โดยขุนพลช้างศึกต้องรับฝีตีนกับชาติชั้นนำอย่าง จีน (เจ้าภาพ) อุรุกวัย และ อุซเบกิสถาน
ภายใต้การประสานมือคุมทีมของ ศิริศักดิ์ ยอดหญ้าไทย กับ โชคทวี พรหมรัตน์ เรียกเสียงฮือฮาและเซอร์ไพรส์ ถึงผู้เล่นที่ติดทีมพอสมควร
โดยเฉพาะชื่อของ สุรชาติ สารีพิมพ์ ที่โผล่เข้ามาอยู่ในโผ 23 คนสุดท้าย
ถือเป็นการหวนคืนสู่ทีมชาติไทยในรอบ 7-8 ปี ของ “เก่ง” อีกด้วย หลังเคยได้รับโอกาสช่วงสั้นๆสมัยที่ วินฟรีด เชเฟอร์ คุมทัพ
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เสียงแฟนบอลมากมายต้องการเห็นเขากลับมาติดธง หลังผลิตผลงานให้กับต้นสังกัดอย่าง บีจี ปทุมฯ ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สุดท้าย มิโรวาน ราเยวัช ก็ไม่อินกับเสียงรอบข้าง
อดีตกุนซือชาวเซิร์บมองว่า เขาต้องการสร้างดาวรุ่งอายุไม่มาก และติดทีมได้ในระยะยาวมากกว่า ซึ่งครานั้น สุรชาติ สารีพิมพ์ อายุ 30 กว่าแล้ว เสียงรบเร้าแฟนบอลจึงถูก “ตีตก” ไป
แม้จะถูกปฏิเสธโอกาสจากรั้วทีมชาติ ทว่า สุรชาติ เองยังคงทำผลงานให้กับสโมสรได้อย่างน่าประทับใจ ตราบเท่าที่ได้รับโอกาสลงสนาม
ก่อนที่ความพยายามของ “เก่ง” จะถูกมองเห็นโดย “โค้ชโต่ย และ โค้ชโชค” โดยไม่ต้องแหกปากร้องเพลง “กูพยายาม กูพยายามมานาน มันถึงเวลาได้สิ่งที่กูต้องการ” ของ ยังโอม
น่าสนใจอย่างยิ่งว่า บนวัย 32 ปี สุรชาติ จะมีทีเด็ดอะไรบนสังเวียนระดับทีมชาติ และบรรดากุนซือทั้งสองจะใช้งานเขาอย่างไร
“ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์ และตื่นเต้นที่กลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง” สุรชาติ เผยผ่านมีเดีย บีจี ปทุมฯ
“การติดทีมชาติหนนี้มันถือเป็นความภูมิใจ และเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล เพราะผมก็อายุเยอะแล้ว แต่ในเมื่อมีโอกาส ก็จะทำให้เต็มที่ และดีที่สุด”
ในมุมของผู้เขียน หากเทียบเคียงจากกองหน้าที่ติดทีมมาด้วยกันทั้ง 3 คน (สุรชาติ สารีพิมพ์, ธีรศิลป์ แดงดา และ อดิศักดิ์ ไกรษร) สุรชาติ เป็นสไตล์ดาวยิงที่ต่างออกไปจากอีก 2 ราย
กล่าวคือมีความเป็น “สไตร์เกอร์” มากกว่า
จมูกไวในกรอบเขตโทษ ไปกับบอลได้ดีระดับหนึ่ง และมีทีเด็ดลูกกลางอากาศ เหล่านี้คือสิ่งที่ สุรชาติ สารีพิมพ์ แสดงออกให้เห็นผ่านสีเสื้อ บีจี ปทุมฯ
ซึ่งถือเป็นตัวเลือกชั้นดี ในบรรดาแข้งที่ติดทีมเข้ามา
แม้จะกลับมาคืนสังเวียน “ช้างศึก” บนวัย 32 ปี ทว่าเมื่อโอกาสหยิบยื่นมาให้ คงอยู่ที่ “เก่ง” แล้วว่าจะตอบแทนความไว้ใจของโค้ชทั้งสองอย่างไรในทัวร์นาเมนต์ 4 เส้าที่กำลังมาถึงนี้
หากเป็นไปได้ ก็อยากเห็นท่าดีใจดึงกางเกงโชว์เป้า ของ “กระต่ายเฒ่า” รายนี้ในสีเสื้อทีมชาติ
