:::     :::

ถึงวันชี้ชะตาแชมป์

วันศุกร์ที่ 02 มิถุนายน 2566 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
8,864
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วันนี้แล้วฟุตบอลเอฟเอ คัพนัดชิงชนะเลิศระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ เวมบลีย์ จะฟาดแข้งกัน

ทั้งสองทีมล้วนมีเป้าหมาย, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการแชมป์เพื่อขยับเข้าใกล้การคว้า "ทริปเปิ้ลแชมป์" ไปอีกก้าว ส่วนทาง "ปีศาจแดง" นอกจากความสำเร็จของสโมสรที่ไม่ได้แชมป์รายการนี้มาตั้งแต่ปี 2016 จะเป็นการหยุดสถิติ 3 แชมป์นั้นด้วย

แน่นอนว่าเหนือสิ่งอื่นใดชัยชนะจะเพิ่มความสุขให้กับแฟนบอลมากที่สุดครั้งหนึ่งเพราะเป็นการชนะคู่ปรับร่วมเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ตาม

                

สิ่งที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียวคือ "เรือใบ" ยังมีเกมสำคัญในเวทียุโรปซึ่งเป็นรายการที่พวกเขาปรารถอย่างที่สุดที่จะคว้ามาครองให้ได้ อาจจะทำให้มีห่วงพะวงอยู่บ้าง ตรงข้ามกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ใส่ได้เต็มที่

แต่เชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะปลุกเร้าลูกทีมให้มองเกมที่อยู่ตรงหน้าเป็นสำคัญ เดินไปทีละก้าว และชัยชนะจะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมถึงขีดสุดก่อนที่จะเจอกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ อิสตันบูล

วันนี้ทาง เดอะ ซัน มาวิเคราะห์การแข่งขันคู่นี้กัน

ทั้งคู่มาถึงนัดชิงชนะเลิศได้ยังไง

                

เส้นทางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการมาถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพยากตั้งแต่ต้นเมื่อต้องเจอกับ เชลซี มาตั้งแต่รอบที่ 3 แต่ทีมก็เอาชนะไปได้แบบไม่ยาก 4-0 ตามด้วยรอบที่ 4 ยังคงเจอทีมแกร่งอย่าง อาร์เซน่อล แต่ทีมก็เฉือนชนะ 1-0 จากประตูของ นาธาน อาเก้ 

หลังจากนั้นเส้นทางของทีมก็เจอกับคู่แข่งที่ไม่ยากนักด้วยการชนะ บริสตอล ซิตี้ 3-0 ในรอบที่ 5, ชนะ เบิร์นลี่ย์ 6-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และรอบตัดเชือกชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-0 เท่ากับว่าตลอด 5 เกมทีมชนะในเวลา 90 นาทีทั้งหมด ทำไปถึง 17 ประตูและไม่เสียเลยแม้แต่ลูกเดียว

ด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจอกับคู่แข่งที่ไม่ยากเย็นนักโดยชนะ เอฟเวอร์ตัน ในรอบที่ 3, เร้ดดิ้ง ในรอบที่ 4, เวสต์แฮม ในรอบ ที่ 5 และ ฟูแล่ม ในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยทุกเกมลงเอยด้วยสกอร์ 3-1 ทั้งหมด

มาถึงรอบตัดเชือกทีมเจอกับ ไบรท์ตัน และต้องลุ้นเหนื่อยจนถึงการดวลจุดโทษกว่าจะเอาชนะไปได้ 7-6 และเข้ารอบชิงชนะเลิศสำเร็จ

ฟอร์มการเล่นเป็นยังไง

               

หลังการการันตีตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เริ่มพักตัวหลักของทีมในทันที โดยเกมที่ 37 ของฤดูกาลทีมบุกไปเสมอกับ ไบรท์ตัน 1-1 และเกมสุดท้ายไปแพ้ให้กับ เบรท์ฟอร์ด 0-1 

แต่หากมองจากผลงานก่อนหน้านี้รวมทุกรายการพวกเขาไม่แพ้ใครมา 24 เกมติดต่อกัน และในเกมที่เอาจริงอย่างในเกมตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกนัดที่สองก็ถล่ม เรอัล มาดริด ไป 4-0

ส่วนทางฝั่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าเป็นฤดูกาลที่ขึ้นๆลงๆ มีทั้งช่วงที่ฟอร์มน่าเหลือเชื่อ รวมถึงโดนคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล ถล่ม 7-0 

ขณะที่ฟอร์มการเล่นล่าสุดทีมชนะในลีกมา 4 เกมติดต่อกันเหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน, บอร์นมัธ, เชลซี และ ฟูแล่ม

เรื่องที่ต้องกังวลสำหรับเกมนี้

                

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกมาเผยว่ามีความกังวลเรื่องนักเตะเจ็บ 5 คน รวมถึงตัวหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช และ รูเบน ดิอาส

อย่างไรก็ตามมันเป็นความกังวลเพียงเล็กน้อยเพราะว่าแต่ละคนไม่ได้เจ็บรุนแรงอะไร แต่เพียงเพราะว่าทีมมีเกมชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรออยู่ มันเลยเป็นประเด็นขึ้นมา

ด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มี อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ อันโตนี่ สองตัวรุกที่บาดเจ็บ ทำให้คาดกันว่า เจดอน ซานโช่ จะได้ลงประสานงานในแนวรุกร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด 

ส่วนในแรวรุกอีกตำแหน่งต้องดูว่า เอริก เทน ฮาก จะได้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ หรือ เวาต์ เว็กฮอร์สต์

ใครคือสตาร์เด่น

                

ในฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสองตัวเลือกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แต่ด้วยผลงานการทำประตูในปีนี้คงต้องยกให้ดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์

51 เกมทุกรายการในฤดูกาลนี้ทาง ฮาแลนด์ สอยตาข่ายไปมากขึ้น 52 ประตู บวกกับ 9 แอสซิสต์ และการเจอกับ "ปีศาจแดง" ในลีกฤดูกาลนี้ก็กดแฮตทริคได้ในนัดที่เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยมชนะไป 6-3 ด้วย

ส่วนทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าต้องเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ฟื้นฟอร์มการเล่นกลับมาอีกครั้งในซีซั่นนี้และทำประตูช่วยให้ทีมมาถึงจุดนี้ได้

แม้ว่าในภาพรวมตัวเลขจะสู้ทางฝั่ง ฮาแลนด์ ไม่ได้ แต่ผลงาน 30 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ยังไงก็ไม่อาจมองข้ามได้

                


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด