"ซุปเปอร์เล็ก ซุปเปอร์เล็กมวยไทย" แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) และผู้ท้าชิงอันดับ 5 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) จากบุรีรัมย์ เตรียมงัดลูกเล่ห์เหลี่ยมออกมาสร้างความปั่นป่วนเล่นงาน "ยูกิ โยซะ" คู่ชกจอมสาดแข้งจากญี่ปุ่น ในการสู้กันภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ในศึกใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. 68 ณ สนามอาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มเวลา 11.00 น.
ไฟต์ล่าสุดในศึก ONE 172 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา “ซุปเปอร์เล็ก” ซึ่งเดิมทีมีสถานะเป็นแชมป์โลก ONE 2 รุ่น 2 กติกา ต้องเผชิญความผิดหวังครั้งใหญ่หลังพลาดท่าทำเข็มขัด ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต หล่นบนตาชั่ง ก่อนจะถูก “นาบิล อานาน” คู่ปรับร่างโย่งไล่ถล่มเอาชนะคะแนนเอกฉันท์ไปแบบช็อกแฟนมวยทั่วโลก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเผชิญหน้ากับความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามาในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของ “ซุปเปอร์เล็ก” ไม่น้อย ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดอกเล่าถึงสาเหตุการตัดสินใจพักเบรกขึ้นสังเวียนชั่วคราว ก่อนจะหวนกลับมาโชว์ฝีมือในรอบกว่า 8 เดือนให้ทุกคนหายคิดถึง
“หลังชกกับ นาบิล ผมรู้ทันทีว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ผมคงสู้ใครไม่ได้แน่ ทั้งสภาพร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บ และจิตใจที่ยังไม่พร้อม เพราะผมชกมาตลอดแทบไม่เคยได้พักเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจหยุดพักเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและทำกายภาพต่อเนื่องอยู่ราว 3 เดือน ก่อนจะค่อย ๆ กลับมาซ้อมเพื่อฟื้นฟูร่างกายอีกครั้ง”
“การกลับมาครั้งนี้ ผมได้แรงบันดาลใจและกำลังใจเยอะมาก ทั้งจากแฟนคลับเวลาไปต่างประเทศ รวมถึงครอบครัว และมีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนแทบจะพูดกับผมเหมือนกันคือ ‘คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ใครเห็นแล้ว คุณคือที่ 1 คุณคือตำนาน’ แต่ผมยังอยากกลับมาชก เพราะอยากทำให้ทุกคนเห็นว่าผมสามารถกลับมาได้”
“อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจกลับมาชกไฟต์นี้ เพราะผมจะได้ชกกับ ยูกิ ซึ่งเป็นนักชกซูเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่นอีกครั้ง อีกทั้งในวันที่ผมชนะ ทาเครุ เขาก็โพสต์อินสตาแกรมบอกว่าอยากชกกับผมด้วย”
สำหรับคู่ชกอย่าง“ยูกิ” มีดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์โลก K-1 รุ่นไลต์เวต 62.5 กก. โดยเซ็นสัญญากับ ONE เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดตัวสุดอลังการด้วยการโชว์เพลงแข้งไล่หวดเอาชนะคะแนนเอกฉันท์เหนือ 2 ยอดฝีมืออย่าง “เอลบรุส ออสมานอฟ” จากรัสเซีย และอดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต และผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของแรงกิงคนปัจจุบัน “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” ในไฟต์ล่าสุด ในศึก ONE ลุมพินี 116 เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา“ซุปเปอร์เล็ก” ยืนยันได้ศึกษาเกมการชกของ “ยูกิ” ทั้ง 2 ไฟต์เป็นอย่างดี พร้อมการันตีไร้ซึ่งความกังวลใจต่อท่าไม้ตายของ “ยูกิ” อย่างลูก Calf Kick (คาล์ฟคิก หมายถึงการเตะเจาะยางบริเวณน่อง) เพราะได้วางแผนแก้ทางในแบบฉบับของตนมาเป็นที่เรียบร้อย
“จากที่ดู ยูกิ ชกใน ONE มา 2 ไฟต์ เขาเป็นมวยที่มีความทนทาน ออกอาวุธต่อเนื่อง ถึงจะไม่หลากหลายมาก แต่ก็มีความขยันในการออกอาวุธจนทำให้คู่ต่อสู้ต้องพะวง และต้องยอมรับว่าเขาทำผลงานได้ดีในการชกกติกาคิกบ็อกซิ่งที่ถนัด”
“คาล์ฟคิกเป็นลูกที่ผมเคยโดนหลายครั้งสมัยขึ้นชกที่ญี่ปุ่น ถามว่าเจ็บไหม ก็เจ็บครับ แต่ทั้งหมดขึ้นกับแผนการของผมในวันนั้นว่าจะจัดการอย่างไร หลายคนแนะนำให้ผมซ้อมคาล์ฟคิกแบบญี่ปุ่น แต่นั่นไม่ใช่สไตล์ของผม เพราะผมมีรูปแบบการเตะเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับที่ ยูกิ ก็มีเทคนิคเฉพาะของเขา”
“เกมนี้จะไม่ได้มีแค่การเตะขา เพราะผมเตรียมแผนไว้พร้อม และคาดว่าคู่ชกก็มีทีเด็ดของเขาเช่นกัน ถ้าเขาเตะมา ผมก็พร้อมตอบโต้กลับทันทีครับ”
โดย “ซุปเปอร์เล็ก” ที่ในอดีตเคยทำแสบบุกไปป้องกันเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ด้วยการไล่ถล่มเอาชนะคะแนนเอกฉันท์เหนือซูเปอร์สตาร์เพื่อนร่วมทีมร่วมทีมบาชิเลอุสึยิม (Vasileus) ของ “ยูกิ” อย่าง “ทาเครุ เซกาวา” ในศึก ONE 165 ที่สนามอาริอาเกะ อารีนา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือน ม.ค. 67 ได้แสดงความเชื่อมั่นในเหลี่ยมมวยและไหวพริบของตนว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้สามารถบุกมาเก็บชัยชนะเหนือ “ยูกิ” ที่สนามแห่งนี้ได้อีกครั้ง
“ผมไม่ใช่มวยหน้าเดียวที่จะมีแค่เตะขาต่อยหมัด เกมวันนั้นผมอาจไม่เลือกไปแลกตรง ๆ แต่จะเล่นเกมให้ ยูกิ หงุดหงิดแทน เพราะผมมีแผนของผมอยู่แล้ว ผมรู้ว่าแนวทางของเขาว่าจะเตะในรูปแบบไหน ผมอาจจะไม่ถึกเท่าเขา แต่ผมมีลูกแก้ มีลูกเล่ห์เหลี่ยมบนเวทีที่จะทำให้เขาหัวเสียจนชกผิดแผนไปเอง”
“ผมชอบมวยสไตล์เดินเข้าหา และเชื่อว่าไฟต์นี้ผมผ่านได้ ถ้ารักษาระยะและกดดันได้ตามแผน ผมชอบมวยสไตล์เดินเข้าหา และเชื่อว่าไฟต์นี้ผมผ่านได้ ถ้ารักษาระยะและกดดันได้ตามแผน ยูกิ อาจเป็นซูเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่นรายที่ 2 ที่แพ้ผมในบ้านเกิด และไม่แน่อาจจบด้วยน็อกก็ได้ครับ”
