สมควรแพ้
นี่คืออีกเกมที่ปืนใหญ่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในฤดูกาลนี้ และก็เกิดขึ้นในช่วงสำคัญที่ทีมกำลังลุ้นท็อปโฟร์
ตลอด 90 นาที เอฟเวอร์ตันแสดงให้เห็นว่าสมควรเป็นผู้ชนะ และน่าจะยิงขาดมากกว่าสกอร์ 1-0 ด้วยซ้ำ
อูไน เอเมรี่ เปลี่ยนทีมเพียง 2 ตำแหน่งจากเกมก่อนหน้านี้ที่ชนะนิวคาสเซิ่ล ทว่าที่เปลี่ยนไปมากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือคือ ฟอร์มการเล่น
การเล่นนอกบ้านของอาร์เซน่อลแตกต่างจากการเล่นในบ้านอย่างสิ้นเชิง
ในเกมทุบสาลิกา 2-0 ปืนใหญ่ทำสถิติชนะเกมลีกในบ้าน 10 นัดติดต่อกันซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1997/98 ที่ทำได้
ทว่านอกบ้านเหมือนเป็นคนละทีมเพราะความพุ่งชนความปราชัยเป็นนัดที่ 7 จาก 11 นัดหลังสุดในทุกถ้วย
ตลอด 45 นาทีแรกที่กูดิสัน ปาร์ค ทีมปืนใหญ่แทบไม่ได้สร้างปัญหาให้เอฟเวอร์ตันได้ระคายเคือง มิหนำซ้ำ ยังเสียประตูง่ายๆ ตั้งแต่ 10 นาทีแรก
สถิติเลวร้ายของอาร์เซน่อลยังคงดำเนินต่อไปกับการเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกที่เก็บคลีนชีตนอกบ้านไม่ได้เลย
เมซุต โอซิล และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ไม่สามารถปั้นเกมให้ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ได้ ขณะที่คู่มิดฟิลด์ตัวกลางอย่าง มัตเตโอ เก็นดูซี่ และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ก็กลายเป็นจุดอ่อนของทีม
เอเมรี่จำต้องส่ง "ดับเบิ้ลฟู" ลงคู่กันเพราะ กรานิต ชาคา ยังมีอาการบาดเจ็บ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง ขณะที่ ลูกัส ตอร์เรยร่า ยังติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย
แดนกลางปืนโตหยุดเกมรุกทอฟฟี่ไม่ได้เลย
อารอน แรมซี่ย์ ที่เจ็บจากเกมล่าสุด ฟิตทันแต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้ต้องเริ่มต้นที่ม้านั่งสำรองซึ่งก็เป็นสิ่งที่เข้าใจ
เอลเนนี่ และ เก็นดูซี่ สไตล์คล้ายกัน และไม่ใช่ประเภทวิ่งสู้ฟัด จังหวะ 50-50 จึงสู้เอฟเวอร์ตันที่นำโดย อันเดร โกเมซ กับ อิดริสซ่า กาเน่ เกย์ ไม่ได้
เมื่อตรงกลางแพ้ จุดอื่นในสนามก็ส่งผลกระทบต่อเนื่องกันไป กลายเป็นแพ้ทั้งเกมรุกและรับ
เอฟเวอร์ตันเล่นด้วยความมุ่งมั่นและแพสชั่นที่มีมากกว่า นั่นทำให้เก็บบอลจังหวะสองได้ตลอด และเป็นสิ่งที่ มาร์โก ซิลวา ชื่นชมลูกทีมอย่างมากหลังจบเกม
ก๊วนทอฟฟี่เข้าบอลในทุกจังหวะ บี้ทุกดอก เราจึงได้เห็นผู้เล่น 2-3 คนคอยรุมอาร์เซน่อลคนเดียวหลายครั้งเมื่อแย่งบอลก็ปรับเป็นโต้กลับโจมตีปืนใหญ่ทันที
อาร์เซน่อลขาดตรงนี้ไปในเกมนี้ เอลเนนี่ กับ เก็นดูซี่ ไม่สามารถไล่บอลได้ สไตล์การเล่นนุ่มนิ่มเกินไปกับบทบาทที่ต้องคอยตัดเกมช่วยแบ่งเบาะภาระของกองหลัง
เอฟเวอร์ตันช่วยกันวิ่งไล่บี้ตลอดทั้งเกม
นั่นจึงทำให้เอฟเวอร์ตันมีโอกาสมากมายที่จะได้ประตูเพิ่ม แทนที่จะมาโดนอาร์เซน่อลตามตีเสมอ
เกมของอาร์เซน่อลดูวูบวาบขึ้นในครึ่งหลังที่เปลี่ยน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ อารอน แรมซี่ย์ ลงมาเสริมเกมรุกโดยที่ถอดกลางรับอย่าง เอลเนนี่ และวิงแบ็กซ้ายอย่าง เซอัด โคลาซินัช ออกไป
45 นาทีหลังปรับโหมดมาเล่นเกมรุกมากขึ้น และเซตแนวรับเป็นแบ็กโฟร์
จังหวะพาบอลเข้าไปในแดนเอฟเวอร์ตันมีมากขึ้นก็จริง แต่จังหวะลุ้นยิงเน้นๆ มีน้อย และเป็นการยิงไกลที่ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด แม้แต่นิด
ทีมของ มาร์โก ซิลวา ต่อบอลสั้น-ยาวกันอย่างมั่นใจ แสดงให้เห็นเลยว่าไม่ได้กลัวอาร์เซน่อล เวลาพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายก็ไม่มีลนลาน กล้าเล่นกล้าทำชิ่งจนทำให้แนวรับทีมเยือนจากลอนดอนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี
สถิติหลังเกมที่ อูไน เอเมรี่ ต้องตกใจมากกว่าใครคือ เอฟเวอร์ตันได้โอกาสยิงมากถึง 23 ครั้ง มากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้
ขนาดเจอ 2 ทีมลุ้นแชมป์อย่างแมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล ก็ยังไม่โดนล่อเป้าขนาดนี้ หากแนวรุกเอฟเวอร์ตันคมกว่านี้อีกนิด สภาพศพของปืนใหญ่ออกมาเละเทะแน่นอน
หากไม่ได้ แบรนด์ เลโน่ อาร์เซน่อลอาจเละกว่านี้
นี่คือเกมที่อาร์เซน่อลเล่นได้แย่จริงๆ แย่ทั้งเกมรับที่เปิดพื้นที่ให้เอฟเวอร์ตันมากมาย และก็แย่ในเกมรุกที่ไม่ได้กดดันใส่เจ้าถิ่น
กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เพียงคนเดียวได้ยิงถึง 7 ครั้ง มากกว่าเท่ากับอาร์เซน่อลทั้งทีม ขณะที่คนทำประตูชัยอย่าง ฟิล จากีลก้า ก็เหมือนถูกเขียนบทให้มาเป็นฮีโร่ในเกมนี้
แนวรับวัยย่าง 37 ปี ไม่มีชื่อในไลน์อัพตัวจริงตอนแรก ทว่าถูกส่งลงแบบจำเป็นเพราะ ไมเคิ่ล คีน เซนเตอร์รุ่นน้องดันไข้ขึ้นก่อนเกม
จากที่หลายคนห่วงว่าอาจกลายเป็นจุดอ่อนให้อาร์เซน่อลเล่นงาน กลับกลายเป็นฮีโร่พังประตูชัยให้ทีม และยิงประตูแรกในรอบ 2 ปีอีกต่างหาก
ทุกอย่างสวยงามอย่างมากสำหรับเอฟเวอร์ตันในนัดนี้เพราะโมเมนตัมของทีมเริ่มกลับมาอีกครั้งกับชัยชนะ 3 นัดติดแบบไม่เสียประตู
ตอนนี้ตามเลสเตอร์และวูล์ฟแฮมป์ตันเพียงคะแนนเดียว มีลุ้นจบอันดับ 7 ของตารางเช่นกัน
ส่วนความพ่ายแพ้ของอาร์เซน่อลก็สะท้อนให้เห็นว่ายังมีจุดที่ต้องปรับอีกเพียบหากคิดหวังจะคว้าท็อปโฟร์ให้ได้
ปัญหาใหญ่คือการเล่นนอกบ้านที่ย่ำแย่เหลือเกิน
หากนับเฉพาะเกมลีก เอเมรี่ พาทีมชนะได้เพียงนัดเดียวเท่านั้นจาก 8 นัดหลังสุด และนัดเดียวที่ชนะก็คือการชนะทีมที่หมสภาพไปแล้วอย่างฮัดเดอร์สฟิลด์
อาร์เซน่อลจะติดท็อปโฟร์ได้หรือไม่ จุดชี้ขาดน่าจะอยู่ที่การเล่นนอกบ้านซึ่งโปรแกรมที่เหลือก็ต้องเยือนถึง 4 นัดจากทั้งหมด 6 นัด
ข่าวร้ายอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส โดนใบเหลืองที่ 10 ในฤดูกาลนี้ ต้องติดโทษแบนใน 2 นัดถัดไปโดยอัตโนมัติ
โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ยังมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ การไม่มี โซคราติส อีกรายยิ่งทำให้รูรั่วหลังบ้านขยายใหญ่มากขึ้น
ตารางคะแนนตอนนี้ยังถือว่าไม่ได้เสียหายอะไร เพราะยังรั้งที่ 4 ตามหลังสเปอร์ส 1 แต้มเช่นเดิม (ยังไม่รวมผลคู่เชลซีในเกมวันจันทร์)
แต่หากฟอร์มนอกบ้านยังต่างกันสุดขั้วกับในบ้าน โอกาสพลาดท็อปโฟร์ก็มีสูงเหลือเกิน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT