แอร์เบ ไลป์ซิก คว้าแชมป์ เดเอฟเบ สองสมัยติดต่อกัน ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกภายใต้การกุมบังเหียนของ มาร์โก โรเซ่อ เทรนเนอร์วัย 46 ปี ที่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว พร้อมนำทัพกระทิงแดงเมืองเบียร์คว้าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ลีกฐานะทีมอันดับ 3 ของบุนเดสลีกา
นั่นอาจทำให้ แอร์เบ ไลป์ซิก กลายเป็นคู่ปรับที่น่าเกรงขามสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่น 2023-2024
วันที่ 7 กันยายน 2022 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของ แอร์เบ ไลป์ซิก หลังฟองสบู่ที่ค่อยๆพัดมาตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรขึ้นเมื่อปี 2009 กำลังเสี่ยงจะระเบิด เมื่อ โดเมนีโก้ เทเดสโก้ นำทีมรูดมาอยู่อันดับ 11 ของบุนเดสลีกา
ก่อนสโมสรจะสั่งปลด เทเดสโก้ ออกจากตำแหน่งหลังเกมพ่าย ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 1-4 บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก และพวกเขาจำเป็นต้องเลือกผู้สืบทอดที่ถูกต้องจนกระทั่งลงเอยกับ โรเซ่อ
มาร์โก โรเซ่อ เกิดที่เมืองไลป์ซิกยังว่างงานนับตั้งแต่แยกทางกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจบซีซั่น 2021-2022 หลังการทำงานกับ เบเฟาเบ เพียงปีเดียวแม้จะนำทีมเสือเหลืองเข้าป้ายรองแชมป์บุนเดสลีกาก็ตาม และแน่นอนโปรไฟล์ของเขาเป็นคุณสมบัติที่ แอร์เบ ไลป์ซิก มองหา
'เราค้นพบความลงตัวแล้ว' โอลิเวอร์ มินต์ซลาฟฟ์ ซีอีโอ แอร์เบ ไลป์ซิก กล่าวตอนเปิดตัว โรเซ่อ ในฐานะเทรนเนอร์คนใหม่ 'เราได้โค้ชที่เข้าใจปรัชญาของเราอย่างแจ่มแจ้ง สิ่งที่ มาร์โก นำมาคือสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอเรา'
9 เดือนต่อมา แอร์เบ ไลป์ซิก ฉลองแชมป์ เดเอฟเบ สมัยที่สองสโมสร และเป็นความสำเร็จในรายการนี้สองปีติดต่อกัน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่พวกเขามีการตัดสินใจครั้งสำคัญ
โรเซ่อ เคยประสบความสำเร็จฐานะเทรนเนอร์ของ เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก จากการคว้าแชมป์ ออสเตรีย บุนเดสลีกา 2 สมัยและ ออสเตรียน คัพ 1 สมัย ในช่วงปี 2017-2019 ในออสเตรีย เขานำทีมเก็บคะแนนเฉลี่ย 2.35 แต้มจากการลงเล่น 114 เกม และนำต้นสังกัดเข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
เทรนเนอร์วัย 46 ปี นำ แอร์เบ ไลป์ซิก เก็บคะแนนเฉลี่ย 2.17 แต้มต่อเกม ทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์เก็บ 61 คะแนนในยุคของ โรเซ่อ นับตั้งแต่เกมเปิดตัวที่สยบทีมเก่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-0
ทว่าช่วงแรกของ โรเซ่อ กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยังเป็นการปรับจูนความเข้าใจกับนักเตะ พวกเขาพ่ายต่อ มึนเช่นกลัดบัค 0-2 อีกหนึ่งทีมเก่าของเทรนเนอร์วัย 46 ปีที่เคยนำทัพสิงห์หนุ่มผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
นักเตะ แอร์เบ ไลป์ซิก ต้องการเวลาในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงแท็คติกของ โรเซ่อ หลังการเล่นภายใต้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กยุค เทเดสโก้ มาเป็นระบบ 4-2-3-1 จากนั้นทีมของ โรเซ่อ ทำผลงานดีต่อเนื่องไม่แพ้จากการลงเล่นทุกรายการ 18 เกมติดต่อกัน ซึ่งเป็นการยืนยันว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว
การตอบสนองเสร็จสิ้นภายในเวลา 5 เดือน การคว้าชัยชนะต่อเนื่องของ แอร์เบ ไลป์ซิก ยังรวมถึงเกมโค่น เรอัล มาดริด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนถึงเกมล้างตา ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ที่เคยทำให้ เทเดสโก้ กระเด็นตกเก้าอี้ด้วยสกอร์ 4-0 ช่วยทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์พลิกสถานการณ์กลับมาคว้าตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสำเร็จ
อย่างไรก็ตามการจับสลากประกบคู่รอบน็อกเอาท์ไม่เป็นใจต่อทีมของ โรเซ่อ เนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในทีมเต็งอย่าง แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก่อน แอร์เบ ไลป์ซิก จะตกรอบหลังการปราชัยต่อทีมเรือใบ 0-7 ในเกมที่สองบนสังเวียน เอติฮัด สเตเดี้ยม
จากนั้น แอร์เบ ไลป์ซิก หัวทิ่มต่อเนื่องด้วยการพ่ายแพ้ 2 เกมติดต่อ โบคุ่ม และ ไมนซ์ จนหลุดจากพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ทั้ง อูนิโอน เบอร์ลิน กับ ไฟร์บวร์ก ยังออกอาการแผ่ว ขณะเดียวกันทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์เดินหน้าเก็บชัยชนะ 7 จาก 8 เกมหลังสุดจนทะยานเข้าป้ายอันดับ 3 ขณะที่ ไฟร์บวร์ก หลุดไปอยู่อันดับ 5 ส่วน อูนิโอน เบอร์ลิน คว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำเร็จ
ทีมของ โรเซ่อ ยังสานต่อผลงานด้วยการบุกขย่ม ไฟร์บวร์ก 5-1 ในรอบตัดเชือกของศึก เดเอฟเบ โพคาล และยังตอกย้ำชัยชนะเหนือทีมจิ้งจอกแห่งป่าดำอีกครั้งในอีก 4 วันถัดมาด้วยสกอร์ 1-0 ทะยานขึ้นสู่อันดับ 3 ตามด้วยการกำชัยตลอด 3 เกมสุดท้ายการันตีตั๋วเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกตามเป้าหมาย
แต่ โรเซ่อ เปลี่ยนโชคชะตาของ แอร์เบ ไลป์ซิก ได้อย่างไร? พูดง่ายๆก็คือทีมกระทิงแดงกลับมาเล่นฟุตบอลตามสไตล์ของ แอร์เบ ไลป์ซิก อีกครั้ง สโมสรที่ก่อตั้งขึ้นบนหลักการของฟุตบอลเกมรุกที่มีชีวิตชีวา ด้วยการผสมผสานระหว่างพลังของผู้เล่นอายุน้อยและความกระตือรือร้น มองเห็นคุณค่าเหล่านี้ที่ได้รับการฟื้นฟูโดยชายคนหนึ่งที่ทำงานด้วยแนวคิดเช่นเดียวกับใน ซัลซ์บวร์ก
ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเกิดขึ้นเพราะเขาต้องโฟกัสไปที่การค้นพบความมั่นคงในการป้องกันอีกครั้ง ซึ่งหลังการจากไปของ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ และ อิบราอิม โกนาเต้ ใน 5 เกมแรกภายใต้ เทเดสโก้ เสียเฉลี่ย 1.8 ประตูต่อเกม ส่วนทีมยุคของ โรเซ่อ เสียเฉลี่ยเพียง 1.1 ประตูต่อเกม
อีกด้านหนึ่งของสนาม พวกเขายิงเฉลี่ย 2 ประตูต่อเกม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังการยิง 9 ประตูจาก 5 นัดแรก อย่างไรก็ตาม แอร์เบ ไลป์ซิก ทำประตูจากการเล่นเกมสวนกลับมากสุดอันดับ 2 ของบุนเดสลีกาจำนวน 9 ประตู ตามหลัง เลเวอร์คูเซ่น ที่ทำ 10 ประตูจากเกมโต้กลับ
คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู กองหน้าชาวฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในระบบของ โรเซ่อ และหากเขาไม่พลาดการลงเล่น 9 เกมเนื่องจากการบาดเจ็บ แนวรุกวัย 25 ปีมีโอกาสทำลายสถิติ 20 ประตูในซีซั่น 2021-2022 โดย เอ็นกุนกู ทำ 16 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ ก่อนจะคว้ารางวัลดาวซัลโวบุนเดสลีการ่วมกับ นิคลาส ฟึลครุก หัวหอกของ แวร์เดอร์ เบรเมน
เอ็นกุนกู ยังทำประตูและแอสซิสต์นำ แอร์เบ ไลป์ซิก สยบ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศของศึก เดเอฟเบ โพคาล คว้าแชมป์รายการนี้สองปีติดต่อกัน
โรเซ่อ และ แอร์เบ ไลป์ซิก ยังมีอีกหนึ่งสถิติที่ต้องกล่าวถึงและมันเป็นสถิติที่สร้างความหวั่นเกรงให้ทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่น 2023-2024
นับตั้งแต่ โรเซ่อ เข้ามากุมบังเหียนในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ไม่มีสโมสรใดเก็บคะแนนบนเวทีบุนเดสลีกามากไปกว่า แอร์เบ ไลป์ซิก หากลีกเมืองเบียร์เริ่มต้นตั้งแต่เกมที่ 6 ทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์จะคว้าถาดแชมป์ด้วยการมี 61 คะแนน มากกว่า บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่ 1 กับ 2 แต้มตามลำดับ
แอร์เบ ไลป์ซิก จะมีการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังหลายตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยคาดว่าทั้ง คอนราด ไลเมอร์, เอ็นกุนกู, อันเดร ซิลวา, ยุฟซุฟ โพลเซ่น หรือ ยอชโก้ กวาร์ดิโอล จะย้ายออกจากสโมสร แต่ทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์จะเติมเต็มช่องว่างได้ดีพอสำหรับการก้าวขึ้นมาท้าทายบัลลังก์แชมป์บุนเดสลีกาในซีซั่นหน้า
