รีวิว 5 ทีมนำลุ้นแชมป์เมืองเบียร์
ในการแข่งขัน 25 นัดก่อนหยุดเบรก บุนเดสลีกา แข่งขันกันดุเดือด ผลัดกันขึ้นนำจ่าฝูงกันหลายครั้งและเป็นฤดูกาลที่การลุ้นแชมป์สนุกกว่าที่ผ่านๆ มาที่มหาอำนาจอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ผูกขาดความยิ่งใหญ่และทิ้งคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น
สถานการณ์ลุ้นแชมป์ถือว่าเข้มข้นสุดๆ เพราะ 5 ทีมนำของตารางมีคะแนนห่างกันเพียง 8 คะแนน ยังถือว่าอยู่ในวิสัยได้ลุ้นด้วยกันทั้งหมดกับอีก 9 นัดสุดท้ายที่เหลือในฤดูกาลนี้
ไปย้อนดูกันอีกรอบว่า 5 ทีมนำของตารางมีผลงานในฤดูกาลนี้เป็นอย่างไรกันบ้างก่อนลงสนามดวลกันในร้อยเมตรสุดท้ายที่มีตำแหน่งแชมป์เป็นเดิมพัน
บาเยิร์น มิวนิค
เทรนเนอร์ : ฮันซี่ ฟลิค
อันดับปัจจุบัน : 1 (55 คะแนน)
ดาวซัลโวในลีก : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 25 ประตู
คีย์แมน : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้/อัลฟอนโซ่ เดวิส
หลังจากเริ่มต้นไม่ดีในยุค นิโก้ โควัช บาเยิร์น จึงขยับให้ ฮันซี่ ฟลิค มารับหน้าที่และทำได้ดีเกินคาดพาทีมกลับขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้อีกครั้ง ขณะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็ยิงแหลก
"เสือใต้" ในฐานะแชมป์เก่าเกือบพลาดท่าในนัดเปิดสนามกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ยังดีที่ได้ 2 ประตูจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงให้ทีมตีเสมอได้ จากนั้นทีมชนะ 4 นัดเสมอ 1 นัด ทำให้นำจ่าฝูงได้สำเร็จ ทว่าดันเสียท่าแพ้คารังต่อ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-2 ทั้งที่นัดก่อนหน้าในเกมยุโรปเพิ่งบุกขย่ม สเปอร์ส ขาดลอย 7-2
ทีมสะดุดอีกครั้งโดน เอาก์สบวร์ก ทีมลูกไล่ในแคว้นบาวาเรียด้วยกันตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเจ็บก่อนต่อด้วยโดน แฟร้งค์เฟิร์ต เปิดรังขยี้ 5-1 จนทีมหล่นมาอยู่อันดับ 4 ของตารางและ โควิช ก็ไปไม่รอด ฮันซี่ ฟลิค อดีตผู้ช่วยของ โยอัคคิม เลิฟ ในทีมชาติเยอรมันก็ถูกดันเข้ามาทำหน้าที่แทน
อดีตแข้งบาเยิร์น คุมทีมนัดแรกได้สวยงามไล่ถล่ม ดอร์ทมุนด์ 4-0 ต่อด้วยอัด ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ สกอร์เดียวกัน ทว่าทีมกลับปราชัย 2 นัดติดต่อ เลเวอร์คูเซ่น และ กลัดบัค ที่เกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บอีกครั้ง
อันดับหล่นพรวดมาอยู่ที่ 7 ของตารางหลังผ่านไป 14 นัด ห่างจากจ่าฝูง 7 คะแนน แต่ชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ในแชมเปี้ยนส์ ลีก และเกมลีกที่ขยี้ แวร์เดอร์ เบรเมน 6-1 จากแฮตทริกของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ก็เหมือนจะติดเครื่องให้ทีมได้อีกครั้ง
ฟลิค พาทีมลดช่องว่างจากทีมนำเหลือ 4 คะแนนหลังผ่านครึ่งฤดูกาลแรก ขณะที่ช่วงเบรกหนีหนาว นักเตะในทีมเริ่มเข้าใจแท็กติกการเล่นที่ ฟลิค พยายามถ่ายทอด
"เสือใต้" เริ่มโปรแกรมในปี 2020 ด้วยการยิง 9 ประตูและไม่เสียเลยใน 2 นัดที่พบ แฮร์ธ่า และ ชาลเก้ ก่อนต่อยอดผลงานด้วยชัยชนะ 6 นัด เสมอ 0-0 กับ ไลป์ซิก ทีมของ ฟลิค ก็แซงนำจ่าฝูงของตารางห่าง ดอร์ทมุนด์ 4 คะแนน
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
เทรนเนอร์ : ลูเซียง ฟาฟร์
อันดับปัจจุบัน : 2
ดาวซัลโวในลีก : เจดอน ซานโช่ 14 ประตู
คีย์แมน : เจดอน ซานโช่/เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
ฟอร์มของ เจดอน ซานโช่ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่เข้ามาเติมพลังในครึ่งฤดูกาลหลังช่วยให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังคงมีลุ้นแชมป์และตามบี้ติดจ่าฝูง บาเยิร์น มิวนิค
ดอร์ทมุนด์ เริ่มฤดูกาลยอดเยี่ยมคว้าชัย 2 นัดแรกด้วยการยิง 8 ประตู ทว่ากลับพลาดท่าไม่น่าเชื่อออกไปพ่ายน้องใหม่ "อูนิโอน เบอร์ลิน" ที่เล่นบุนเดสลีกาเป็นฤดูกาลแรก จนทำให้ลูกทีมของ ฟาฟร์ ต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการเรียกฟอร์มกลับมา
ทีมกลับมาเล่นในบ้านไล่ยิง เลเวอร์คูเซ่น ขาดลอย 4-0 แต่ทีมก็ชนะได้เพียง 3 นัดจาก 7 นัดในเดือนกันยายนและตุลาคมเพราะอีก 4 นัดเสมอรวด อันดับในตารางหล่นฮวบไปอยู่ที่ 8
โปรแกรมสำคัญนัดที่ 11 ดอร์ทมุนด์ โดน บาเยิร์น อัดกระจุย 4-0 ก่อนสะดุดได้เพียงไล่ตีเสมอน้องใหม่พาเดอร์บอร์น 3-3 จากนั้นมีเกมเสมอ ไลป์ซิก 3-3 และพ่ายต่อ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-2 จนความห่างกับทีมนำเพิ่มเป็น 7 คะแนน
ความหวังลุ้นแชมป์เริ่มมืดมน ทว่าในตลาดหน้าหนาวกลับมีซานตาคลอสจากสแกนดิเนเวียถูกส่งมาสร้างความหวังอีกรอบ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ย้ายมาจาก ซัลซ์บวร์ก พร้อมเปิดตัวกับทีมอย่างลือลั่นไล่ทุบสถิติการทำประตูเป็ว่าเล่นและทำให้ทีมกลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง
ใน 8 นัดหลังเริ่มปี 2020 ดอร์ทมุนด์ ชนะได้ 7 นัด พลาดท่าแพ้นัดเดียวต่อ เลเวอร์คูเซ่น 3-4 พวกเขาไล่บี้เสือใต้ชนิดหายใจรดต้นคอแม้ว่าใน 5 นัดหลังสุดจะไม่มี มาร์โค รอยส์ จอมทัพคนสำคัญที่บาดเจ็บก็ตาม
เกมในบ้านกับ ชาลเก้ ในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคมนี้ และโปรแกรมเยือน บาเยิร์น ในนัดที่ 28 รวมถึงบุกรัง ไลป์ซิก ในนัดที่ 33 จะเป็นโปรแกรมที่ชี้ชะตาการลุ้นแชมป์ของ "เสือเหลือง" อย่างแท้จริง
แอร์เบ ไลป์ซิก
เทรนเนอร์ : ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์
อันดับปัจจุบัน : 3 (50 คะแนน)
ดาวซัลโวในลีก : ติโม แวร์เนอร์ 21 ประตู
คีย์แมน : ติโม แวร์เนอร์
ผลงานประตูของ ติโม แวร์เนอร์ และการทำทีมสไตล์ถึงใจแบบ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ทำให้ แอร์เบ ไลป์ซิก ยังคงท้าแย่งแชมป์ในฤดูกาลนี้
แอร์เบ ไลป์ซิก ออกตัวได้สมฉายากระทิงเมื่อ 5 นัดแรกเก็บชัยชนะได้ 4 นัดและเสมอ 1 นัดกับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนพลาดท่าพ่ายต่อ ชาลเก้ ในนัดที่ 6 จึงออกอาการต่อเนื่องไม่ชนะอีก 4 นัดติด
แต่ นาเกลส์มันน์ ก็พาทีมระบายอารมณ์ไล่ตบ ไมนซ์ 8-0 จนกลายเป็นสถิติโมสร จากนั้นเข้าฝักยาวยิงรวม 34 ประตูใน 8 นัดที่ชนะเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงนัดเสมอ ดอร์ทมุนด์ สุดมันส์ 3-3
ไม่น่าแปลกใจที่ฟอร์มอันร้อนแรงทำให้พวกเขาผงาดนำจ่าฝูงของลีกเป็นเวลา 5 สัปดาห์ก่อนโดน บาเยิร์น ช่วงชิงบัลลังก์ไปครอง
ทีมฟอร์มวูบชนะเพียง 2 นัดจาก 6 นัดสุดท้ายก่อนฟุตบอลหยุดแข่ง แต่กระนั้นในช่วงดังกล่าวก็ยังมีเกมชนะ ชาลเก้ 5-0 ที่ว่ากันว่าเป็นนัดที่ผลงานดีสุดในฤดูกาล หรือการยันเสมอ บาเยิร์น ได้ 0-0 ก็น่าพอใจเช่นกัน
ตอนนี้ทีมตามหลัง บาเยิร์น 5 คะแนน ถือว่าไม่ได้มากมาย หาก นาเกลส์มันน์ สามารถเค้นฟอร์มเก่งของทีมออกมาได้อีกครั้งเช่นเดียวกับการกระหน่ำประตูอย่างต่อเนื่องของ ติโม แวร์เนอร์
โบรุสเซีย มันเช่นกลัดบัค
เทรนเนอร์ : มาร์โค โรเซ่
อันดับปัจจุบัน : 4 (49 คะแนน)
ดาวซัลโวในลีก : อเลสซาน เพลอา 8 ประตู
คีย์แมน : ยันน์ ซอมเมอร์/มาร์คุส ตูราม
มาร์โค โรเซ่ เคยมีสถิติคุมทีมลงเล่นในบ้าน "ไม่แพ้เลย" ตอนสร้างชื่อกับ ซัลซ์บวร์ก ในออสเตรีย ทว่าเขาเริ่มต้นฤดูกาลนี้กับ โบรุสเซีย มันเช่นกลัดบัค ไม่เป็นไปตามแผนเพราะ 2 นัดแรกในบ้านได้เพียงคะแนนเดียวจากการเสมอ ชาลเก้ 0-0 และโดน แอร์เบ ไลป์ซิก บุกมากำราบ 3-1
อย่างไรก็ตาม โรเซ่ พาทีมแก้ตัวชนะในอีก 5 นัดถัดมาจนทำให้ กลัดบัค พลิกกลับมานำจ่าฝูงและรักษาตำแหน่งตัวเองได้ 8 สัปดาห์ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ฤดูกาล 1976/77 ที่เคยได้แชมป์บุนเดสลีกา
พวกเขาเก็บชัยชนะได้น่าประทับใจทั้งแมตช์เยือน ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-0) และ เลเวอร์คูเซ่น (2-1) ก่อนรวมพลังแซงเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้สะใจ 2-1
ทว่า "สิงห์หนุ่ม" กลับไปพ่ายต่อ โวล์ฟสบวร์ก 1-2 จนเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับ ไลป์ซิก ก่อนปิดสัปดาห์อันเลวร้ายด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก แถมบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล ก็จบเห่แต่หัววันตั้งแต่รอบที่ 2 ที่ดันเจอของแข็ง ดอร์ทมุนด์ เขี่ยหลุดเส้นทาง
หลังจบครึ่งฤดูกาลแรก กลัดบัค ตามหลังจ่าฝูงเพียง 2 คะแนน ถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมในรอบ 40 ปี ส่วน 8 นัดหลังขึ้นศักราชใหม่ ทีมเก็บคะแนนได้เกือบจะเท่ากับ 8 นัดแรกของฤดูกาล และมีเกมน่าประทับใจอย่างวันบุกเสมอ ไลป์ซิก 2-2 ทั้งที่เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน
กลัดบัค อยู่ห่างรองจ่าฝูง ดอร์ทมุนด์ เพียง 2 คะแนน และห่างจ่าฝูง บาเยิร์น 6 คะแนน โปรแกรมสำคัญในนัดที่เหลือคือเยือนรัง "เสือใต้" ซึ่งน่าจะเป็นงานยากที่สุดของทีม เช่นเดียวกับโปรแกรมต่อเนื่องดวล แฟร้งค์เฟิร์ต กับ เลเวอร์คูเซ่น ส่วนอีก 6 นัดที่เหลือจะพบกับทีมครึ่งบนของตารางเพียง 2 ทีมเท่านั้น
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
เทรนเนอร์ : ปีเตอร์ บอสซ์
อันดับปัจจุบัน : 5 (47 คะแนน)
ดาวซัลโวในลีก : เควิน โฟลลันด์ 9 ประตู
คีย์แมน : ไค ฮาแวร์ตซ์
เลเวอร์คูเซ่น ตั้งเป้าเบื้องต้นติดท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า แต่พวกเขาก็พร้อมเป็น "ตาอยู่" แอบแย่งแชมป์ได้เช่นกันเพราะตามหลัง บาเยิร์น 8 คะแนน
ฤดูกาลนี้ "ห้างยา" เริ่มต้นได้น่าพอใจเก็บไป 13 คะแนนจาก 6 นัดแรก ทว่านัดที่ปราชัย 0-4 ต่อ ดอร์ทมุนด์ ก็ทำให้เห็นว่าทีมยังไม่ได้แกร่งมากนัก เช่นเดียวกับการที่ไม่ชนะ 4 นัดติดจนหล่นมาอยู่กลางตารางหลังผ่าน 10 นัดแรก
ในช่วงก่อนพักหนีหนาว ทีมมีผลงานดี-แย่ไม่แน่นอนเพราะเคยบุกชนะ บาเยิร์น มิวนิค ถึงรัง 2-1 แต่ก็พ่ายต่อ โคโลญจน์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และปิดท้ายปี 2019 ด้วยการเชือดชนะ ไมนซ์ 1-0 ทำให้อยู่อันดับ 6 ห่างจากพื้นที่ท็อปโฟร์ 4 คะแนน
ผลงานในปี 2020 มีความคงเส้นคงวามากกว่าเพราะเก็บชัยชนะได้ 6 นัด เสมอ 1 นัดกับเกมที่ยากไม่น้อยในการไปเยือน ไลป์ซิก และแพ้ฉิวเฉียดต่อ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในช่วง 8 นัดของปีนี้ ทีมยิงได้ 22 ประตูและเสียไป 9 ประตู ทำให้ตอนนี้ตามหลังท็อปโฟร์เพียง 2 คะแนน และห่างจากจ่าฝูงเสือใต้ 8 คะแนน
เลเวอร์คูเซ่น ยังมีลุ้นอีก 2 รายการทั้งในเดเอฟเบ โพคาล และ ยูโรปา ลีก ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาคงไม่อยากพบชะตากรรมอันเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นในฤดูกาล 2011/12 (ยุคของ มิชาเอล บัลลัค) ที่อกหัก 3 รายการในช่วงเวลาเพียง 11 วัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT