เรื่องราวลูกหนังกับ "ซาดิโอ มาเน่" (ตอนจบ)
โดยตอนนี้ เขาจะมาบอกเล่าถึงสิ่งที่เขารักอย่างทีมชาติเซเนกัล และสโมสรลิเวอร์พูล ว่าทั้งสองอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มีความหมายต่อตัวเขาอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ เขายังเล่าถึงชีวิตนอกสนามฟุตบอลให้ฟังกัน ซึ่งบางเรื่องราว หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปอ่านบทสัมภาษณ์ของเขากันต่อเลย
คุณผ่านการลงเล่นให้กับทีมชาติเซเนกัล มากกว่า 50 เกมแล้ว มันมีความหมายสำหรับคุณมากน้อยแค่ไหน ?
"นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมก้าวมาเป็นนักฟุตบอล เพราะผมอยากเป็นตัวแทนของประเทศ เมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมดูทีมชาติลงเล่นเสมอมา โดยตอนนั้น นักเตะอย่างเอล ฮัดจิ ดิยุฟ ก็เล่นอยู่ด้วย คุณจำเป็นต้องหาสโมสรเล่น เพื่อโอกาสในการก้าวมาติดทีมชาติ ผมภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เล่นให้กับทีมชาติเซเนกัล”
พูดถึงทีมชาติเซเนกัล คุณมีโอกาสได้ร่วมงานกับนิว บาลานซ์ ที่ออกแบบรองเท้าสตั๊ดที่เป๋นลวดลายของเซเกนกัล ด้วยนะ ?
"ผมภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเซเนกัล ผมขอขอบคุณนิว บาลานซ์ ที่ออกแบบอะไรที่แสนพิเศษแบบนี้ ผมภูมใจที่ได้สวมใส่มัน"
ย้อนกลับไปเวลานั้น คุณกลายเป็นนักเตะแอฟริกัน ที่มีค่าตัวแพงที่สุด หลังย้ายจากเซาธ์แฮมป์ตัน มาร่วมทีมลิเวอร์พูล ?
"ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล แต่ผมไม่ค่อยสนใจมากกับเรื่องพวกนี้ ผมเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน และรักในสิ่งที่ตัวเองทำ ผมจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้มันดีมากกว่าที่เป็น"
ช่วยเล่าประสบการณ์หน่อย ตอนนี้คุณกลับไปประเทศเซเนกัล แล้วเป็นยังไงบ้าง ?
"มันเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมาก ผมกลับไปประเทศเซเนกัล พร้อมกับมีความสุขในใจ โดยก่อนหน้านี้ ผมไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นเรื่องปกตินะ เพราะคนเซเนกัล หลงรักฟุตบอลมาก ผมต้องบอกว่า ผมภาคภูมิใจจริงๆ เพราะนี่คือความฝันของผม การแสดงความชื่นชมของผู้คน มันเป็นความรู้สึกที่แสนพิเศษ"
ที่ประเทศเซเนกัล คุณสามารถออกมาเดินตามท้องถนนได้หรือเปล่า ?
"เร็วๆมานี้ ผมอยู่ที่ประเทศเซเนกัล ร่วมกับทีมชาติที่สนามบิน เราเกือบออกจากรถไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะมีคนจำนวนมากมาดักรอ และพวกเขาต่างอยากจะทักทายคุณ ที่โรงแรมของเรามีความปลอดภัย แต่ที่สนามกีฬามันคนละเรื่อง มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก ตอนกลางวัน ผมไม่สามารถออกไปเดินตามท้องถนนได้หรอก เพราะจะมีคนเข้ามารุมล้อมทันที พวกเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลอย่างแท้จริง"
คุณเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองกลายเป็นคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
"นับตั้งแต่ผมเริ่มเล่นทีมชาติเป็นครั้งแรก ต่อด้วยการที่ผมย้ายมาประเทศอังกฤษ เพื่อลงเล่นกับลิเวอร์พูล หลายอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ทุกคนให้ความสนใจในตัวผมมากขึ้น"
ช่วยบอกเล่าถึงความรู้สึก และความแตกต่าง ระหว่างการยิงประตูให้กับทีมชาติเซเนกัล และลิเวอร์พูล หน่อยซิ ?
"ผมมองว่า มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกัน บางครั้ง ผมก็ยิงประตูสำคัญให้กับทีมชาติ โดยเฉพาะในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ การยิงประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ประตูก็คือประตู มันจะมีความหมายก็ต่อเมื่อทีมชนะ"
รองเท้าคู่ใหม่ของคุณมีชื่อเรียกว่าแบมบาลี่ มันมาจากชื่อหมู่บ้านของคุณ มันมีความหมายต่อคุณอย่างไร ?
"ที่นั้นคือทุกสิ่งทุกอย่างของผมเลย ผมมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ ที่นี่มอบทุกอย่างแก่ผม ผมอยากตอบแทนสถานที่แห่งนี้คืนบ้าง"
คุณเพิ่งส่งเสื้อแข่งลิเวอร์พูล 300 ตัว กลับไปที่บ้านเกิด ?
"ใช่แล้ว คนที่นั่นหลงรักฟุตบอลอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะเมื่อผมลงสนาม จะไม่มีใครทำงานเลย !! ดังนั้น การทำแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับพวกเขา และตัวผมเอง พวกเขามีความสุขเมื่อได้เห็นเสื้อ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ และพวกเขามีความสุขมากจริงๆกับเรื่องนี้"