บทสรุปโซนยุโรป
กลุ่ม เอ : ตราไก่เข้าป้าย
ฝรั่งเศส ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ เหนือกว่าทีมแกร่งร่วมกลุ่มทั้ง ฮอลแลนด์ และสวีเดน ทว่าต้องลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ มีบางนัดที่เล่นไม่ได้น่าประทับใจ (เสมอ ลักเซมเบิร์ก 0-0 ในบ้าน) ซึ่งนี่คือการบ้านข้อใหญ่ที่กุนซือคนดังต้องรีบแก้ไขก่อนเดินหน้าสู่รอบสุดท้าย
สวีเดน หักกับ ฮอลแลนด์ในนัดสุดท้าย แต่กุมความได้เปรียบอื้อซ่าจากประตูได้-เสียที่ตุนไว้เพียบ ทัพกังหัดฮึดสุดแรงได้แค่สกอร์ 2-0 ไม่มีปาฏิหาริย์ชนะ 7 ลูกอย่างต้องการ ทำให้พลาดทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 2 รายการติดทั้งที่เพิ่งอกหักไม่ได้ไปเล่นยูโร 2016
กลุ่ม บี : โปรตุเกสแซงเข้าป้าย
โปรแกรมรอบคัดเลือก 10 นัด แต่เหมือนกลุ่มนี้วัดกันแค่การเจอกันเอง 2 นัดของ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งนัดแรกทัพนาฬิกาชิงความได้เปรียบเก็บชัยชนะได้ก่อนในช่วงฝอยทองเพิ่งสร่างจากปาร์ตี้ฉลองแชมป์ยูโร 2016 และไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่บาดเจ็บ
ทว่าที่เหลืออีก 8 นัด ทั้งสองทีมเก็บชัยชนะได้เรียบวุธทำให้การเจอกันนัดสุดท้าย โปรตุเกส ต้องเอาชนะคืนให้ได้เพื่อคว้าแชมป์กลุ่มเพราะในระหว่างทางที่ไล่ตบเด็ก สามารถตุนได้ประตูได้-เสียเอาไว้ดีกว่า และพวกเขาก็ทำให้สำเร็จในชัยชนะ 2-0 ปาดหน้าเข้ารอบสุดท้าย
น่าเซ็งแทนสวิตเซอร์แลนด์ที่อุตส่าห์ชนะ 9 นัดแรก พอพลาดท่านัดสุดท้ายหลุดเป็นที่ 2 เลย และเมื่อเข้าสู่เพลย์ออฟก็ต้องบอกว่า "ลูกผี-ลูกคน" มีโอกาสทั้ง "เข้ารอบ" และ "ตกรอบ"
กลุ่ม ซี : ยี่ห้อ 'อินทรีเหล็ก'
ไม่มีอะไรพลิกโผ ไม่มีอะไรผิดคาด มาตรฐานของเยอรมันในรอบคัดเลือกคือสิ่งที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ลูกทีมของ โยอัคคิม เลิฟ ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยชัยชนะ 10 นัดรวด คู่ควรและสมศักดิ์ศรีทีมแชมป์เก่า
ไอร์แลนด์เหนือ ทำได้ดีอย่างที่สุดแล้วกับการติดอันดับ 2 และได้ลุ้นอีกรอบในช่วงเพลย์ออฟ เป็นการต่อยอดผลงานจากยูโร 2016 ที่สร้างความสุขมากมายให้กับแฟนบอล
กลุ่ม ดี : ขาดเบลเวลส์ขาดใจ
เซอร์เบีย คว้าตำแหน่งแชมป์ไปครองเมื่อเป็นทีมนำเกือบตลอดเส้นทาง ทว่าไฮไลต์คือการแย่งกันเข้ารอบระหว่างทีมบ้านใกล้เรือนเคียง "เวลส์-ไอร์แลนด์"
คะแนนสองทีมนี้สูสี เบียดไหล่ต่อไหล่มาหลายเดือน ก่อนมาชี้ชะตาในนัดสุดท้าย เวลส์ ได้เล่นในบ้านทว่าไม่มี แกเร็ธ เบล ที่บาดเจ็บ และนั่นส่งผลชัดเจนถึงเกมรุกที่ไม่ได้คุกคามยักษ์เขียวอย่างที่ควรจะเป็นก่อนสุดท้ายเป็นทัพนักเตะไอริชปล่อยหมัดน็อกใส่มังกรแดงจนสิ้นฤทธิ์คารัง และเป็นฝ่ายเดินหน้าสู่รอบเพลย์ออฟอย่างสะใจ
กลุ่ม อี : มี 'เลวาน' อยู่ทั้งคน
หาก แกเร็ธ เบล คือทุกสิ่งทุกอย่างของเวลส์ สถานะของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับโปแลนด์ ก็คงไม่ต่างกัน และผลงาน 16 ประตูในรอบคัดเลือกซึ่งกลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดของยุโรปก็บ่งบอกชัดเจนถึงความสำคัญของดาวยิงจากค่ายบาเยิร์น มิวนิค
มีเพียงนัดเดียวที่เสียท่าเดนมาร์กแบบงงแตก 0-4 ที่เหลือ ทัพโปลเล่นได้ตามมาตรฐานและคุณภาพที่ยกระดับขึ้นมาในหลายปีหลัง ขณะที่ฟอร์มการถลุ่มประตูของ "เลวาน" ก็คือข้อแตกต่างที่ทำให้ "โคนม" ไม่สามารถไล่ทันได้เสียที
กลุ่ม เอฟ : สิงโตมาตามนัด
ทีมชาติอังกฤษอยู่ในกลุ่มที่ไม่ง่ายนักมีทั้ง สโลวาเกีย, สโลวีเนีย และไม้เบื่อไม้เมาอย่าง สกอตแลนด์ แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต (บวกแซม อัลลาร์ไดซ์อีก 1 นัด) ก็พาทีมคว้าแชมป์กลุ่มและตีตั๋วรอบสุดท้ายได้สำเร็จ
อันที่จริงรอบคัดเลือกของทัพสิงโตไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจแต่อย่างใด เพราะปัญหาใหญ่อยู่ที่รอบสุดท้ายมากกว่าเพราะขยันทำงามหน้าเหลือเกิน
สโลวาเกีย ยันเสมอสกอตต์ 2-2 ในสุดท้ายและเข้ารอบอันดับ 2 ทว่าโชคร้ายเป็นอันดับ 2 ที่ผลงานแย่สุด ทำให้พลาดตั๋วเพลย์ออฟอย่างน่าเจ็บใจ
กลุ่ม จี : กระทิงขวิดเลี่ยนไส้แตก
พลันที่ผลการจับสลากออกมา ทุกคนก็คาดเดาตรงกันว่า เกมระหว่าง สเปน กับ อิตาลี จะเป็นการชิงแชมป์กลุ่มโดยตรงเพราะคู่อื่นคงทำได้เพียงเป็นไม้ประดับ เหมือนเป็นคู่ซ้อมก่อนคู่เอกขึ้นเวที
นัดแรกยังกินกันไม่ลง แต่นัดสองที่สเปนเหมือนหนังคนละม้วน ทัพกระทิงเหนือกว่าทุกกระบวนท่าและไล่ขวิดอัซซูร์รี่ไส้แตก 3-0 แทบการันตีอันดับ 1 ในทันที แถมยังทำให้เลี่ยนเหมือนเมาหมัดได้เพียงเสมอมาซิโดเนีย 1-1 ในบ้านจนสุดท้ายจบโปรแกรมด้วยการตามหลังสเปนถึง 5 คะแนน
กลุ่ม เอช : เบลเยียมสมราคา
ผลงานชนะ 9 นัด เสมออีก 1 นัด เป็นฟอร์มการเล่นที่ดุดันทีเดียวของเบลเยียมยุค "โกลเด้น เจเนอเรชั่น" ทั้งที่มีคู่แข่งอย่าง บอสเนียฯ และ กรีซ คอยขัดแข้งขัดขา ทว่า 'ปีศาจแดงแห่งยุโรป' ยังแกร่งพอที่จะใส่ชื่อตัวเองเป็นชาติแรกของยุโรปที่เข้ารอบสุดท้ายได้
ความหวังของบอสเนียฯ ในการลุ้นติดอันดับ 2 แทบจบลงในวันพ่ายคาบ้านต่อเบลเยียมที่เข้ารอบไปแล้ว ทำให้นัดสุดท้ายเข้าทาง กรีซ ที่ไล่ตบยิบรอลตาร์ไม่ยากเย็น และรักษาอันดับ 2 ของตัวเองเหนียวแน่น ก่อนซิวโควตาตั๋วเพลย์ออฟสำเร็จ ทว่าขุนพลจากเทือกเขาน้ำแข็งก็เยือกเย็นพอที่จะผ่านได้
กลุ่ม ไอ : ขาขึ้นของไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ สร้างประวัติศาสตร์อันเหลือเชื่อให้กับวงการลูกหนังเพราะนอกจากจะได้ลุยฟุตบอลโลกครั้งแรกแล้ว ยังเป็นชาติแรกที่มีประชากรไม่ถึง 1 ล้าน นี่คือความสำเร็จที่เหลือเชื่อมากกับประเทศที่มีคนอาศัยเพียงสามแสนเศษ
นี่เป็นการตอกย้ำว่าผลงานในยูโร 2016 ที่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก และรอบนี้ก็เจอของแข็งทั้ง โครเอเชีย, ยูเครน และตุรกี
เพลย์ออฟ : สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี, เดนมาร์ก, โครเอเชีย, สวีเดน, ไอร์แลนด์เหนือ, กรีซ, ไอร์แลนด์ (จับสลากวันอังคารที่ 17 ต.ค.นี้ ส่วนโปรแกรมแข่งวางไว้เลกแรก 9-11 พ.ย. เลกสอง 12-14 พ.ย.