ในตอนนี้เขากำลังเผชิญกับความกดดันอย่างมากกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงก่อนที่จะได้ลงเตะสองเกมใหญ่หลังสุดนี้กับทั้งสเปอร์และซิตี้นั้น ผู้จัดการทีมอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาได้แสดง"ความกล้าหาญ"ให้เห็น ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่เจ้านายใหญ่เก่าอย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มักจะต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นประจำจากบรรดานักเตะ
เกมในบ้านกับสเปอร์ที่มาเยือนถิ่นเราหลังจากที่ชนะรวดสามนัดนับตั้งแต่โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม และทริปสั้นๆที่เดินทางแค่ข้ามฟากถนนเพื่อไปเจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ดูน่ากลัวสุดในช่วงกลางสัปดาห์นั้นเลยหลังจากขย่มเบิร์นลีย์นั้น สองเกมนี้ดูจะเป็นช่วงเวลาที่โหดและยากลำบากที่สุดเท่าที่จะต้องเจอเลย
ภาพจำยังช้าดดดดเจนนนน
ส่วนเราเองมันก็เป็นการกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจากเสมอในบ้านตัวเองกับแอสตันวิลล่าอย่างน่าผิดหวังนั้นมันเหนี่ยวนำให้ผู้จัดการทีมจำเป็นต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิมในการแลดูสิ่งต่างๆของทีม
อาการบาดเจ็บของมาร์กซิยาลนั้นหากเป็นผู้จัดการทีมส่วนใหญ่เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็มักจะเพิ่มตัวป้องกันหรือผู้เล่นเกมรับเข้าไปในแผนการลงเล่นของนักเตะเพื่อที่จะสร้างความเหนียวแน่นให้มากกว่าเดิมในการที่ต้องมาเผชิญหน้ากับตัวรุกระดับปืนใหญ่บัสเตอร์คอลของพรีเมียร์ลีก
อันที่จริงแล้วการคาดเดา11คนแรกก่อนเกมซึ่งเป็นประเด็นทั่วไปของเกมที่มักจะนำมาพูดถึงกันนั้น มีโอกาสที่ยูไนเต็ดอาจจะลงเล่นด้วยสูตรหลังสาม ตามที่ได้เคยมีมาก่อนแล้ว
การที่ก่อนเกมมักจะมีข่าวกอซซิปหลุดออกมาบ้าง การที่เรื่องราวของนักข่าวต่างๆมักจะพยายามแอบไปส่องกล้องถ่ายรูปดูพวกเหล่านักเตะแต่ละคนว่า มีใครเดินทางบ้าง ใครเข้ามาที่โรงแรมบ้างนั้น ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าการมาตามสืบกันขนาดนี้ทางแมนยูไนเต็ดอาจจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ ซึ่งในเรื่องนี้มันก็พอๆกับการที่มันไม่น่าเชื่อเช่นกันว่า สโมสรอื่นๆนั้นจะปล่อยให้ข่าวของทีมตัวเองรั่วไหลไปสู่ภายนอกด้วย
ความกล้าหาญของผู้จัดการทีมในการส่งกองหน้าหนุ่มผู้นี้ไปฟัดกับยอดทีมอย่างสเปอร์
อย่างไรก็ตามแม้สเปอร์จะคาดการณ์เอาไว้หรือไม่อย่างใด โอเล่ก็สร้างเซอไพรส์หักปากกาเซียนด้วยการนำเอากองหน้า18ปีวัยกระเตาะอย่าง Mason Greenwood ลงมาเป็นตัวจริงแทนทันทีสำหรับMartial
มันคือการ "กล้าเสี่ยงลุย" ในแมตช์ที่สำคัญมากๆเช่นนี้ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นภาพของผู้จัดการทีมที่มอบความเชื่อใจและความศรัทธาแก่เด็กๆเยาวชนของทีมอย่างที่เราเห็นกัน แต่นอกจากนี้มันยังเป็นการให้โอกาสกับเด็กท้องถิ่นที่มีพรสวรรค์ผู้นี้ได้ขัดเกลาฝีเท้าด้วย ขณะที่เขาเองก็สามารถที่จะช่วยเบิกสกอร์ให้ทีมได้อีกต่างหาก ซึ่งในเกมนั้นก็มีเพียงแค่ลูกเซฟยอดเยี่ยมของกัซซานิก้าที่สามารถหยุดประตูของกรีนวู้ดไม่ให้ไปสู่ก้นตาข่ายได้ในเกมที่ชนะสเปอร์2-1เกมนั้น ซึ่งเขาได้พิสูจน์ให้เห็นเลยว่า นี่คือการตัดสินใจครั้งสำคัญของเจ้านายเขาจริงๆในวันนั้น
จากตัวเลือกต่างๆทั้งหมดที่สามารถเลือกทำได้ในกรณีการขาดหายไปของMartialใน11คนแรกนั้น สิ่งนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากว่ามันเสี่ยงมากเกินไปไหม(กับการส่งเด็ก18ลงตัวจริงเจอสเปอร์) แต่ในอีกประการนึงแล้วนั้น แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่สำคัญและเป็นการรักษาประเพณีดั้งเดิมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกนัยหนึ่งด้วย
ตบมูโชว์ก็แล้ว..
ด้วยสามแต้มที่ได้มาจากสเปอร์เต็มๆนั้นมันทำให้ทุกอย่างคลี่คลายง่ายขึ้น และทำให้หากเราสามารถเพียงแค่บุกไปยันเสมอซิตี้ที่เอติฮัดสเตเดี้ยมนั้นก็ถือว่าเป็นจ็อบที่เยี่ยมแล้ว (เพราะชนะมาได้1ใน2นัดยากแล้ว กับซิตี้ถ้าไปยันเสมอได้อีกก็ถือว่าโคตรเพอร์เฟ็คต์มากๆแล้ว)
เกมดาร์บี้กับทีมแชมป์ลีกล่าสุดอย่างพวกเขานั้น เรายังคงขาดนักเตะสำคัญระดับkey playersอย่างปอล ป็อกบาอยู่ ซึ่งความลำบากของการขาดตัวหลักเช่นนี้จึงถือเป็นบททดสอบสำคัญของแท้อีกครั้งหนึ่งสำหรับความสามารถในการเผชิญหน้าเกมยากของจริงของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เหล่าจอมเวทย์แห่งเกมรุกในทีมของ Pep Guardiola สามารถกระชากคู่แข่งหน้าไหนก็ได้บนโลกนี้ให้เละเทะได้ง่ายๆ และฝั่งตรงข้ามของพวกเขาเวลาที่ต้องไปเยือนที่นั่นก็มักจะไปพร้อมกับความกังวลล่วงหน้าเลยก่อนเกม และบ่อยครั้งทีมเหล่านั้นก็มักจะอัดตัวรับเข้าไปในทีมหลักเพียบ ซึ่งเกมนี้ก็อีกครั้งแหละที่มันก็น่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนมาใช้กองหลังห้าตัวในเกมรับ แต่ว่าโอเล่ไม่ทำเหมือนคนอื่น
"หมากศิญาณ เซียนสะท้านปฐพี"
มีเซอไพรส์เกิดขึ้นอีกคำรบเมื่อไลน์อัพของยูไนเต็ดได้ประกาศว่า Martialได้ฟื้นกลับมาจากขุมนรกแล้วและลงสนามได้ทันที และนั่นคือการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการลงสนามของน้องหมากว่า เราตั้งใจที่จะไปเอาชนะในเกมนี้ให้ได้ด้วยซ้ำ (เพราะไม่อัดตัวรับ แต่ใส่ตัวรุกกลับมาประจำการเพื่อจะเอาประตูทันที)
ในฐานะแฟนบอลของยูไนเต็ดนั้นมันทำให้เรามีความหวังกันจริงๆจังๆมากเลยว่า เรากำลังจะกลับไปสู่ที่ที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ซึ่งฟังดูเหมือนโม้ แต่ว่าในเกมเหล่านี้ที่เราไม่ได้คาดหวังเอาไว้เลยด้วยซ้ำนั้นเรากลับชนะมาได้ทั้งสองแมตช์ มันเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ และถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่เราต้องมาพิจารณาถึงเส้นทางของทีมเรากันอีกครั้ง
ตบเป๊ปภายใน3วันก็แล้ว
เป็นที่ทราบกันดีว่าโอเล่กำลังสร้างทีมขึ้นมาใหม่ซึ่งมันจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งการดูบอลสมัยนี้ความอดทนมันต่ำกันเหลือเกิน และสิ่งนั้นก็ชัดเจนขึ้นในฤดูกาลที่มันพีคเช่นนี้ แต่เมื่อมันมีสัญญาณเริ่มบ่งบอกว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปถูกทางแล้วนั้น มันจึงสำคัญและจำเป็นอย่างมากที่จะพิจารณาถึงเหตุและผลเหล่านี้
ผมรู้สึกประทับใจแม้ว่าในยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันก็ตามว่า มันอาจจะมีการปรับแทคติกในเกมบางเกม และผมยังจำได้ดีว่าผิดหวังเพียงใดที่แมนยูดูจะไม่พยายามทำอะไรเลยในยามที่พ่ายแพ้ในสถานที่เดียวกันนี้(ที่เอติฮัดสเตเดี้ยมในปี2012) เป็นแมตช์สำคัญที่ทำให้ฝั่งสีฟ้าคว้าแชมป์ในปีนั้นเหนือพวกเราช่วงทดเวลาเจ็บในเกมสุดท้ายกับQPR และผมก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เสมอว่า มันจะเป็นยังไงถ้าเราพยายามสู้กับไฟด้วยไฟ (หมายถึง จะสู้ทีมบุกเก่งๆอย่างซิตี้ ก็ต้องใช้การเล่นเกมรุกคืนใส่พวกมันไปนั่นเอง)
ผมไม่ไร้เดียงสาพอที่จะชื่นชมปลาบปลื้มได้เวลาที่คุณจะต้องมานั่งเล่นเกมรับมากขึ้น
บนๆล่างๆซ้ายขวาซ้ายขวา
มันสำคัญมากที่การพัฒนาของทีมนี้ของเรานั้นจำเป็นจะต้องกล้าหาญและรวบรวมจิตวิญญาณของสโมสรกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแบบยุคของเซอร์อเล็กซ์อันเป็นยุคที่คู่แข่งมักจะต้องหวาดกลัวเราขี้หดตดหายก่อนที่จะลงแข่ง
บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากซึ่งบางครั้งไอ้แบบนี้ก็ไม่ได้อาจจะทำให้เราเก็บแต้มได้ตามต้องการเสมอดังที่เราควรจะได้ แต่กับเรื่องของประโยชน์ในระยะยาวนั้นถือว่าได้มากจนเกินพอเลย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นคือการเล่นในแนวทางของตัวเอง หาทางที่จะคว้าชัยชนะเสมอ และไม่ต้องคอยมากังวลว่าเราจะเสียหายมากน้อยไหม หรือต้องยอมจำนนให้กับทีมใดๆ
เมื่อเห็นการเลือกตัวและจัดทีมของโอเล่ในสองนัดล่าสุดนั้นมันทำให้ผมมั่นใจขึ้นอย่างมหาศาล แน่นอนว่ารวมถึงผลลัพธ์ของเกมทั้งสองก็ด้วยเช่นกันที่ทำให้เรามั่นใจ
มันทำให้ผมกลับมามีความรู้สึกแบบเดิมๆอีกครั้งแล้วที่อยากจะให้นัดต่อไปมันรีบๆเตะซะพรุ่งนี้เลย.
จะเอาอะไรจากตูอีก เลิกด่าน้ากันได้แล้วนะเด็กๆ อุอิอุฮิ
และทั้งหมดด้านบนนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวและฟีดแบ็คความรู้สึกจากกองเชียร์แมนยูที่มาจากฝั่งต่างประเทศกันบ้างอย่างAdam Marshallที่เป็นคอลัมนิสต์คนนี้นั่นเอง ซึ่งก็เปิดมุมมองและสะท้อนให้เห็นว่า แฟนผีทั้งโลกก็คงจะมีความรู้สึกไม่ต่างกันเลยในเวลานี้
เมื่อทุกอย่างมันกำลังจะกลับมาเข้าที่เข้าทาง มันจะสะท้อนออกมาให้เห็นเองว่า แนวทางและวิถีที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชากำลังดำเนินและทำอยู่นั้นมัน "ถูกจุด" และไปถูกทางแล้ว และในอนาคตมันจะต้องดีขึ้นยิ่งกว่านี้อีกเพราะขนาดนี้ตอนนี้ทีมเรามีแต่เด็กน้อยอยู่ในสนาม อย่างที่ทราบกันว่าอายุเฉลี่ยทีมเราในพรีเมียร์ลีกโคตรน้อย น้อยที่สุดในบรรดา20ทีม แต่ตอนนี้กลับมาไล่ตามพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกเหลือแค่5แต้มแบบที่สามารถลุ้นอันดับ4ได้แบบเต็มตัวอย่างไม่อายใครและพูดได้เต็มปากจริงๆสักทีเพราะเหลือจำนวนนัดอีกเพียบ ในขณะที่ระยะห่าง5แต้มกับทีมที่กำลังสร้างใหม่เช่นกันอย่างเชลซีที่กำลังจะได้เสริมทัพพร้อมกับเราในปีใหม่นี้นั้น ต้องบอกว่ามันไม่ได้มากเกินไปเลย
เปิดช่องเมื่อไหร่เสียบเมื่อนั้น อย่าพลาดนะแลมพ์
หากยูไนเต็ดสามารถเสริมทัพขนานใหญ่อย่างน้อยๆสักหนึ่งคนในมกราคมนี้ที่ได้ตัวจั๋งๆเน้นๆมาถูกจุดในพื้นที่ตรงกลางสนามจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น CM หรือ AMC ก็ตามทีสักคน บวกกับการกลับมาลงเล่นได้อีกครั้งของป็อกบา แม้ว่าเขาอาจจะย้ายไปเรอัล มาดริดก็ตาม แต่เชื่อว่าอย่างน้อยน่าจะไปตอนหมดฤดูกาลนู่นค่อยมาหาตัวแทนกันอีกที ดังนั้นก็เหมือนได้นักเตะใหม่กลับมาลงสนาม นั่นเท่ากับว่าเราจะแข็งขึ้นอย่างน้อยๆอีก2ตำแหน่งที่มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นที่กลับมาเป็น"หลัก"ให้ทีมได้
หากเสริมทีมได้เช่นนั้น มันจะทำให้เราปิดจุดอ่อนเรื่อง "การแกว่งของฟอร์มทีม" ได้อย่างชะงัดเลยทีเดียว นัดที่พลาดอย่างตอนเจอวิลล่าที่ได้แค่เสมอในบ้านตัวเองนั้นก็จะเกิดขึ้นได้ยากขึ้นอีก และนั่นจะทำให้สถานะในตารางของเรามีโอกาสที่จะเกาะตำแหน่งลุ้นอันดับUCLได้อย่างชัวร์ขึ้นกว่านี้แน่นอน
ซื้อมกรานี้ ก็เหมือนซื้อกางเกงในตัวใหม่มาใส่เพื่อไม่ให้ไข่เราแกว่งไปแกว่งมา .. ประมาณนั้นแหละ!!
-ศาลาผี-
โอเล่ : เดี๋ยวๆ กางเกงในอะไรวะ!?
