โจทก์เก่าที่ไปฟัดยังแผ่นดินมะกัน
แต่ช้าก่อนบอลเล่นฝ่ายละ 11 คนดังนั้นไม่ใช่การดวลเดี่ยวของแค่สองเพลย์เมกเกอร์ดีกรีแชมป์ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ เพราะมีอีกหลายองค์ประกอบน่าสนใจ
ทางเว็บไซต์ ทรานส์เฟอร์มาร์เก็ต โหมโรงมาให้ดูกัน
“มันไม่ใช่แค่การสู้กันของ เมสซี่ ปะทะ มุลเลอร์” ดาราของ ไวต์แคปส์ อย่าง มุลเลอร์ เปิดปากไว้หลังจากทีมของเขาปราบ แซน ดีเอโก้ เอฟซี จนเป็นตัวแทน เวสต์เทิร์น คอนเฟอเรนซ์ ผ่านมาถึงนัดชิงชนะเลิศ

"มันคือ ไมอามี กับ ไวต์แคปส์”
“คู่แข่งอาจจะพึ่งพา เมสซี่ มากกว่าที่เราพึ่งพาผมเสียอีก เพราะเราเป็นทีมที่ดีมาก ผมพยายามรักษาความสามัคคี และพวกน้องๆในทีมก็ซาบซึ้งใจ”
“แต่คุณเห็นได้จากเกมในสนาม เราเล่นกันได้ดีทั้งรุกและรับ"
บทสัมภาษณ์ของแข้งดอยช์ทกลายเป็นไวรัล ซึ่งถึงแม้คำพูดของ มุลเลอร์ จะเป็นความจริง
รอบชิงชนะเลิศ เอ็มแอลเอส คัพ ครั้งที่ 30 ในประวัติศาสตร์ อาจเป็นเกมระหว่าง อินเตอร์ ไมอามี กับ แวนคูเวอร์ ไวต์แคปส์ แต่ความสนใจทั้งหมดจะมุ่งเน้นไปที่ เมสซี่ กับ มุลเลอร์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้จะพยายามไม่แย่งซีนของพวกพ้องรวมถึงแฟรนชไชส์
แต่แชมป์ฟุตบอลโลกวัย 36 ปีผู้นี้ก็ตระหนักดีว่าเขาและ เมสซี่ จะเป็นจุดขายหลักทางการตลาดหลักก่อนบอลเขี่ย ที่ เชส สเตเดี้ยม ของ อินเตอร์ ไมอามี ใน ฟอร์ต ลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา
“ผมคิดว่าเมื่อมีการเปรียบมวยที่สมน้ำสมเนื้อของผู้เล่น 2 คนในนัดชิงฯ ภายนอกจะจับตามองเป็นพิเศษ และหากมีคนดูมากขึ้น มูลค่าของนักเตะ, ทีม และแฟรนไชส์ก็จะเพิ่มขึ้นมาก” มุลเลอร์ กล่าวเสริม
“มันเป็นรอบชิงชนะเลิศของ เอ็มแอลเอส คัพ”
“ยิ่งถ้ามีนักเตะดังๆ เป็นที่รู้จักมาก่อน มันก็น่าตื่นเต้นสำหรับวงการฟุตบอลโดยรวมมากกว่า”

“เป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
ผ่านการเล่นนัดชิงฯมาหลายเวทีทั้งสโมสรและทีมชาติ แต่ มุลเลอร์ ยังให้เกียรติงานตรงหน้าเป็นแมตช์สำคัญสุด ไม่เปรียบเทียบอดีตทั้งกับ บาเยิร์น มิวนิค หรือทีมชาติเยอรมัน
“ปัจจุบันสำหรับผมยกให้ เอ็มแอลเอส คัพ เป็นอันดับแรก เพราะมันเป็นรอบชิงชนะเลิศเดียวที่เรากำลังพูดถึง”
“ รอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผม”
หนึ่งในเกมชิงฯที่น่าจดจำสำหรับแฟนบอลทั่วโลกซึ่ง มุลเลอร์ มีเอี่ยวในทศวรรษ 2010 คงเป็นชิงฯ เวิลด์ คัพ 2014 ที่พบกับ อาร์เจนตินา ของ เมสซี่
ผลปรากฏว่า มุลเลอร์ คว้าชัยชนะในเกมนั้นได้
เหมือนเฮด-ทู-เฮดที่เขาเคยเจอมาหลายครั้งตลอดอาชีพของเขา
ทั้งคู่เคยเผชิญหน้ากันบนสนามมาแล้วถึง 10 ครั้ง ผลปรากฏว่า มุลเลอร์ ชนะถึง 7 หน
เกมเด่นๆก็เช่นชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2014 (ชนะ 1-0) , ช่วย บาเยิร์น ชนะ 8-2 ในรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีกปี 2020
โธมัส กับ ‘เสือใต้’ ยังเคยถล่ม ‘บาร์ซ่า’ในรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2012-13 เป็นผล 4-0 ในเลกแรก, จากนั้น เมสซี่ ก็ไม่ได้ลงเล่นในเลกสอง ซึ่ง บาเยิร์น ชนะ 3-0 ที่คัมป์นู คว้าชัยชนะรวม 7-0
แล้วต่อยอดถึงแชมป์เมื่อเชือด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-1
แม้สถิติการพบกันเองเป็นรอง แต่ เมสซี่ มองเป็นความท้าทายที่จะคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอกบั้นปลายอาชีพ
“เป็นเรื่องดีที่รอบชิงชนะเลิศนี้เกิดขึ้น และเราจะได้เจอกันอีกครั้ง” เมสซี่ กล่าว
“เราเคยเจอกับ แวนคูเวอร์ มาแล้วรู้ว่าพวกเขาเป็นทีมแบบไหน”
“ ที่จริงพวกเขาเอาชนะเราได้ใน คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ คัพ (รอบรองฯ เหย้า-เยือน)”
แม้จะพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ คัพ (แพ้ ครูซ อาซูล 0-5) แต่ ไวต์แคปส์ ถือว่าฟอร์มการเล่นในการแข่งขันระดับทวีปสอบผ่าน
เห็นจากการเดินทางไปเยือน ไมอามี และกรุงเม็กซิโก ซิตี้สองครั้ง

ครั้งแรกคือการพบกับ พูมาส และครั้งที่สองในรอบชิงชนะเลิศ
ซึ่งทีมนี้ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างฤดูกาลปกติเมเจอร์ ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐฯ จนนำไปสู่เส้นทางสู่เพลย์ออฟของ เอ็มแอลเอส คัพ
การได้ มุลเลอร์ มาร่วมทีม ซึ่งทุ่มเทอย่างเต็มที่ไม่เพียงแต่นำทีมเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังเป็นตัวแทนของ แวนคูเวอร์ ทั้งในและนอกสนาม
ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญในการผลักดันทีมนี้ให้ก้าวไปข้างหน้า
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้แล้ว จะเห็นความแตกต่างระหว่างสองทีมนัดชิงฯได้ชัดเจน
ทีมหนึ่งพึ่งพา เมสซี่ เป็นหลัก ส่วนอีกทีมหนึ่งเป็นกลุ่มทีมที่มีลักษณะเฉพาะตัวผนวกเข้ากับซูเปอร์สตาร์ระดับโลก
นี่คือเรื่องราวที่เฮดโค้ช ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ของ ‘เดอะ ฮีโรนส์’ ต้องพิสูจน์กึ๋น
“ผมไม่ชอบพูดถึงนักเตะเพียงคนใดคนหนึ่ง เพราะพวกเขามีนักเตะเก่งๆล้นทีม” อดีตกองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาเปิดปาก
“แต่เราก็มีเครื่องมือที่จะทำให้เกมของเราดีขึ้น”
ระหว่างรอบเพลย์ออฟ อินเตอร์ ไมอามี หมือนจะมีความสมดุลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การที่ หลุยส์ ซัวเรซ ลดบทบาทเป็นสำรอง และ ตาเดโอ อาเยนเด้ ผู้ทำประตูสูงสุดในรอบเพลย์ออฟ เอ็มแอลเอส ที่ 8 ประตู ได้ลงเล่นเป็นกองหน้าร่วมกับ เมสซี่ ที่สร้างสรรค์เกมบุกอย่างอิสระ
ทำให้แดนหน้า ‘เดอะ ฮีโรนส์’ มีความอันตรายมากขึ้น
การได้ โรดรีโก้ เด ปอล มาเสริมทัพ ทำให้แดนกลางมีความมั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้น
มันจะเป็นความท้าทายที่น่าสนใจสำหรับตัวรับสองคนของไวต์แคปส์ อย่าง อันเดรส กูบาส และ เซบาสเตียน เบอร์ฮัลเตอร์
รวมถึง ทริสแทน แบล็คมอน ที่กลับมาลงสนามอีกครั้ง
สุดท้าย ในส่วนของเกมรับนายด่าน ร็อกโก้ รีออส โนโว ได้อัปเกรดให้หลังบ้าน อินเตอร์ ไมอามี อุ่นใจขึ้นเพราะยึดตัวจริงแทนจอมเก๋า ออสการ์ อุสตารี
สามารถพูดได้ว่านัดชิงชนะเลิศครั้งนี้มีอะไรมากกว่าแค่การดวลกับ เมสซี่ กับ มุลเลอร์
มันคือแมตช์ชิงชนะเลิศของสองทีมที่มีความสมดุลมากที่สุด
ซึ่งรวมตัวกันเพื่อโอบล้อมซูเปอร์สตาร์ระดับโลก
นี่เป็นสิ่งที่ติดว่าบั้นปลายแล้ว การดวลอีกครั้งของตำนานลูกหนังโลกอย่าง เมสซี่ กับ มุลเลอร์ จะจบลงอย่างไร

