การพา ช้างศึก U19 จอดป้ายเพียงรอบคัดเลือก รายการชิงแชมป์เอเชีย ด้วยผลงานพ่ายเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา และ มาเลเซีย มาพร้อมคลื่นความโกรธ และแฟนบอลต้องการเห็นเจ้าตัวแสดงความรับผิดชอบต่อ “ผลงาน”
แท็คติก รูปแบบการเล่น การจัดการนักเตะ คือสิ่งที่ อิสสระ ต้องรับไปเต็ม ๆ ไม่มีข้ออ้าง สิ่งเหล่านี้ไร้ใครมา “บังคับ” มันสมองเขา เมื่อผลลัพธ์ออกมาบัดซบ ก็ต้องว่ากันตามเนื้อผ้า
แม้เจ้าตัวจะแสดงความรับผิดชอบขอ “ลาออก” จากทีมทันทีหลังตกรอบที่กัมพูชา ทว่าดูเหมือนเรื่องราวยังคงไม่จบสิ้น
เมื่อ อากิระ นิชิโนะ ต้องการให้เจ้าตัวทำงานต่อ ในฐานะ “ผู้ช่วยโค้ช” เพราะยังเชื่อมั่นในศักยภาพ “โค้ชหระ”
เสียงก่นด่าดังมาอีกครั้ง พร้อมคำถาม การให้ อิสสระ ได้ทำงานต่อ เพราะ นิชิโนะ อยากให้ อยู่ต่อเลยได้ไหม หรือได้รับใบสั่งจาก พล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กันแน่ บางรายลามโยงไปถึง “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุบชีวิตลูกหนัง “โค้ชหระ” (ไปกันใหญ่)
กล่าวคือ “คนที่ไม่ใช่” หายใจก็ยังผิด
เอาเข้าจริงการตั้งคำถามถึง “เส้นวาสนา” อิสสระ และความดวงแข็งที่มีเก้าอี้ให้เกาะแน่น คงไม่ผิดอะไร ทว่านี่คือคำยืนยันจากปาก เฮดโค้ชญี่ปุ่น เองว่าต้องการให้เจ้าตัวทำงานต่อ ก็คงต้องว่ากันตาม นิชิโนะ
มองในมุมของ นิชิโนะ ที่ต้องแบกภาระดูแลทีมชาติไทยทั้ง 2 ชุด ทั้งฟุตบอลโลก ซีเกมส์ และ ชิงแชมป์เอเชีย ก็หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว การมี “ผู้ช่วย” คือสิ่งจำเป็นมาก
ทั้ง อิสสระ อนุรักษ์ หรือ ธชตวัน คือ 3 ทีมงานที่ กุนซือชาวอาทิตย์อุทัย ไว้ใจตั้งมาทำงานเองกับมือ เรียกว่าอยู่ด้วยกันจนเป็นทีมเดียว รู้ใจกันดี หากใครคนหนึ่งออกจากแคมป์ไป การจะเซ็ตทีมงานใหม่ในช่วงเวลานี้ คงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก
ฉะนั้นการให้อยู่ต่อ แต่เปลี่ยน “สถานะ” ขอบข่ายงาน “โค้ชหระ” ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรถูกด่าแต่อย่างใด
เอาเข้าจริงหน้าที่ อิสสระ คือการรับช่วงต่อจาก โค้ชแบน ในทีมชุด U23 หลังอุ่นเครื่องทีมชาติจีน เมื่อแพลนเดิมถูกวางไว้ว่า โค้ชจุ่น กับ โค้ชแบน จะต้องบินไปมาเลเซีย เพื่อช่วย นิชิโนะ ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2 นัดที่ กัวลาลัมเปอร์ ฮานอย และให้ อิสสระ คุมทีมอุ่นเครื่องกับ เมียนมา ที่สนามจุฬาลงกรณ์
แต่เมื่อเสียงสะท้อนของ โค้ชหระ เดือดดาลกว่าที่คิด นิชิโนะ เองก็รับรู้ว่าการให้ โค้ชหระ ทำทีมต่อ คงไม่เป็นเรื่องที่เหมาะควร จึงเปลี่ยนแผนให้ โค้ชแบน ทิ้งตั๋วไปมาเลเซีย เพื่อคุมทัพ U23 และ สลับให้โค้ชหระไปเป็นผู้ช่วยแทน
ผู้เขียนเองเชื่อว่าวิธีนี้คือ “ทางออก” ที่ดีสุดสำหรับทุกฝ่าย แม้อาจไม่ถูกใจแฟนบอลบางส่วน
วันนี้ อิสสระ อาจยังไม่ใช่ “โค้ช” ที่ดีในสายตาแฟนบอลทีมชาติ
แต่ อิสสระ อาจเป็น “ผู้ช่วยโค้ช” ที่ยอดเยี่ยมในสายตานิชิโนะ
การให้เรียนรู้งานกับกุนซือมือฉมัง เก็บเลเวลในฐานะผู้ช่วยโค้ชไปก่อน อาจเป็นตัวเลือกที่ดีของอิสสระ เวลานี้ มากกว่า
เพราะการจะถีบ “คนฟุตบอล” ที่หายใจเข้าออกเป็น “ฟุตบอล” ให้ออกจากวงการลูกหนัง เพียงเพราะเขาทำทีมสอบตก คงเป็นอะไรที่ดูอคติ และใจร้ายเกินไป
