ความหวังจากต่างแดน
เจดอน ซานโช่ กับ รีสส์ เนลสัน คืออีก 2 ดาวรุ่งที่กำลังต้องเจอกับความท้าทายนี้ พวกเขาจะก้าวไปได้ไกลแค่ไหนจากจุดเริ่มต้นในตอนนี้ที่ถือว่าไม่ธรรมดากับผลงานที่แสดงออกมา
ความน่าสนใจอีกอย่างคือ ทั้งคู่ต่างเลือกเส้นทางในการพิสูจน์ตัวเองที่ต่างแดนซึ่งต้องเจอความยากลำบากทั้งในและนอกสนาม
ซานโช่ ปฏิเสธสัญญาใหม่ที่แมนฯ ซิตี้ ก่อนเลือกย้ายร่วมทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่ในบุนเดสลีกาด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ 2017 ด้วยเหตุผลสำคัญคือลงเล่นชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอ
''ผมรู้ว่าผมพร้อมสำหรับการเล่นอีกระดับ และรู้สึกว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือสโมสรชั้นยอดที่น่าร่วมทีมและพัฒนาอาชีพค้าแข้งของผม'' ซานโช่ กล่าว
''มันทำให้การเล่นของผมขึ้นไปสู่ระดับที่แตกต่างออกไป และเป็นเพียงเพราะว่าผมได้ลงเล่นและได้โอกาสที่แสดงให้โลกเห็นว่าผมสามารถทำอะไรได้ในสนาม''
ซานโช่ ได้โอกาสอย่างที่ต้องการก่อนยกระดับกลายเป็นหัวใจสำคัญเต็มตัวในฤดูกาลนี้ที่ช่วยให้ทัพ ''เสือเหลือง'' ครองจ่าฝูงบุนเดสลีกาอย่างยอดเยี่ยม และแอสซิสต์ไปแล้ว 6 ประตู มากกว่าทุกคนในลีก
รางวัลแข้งยอดเยี่ยมบุนเดสลีกาในเดือนล่าสุดคือสิ่งรับประกันคุณภาพชั้นดี และช่วยยืนยันการตัดสินใจของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่กล้าเรียกดาวรุ่งวัยเพียง 18 ปี คนนี้ติดทีมชาติชุดใหญ่
ขณะที่เนลสันก็อำลาอาร์เซน่อลชั่วคราวไปเล่นให้ฮอฟเฟ่นไฮม์ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาล ก่อนเริ่มต้นชีวิตใหม่ในลีกเมืองเบียร์ได้น่าตื่นตาตื่นใจด้วยการยิงไป 6 ประตู จาก 7 นัดในลีกจนซิวตำแหน่งรุกกี้ยอดเยี่ยมประจำเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน
''สำหรับผม ผมต้องการเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมอายุ 18 ปี และคิดว่าการไปลุยบุนเดสลีกาจะเป็นสิ่งท้าทายและก็อาจทำให้เป็นนักฟุตบอลที่ดีกว่าเดิม รวมถึงเป็นคนที่ดีขึ้นเช่นกัน''
เนลสัน และ ซานโช่ เคยเล่นฟุตบอลด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
''ผมต้องการท้าทายตัวเองเพื่อดูว่าทำอะไรได้ และจนถึงตอนนี้ก็ไปได้สวยทีเดียว มันเหลือเชื่อนะ แต่ผมเพียงรักษาผลงานให้ได้ต่อไป มันไม่ใช่แค่ 6 นัด แต่ต้องทำให้ได้ตลอดฤดูกาล ผมไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร ผมก็เพียงมุ่งมั่นตั้งใจ''
ทำไมดาวรุ่งวัยเพียง 18 ปีอย่างทั้งสองถึงเลือกความท้าทายที่ไกลบ้านไกลเมืองแบบนี้?
''หากว่าสโมสรในอังกฤษไม่ได้เปิดโอกาสให้ การไปเล่นต่างแดนก็อีกทางเลือก พวกเขาพร้อมเปิดโอกาสเสมอ และดูที่ความสามารถเท่านั้น หากว่ามีดีพอก็จะได้โอกาสแน่ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก'' ซานโช่ กล่าว
''บุนเดสลีกาเป็นแบบนี้ พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเด็กต่อให้อายุน้อยก็ตาม พวกเขาจะไม่ส่งลงเล่นหากไม่ได้เชื่อมั่นในความสามารถจริงๆ''
''ผมไม่ได้บอกว่าสโมสรอังกฤษไม่เชื่อมั่นในความสามารถของเด็กอังกฤษนะ ผมเพียงคิดว่าสโมสรบุนเดสลีกากล้าให้โอกาสมากกว่า''
เจดอน ซานโช่ ทำผลงานเปรี้ยงปร้างสุดให้ดอร์ทมุนด์
ขณะที่ เนลสัน เสริมต่อว่า ''ผมคงต้องบอกว่า ซานช์เป็นผู้เริ่มต้น ผมโทร.หาเขาทุกวัน และเขาก็บอกว่าเราต่างสร้างแนวทางนี้ขึ้นมาเพื่อให้ดาวรุ่งอายุน้อยได้ออกมาลุยต่างแดน''
''ผมรู้จักนักเตะดาวรุ่งๆ เจ๋งในอังกฤษหลายคน และพวกเขาก็ถามเสมอว่า ชีวิตในเยอรมันเป็นอย่างไรบ้าง แล้วบุนเดสลีกาล่ะ? ผมก็เพียงบอกว่า มันเยี่ยมเลย พวกเขาเชื่อมั่นในนักเตะหนุ่ม นั่นคือสิ่งสำคัญ การได้รับความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญในการเล่นฟุตบอล''
''มันอาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับอังกฤษ หากว่าผู้เล่นดาวรุ่งออกไปต่างแดนกันหมด แต่ในระดับการพัฒนาส่วนตัว ผมคิดว่ามันเยี่ยมสำหรับผู้เล่นอายุน้อยที่จะได้ลงเล่นและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง''
ซานโช่ พูดถึงความเป็นอยู่ในเมืองใหญ่อย่างดอร์ทมุนด์ว่า ''ผมชอบนะ ผมลงหลักปักฐานได้แล้วตอนนี้ ผมเลือกอะพาร์ตเมนต์และก็ชอบที่นี่ด้วย'
ส่วน "ไฮเดลเบิร์ก" ที่เนลสันอาศัยอยู่มีความสงบมากกว่า ''เมืองนี้เจ๋งอยู่ ผมออกไปเดินเล่น ไปเรียนภาษา คือทุกอย่างโอเคมากในตอนนี้''
''พ่อของผมมาอยู่ที่นี่ด้วยในตอนนี้ เขามาคอยดูแล ผมได้พ่อครัวประจำด้วยนะ สโมสรแนะนำให้ เขาช่วยผมได้เยอะเลย ดูแลผมให้มีสุขภาพและรูปร่างที่ดี''
''มีนักเตะต่างชาติหลายคนในห้องแต่งตัว ดังนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติและเป็นเรื่องดีที่ได้อยู่ร่วมกับทุกคน เรามีหลากหลายวัฒนธรรมและได้เรียนรู้ในภาษาอื่นๆ''
"(ฮอฟเฟ่นไฮม์) เป็นหมู่บ้านที่เล็กๆ ผมให้แม่และพี่ชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน พวกเขาออกมาตระเวนในไฮเดลเบิร์กและทั้งคู่ก็บอกกับผมว่าชอบมาก มันดีสำหรับผมนะ''
เจดอน ซานโช่ เพิ่งช่วยให้อังกฤษแซงชนะโครเอเชียในนัดล่าสุด
''ผมพูดเยอรมันได้นิดหน่อย ผมมีคลาสเรียนภาษาเยอรมันและตอนนี้กำลังโอเคเลย เพื่อนๆ ในห้องมีอำที่ผมพูดบ้าง"
เนลสัน กับ ซานโช่ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลของกันและกันแต่เรียกได้ว่าเป็น "เพื่อนแท้" ที่รู้จักกันมานานและเล่นฟุตบอลมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เล่นให้ทีมเซาธ์วาร์คที่คว้าแชมป์รุ่น ยู-11 ในลอนดอน ยูธ เกมส์ เมื่อปี 2011
''ผมชอบเขา และเขาก็ชอบผม เราต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากว่าผมทำได้ดีในเกมสุดสัปดาห์ ผมคิดว่าก็จะส่งผลต่อเขาด้วย มันเป็นสิ่งกระตุ้นเราทั้งคู่ ผมอยากเห็นรีสส์ทำได้ดี และผมก็มั่นใจว่าเขาก็อยากเห็นทำได้ดีเช่นกัน นั่นเป็นเรื่องเยี่ยม'' ซานโช่ กล่าวถึง เนลสัน
''เรามีกลุ่มแชต ก็จะมีผม, ซานช์ (ชื่อเล่นซานโช่) และอีก 2 คน'' เนลสันอธิบายถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของเพื่อน
''มันไม่ใช่การแข่งขันระหว่างผมและเจดอน....แต่ประมาณว่า ''ซานช์แอสซิสต์อีกแล้ว'' แล้วก็มีอิโมจิส่งมา จากนั้นก็แบบ ''รีสส์ นายจะทำยังไงวันนี้?''
''เราส่งข้อความหากันทุกวัน และหากเขามีเกมลงสนามก่อนผมหนึ่งวัน ผมก็บอกว่า ซานช์ นายรู้นะว่าต้องทำอะไรวันนี้ เอาหน่อยเพื่อน โชว์ออกมาเลยว่านายเจ๋งแค่ไหน''
''เขาก็บอกผมในแบบเดียวกัน มันเป็นความสัมพันธ์ที่พร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน เรากระตุ้นกันและกัน และไม่คิดว่าจะต้องชิงดีชิงเด่น มันไม่มีทางเกิดขึ้นสำหรับผม'' เนลสัน กล่าว
ซานโช่พยักหน้าเห็นด้วย ''ผมและรีสส์โตมาด้วยกัน เล่นฟุตบอลด้วยกันตอนที่ยังอายุน้อยกว่านี้ เราผูกพันกันมาก''
ฟอร์มอันร้อนแรงของ เจดอน ซานโช่ ทำให้มีชื่อในทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ ตั้งแต่เดือนตุลาคม และได้ลงสำรองในเกมกับโครเอเชีย
ล่าสุดเพิ่งเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับสหรัฐฯ ที่เป็นนัดอำลาทีมชาติของ เวย์น รูนี่ย์ รวมถึงโชว์ผลงานในนัดสำคัญที่ช่วยให้ทัพสิงโตคำรามแซงชนะโครเอเชียอย่างสะใจจนซิวแชมป์กลุ่มเนชั่นส์ ลีก และทะลุเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายในซัมเมอร์หน้า
รีสส์ เนลสัน แจ้งเกิดได้รวดเร็วในเวทีบุนเดสลีกา
''ผมรู้สึกเพียงว่าลงไปทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น ผมไม่ได้มองตัวเองว่าจะก้าวเป็นดาวดวงใหม่อะไรขนาดนั้น ผมเพียงอยากลงเล่นเพราะเป็นสิ่งที่ผมรัก ตอนนี้ผมขอโฟกัสแต่ละฤดูกาลไปก่อน ดูกันนัดต่อนัด ผมไม่สามารถบอกเรื่องอนาคตได้หรอก''
''ส่วนในนามทีมชาติ ผมหวังที่จะถูกเรียกติดทีมให้มากขึ้น ซึ่งมันจะเป็นสิ่งยอดเยี่ยมสำหรับผมและครอบครัว ผมเพียงทำงานให้หนักต่อไป เพราะเราไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น''
ส่วนเนลสันที่ต่อสัญญายาวในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก่อนถูกส่งไปเก็บเลเวลในเยอรมัน มีภาพชัดเจนมากกว่าเมื่อพูดถึงเรื่องอนาคต
''อาร์เซน่อลคือทีมโปรดในวัยเด็กของผม ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ถึงตอนนี้ก็ 10 ปีแล้ว' เมื่อถึงวันที่กลับสโมสร ผมอยากแข็งแกร่งมากขึ้นเพราะตอนช่วงอายุ 16, 17 ปี ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ คือไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเติบโตขึ้น''
''ผมคิดว่าในอีก 2 เดือน หรืออาจหนึ่งปีที่ฮอฟเฟ่นไฮม์จะทำให้ผมแข็งแกร่งอย่างที่ต้องการ และมีความเชื่อในการกลับมาอาร์เซน่อล และทำผลงานที่ดีได้''
''ผมต้องการเป็นตำนานอาร์เซน่อล เช่นเดียวกับทีมชาติอังกฤษ มันคือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เล่นให้ทีมชาติ''
คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ อนาคตก็อย่างที่ซานโช่บอก ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากมุ่งมั่นและตั้งใจ ไม่ละทิ้งความฝัน ก็สามารถขีดเขียนเส้นทางของตัวเองได้เช่นกัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT