะและทีมของเราได้รับ และถ่ายทอดกลับมาในรูปแบบของ Performance อันยอดเยี่ยมในสนามแห่งนี้เสมอ ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งเก่งมาจากไหน แม้กระทั่งบาร์เซโลน่าก็ไม่อาจจะต้านเราได้ที่สนามแห่งนี้ รวมถึงความพ่ายแพ้ของทีมใหญ่ต่างๆ ที่ต้องมาหยุดเอาไว้ที่โรงละครแห่งความฝันกันนักต่อนักในปีนี้
"บัฟ" พลังพิเศษจากสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ไม่ใช่สิ่งที่เกินความเป็นจริงเลย และนั่นส่งผลในเรื่องของ "จิตวิทยานักเตะ" ในด้านของ ความมั่นใจ อย่างชัดเจน เหมือนที่ลุค ชอว์บอก
สังเกตกันดีๆว่าเกมนัดที่แพ้เละเทะ หลายๆครั้งมักจะเป็นการออกไปแพ้นอกบ้าน ไม่ว่าจะ 4-0 / 7-0 / 6-3 ที่จำกันได้ชัดๆ มักเกิดขึ้นในเกมที่นักเตะแมนยูไนเต็ดต้องไปอยู่ในถิ่นของคู่แข่งทั้งนั้น
เมื่อเจอคู่แข่งที่แกร่งกว่า เวลาเพลี่ยงพล้ำแล้ว มักจะเป๋ยาวๆ โดนยิงเยอะๆอย่างที่เห็น มันค่อนข้างชัดเจนจากภาษากายในสนามว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่นักเตะเราไม่มั่นใจ มักจะโดนคู่แข่งกดซ้ำเวลาที่ใจมันฝ่ออยู่เสมอ
แต่เมื่อกลับไปที่โอลด์แทรฟฟอร์ด กลายเป็นเหมือนคนละทีม คุณภาพการเล่น ความมั่นใจ ความเฉียบคม ทุกอย่างกลับมาเป็น Manchester United ทีมเดิมเสมอ นั่นก็เพราะความมั่นใจล้วนๆเลย
ดังนั้นภารกิจของแมนยูไนเต็ดในฤดูกาลหน้า มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงพัฒนาก็คือ เรื่องของ "สภาพจิตใจ" ที่ต้องแข็งแกร่งและนิ่งกว่านี้เวลาไปเล่นเกมเยือน สิ่งที่ต้องปรับแก้มีทั้งฟอร์มการเล่นของทีม ที่ต้องสม่ำเสมอกว่านี้ / เกมแพลนจากแทคติกของเทน ฮาก ก็ต้องแก้เหมือนกัน ไม่ใช่จะไปครองบอลบุกแลกกับเค้าอย่างเดียว ต้องวางแผนที่ใช้งานได้ชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่ / และเรื่องสำคัญที่สุด แก้ไข Mentality ของทีมให้แข็งแกร่ง ใจสู้ และมีสมาธิกว่านี้
ปีหน้าเราจะต้องเล่นเกมเยือนให้แกร่งกว่าเดิม และเก็บผลการแข่งขันกลับมาได้ดีกว่านี้ ถึงจะพอลุ้นเบียดแย่งแชมป์กับเขาได้บ้าง ส่วนฟอร์มเกมเหย้าที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเช่นปีนี้เป็นสิ่งที่ดีมากๆแล้ว
รักษาฟอร์มในบ้านแบบนี้ไว้ แล้วไปเติมคะแนนจากเกมเยือนเพิ่มขึ้น เชื่อว่าปีหน้าแมนยูไนเต็ดจะลุยพรีเมียร์ลีกได้ดีกว่าปีนี้
ใช้โอลด์แทรฟฟอร์ดเป็น "ฐานทัพ" แล้วปีหน้าเราจะไปบุกคู่แข่งให้ยับเวลาเล่นเกมเยือน
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References
https://theathletic.com/4404502/2023/04/13/old-trafford-manchester-united/
https://strettynews.com/2023/01/03/erik-ten-hag-sets-target-of-making-old-trafford-a-fortress-again/
