:::     :::

Andreas Pereira ในความทรงจำ และการยืมตัวแห่งโชคชะตา

วันพุธที่ 30 กันยายน 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,256
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เปเรร่ากำลังจะย้ายไปยืมตัวกับ Lazio และมีเงื่อนไขbuy option ในราคา27ล้านยูโร ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเกิดกับทีมอินทรีฟ้าขาวได้ และมีที่ที่เป็นของเขาอย่างแท้จริง

ครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับเจ้าตัวแสบคนนี้อาจจะแปลกกว่าคนอื่นสักหน่อย เพราะผมเห็นชื่อของเขาในบรรดานักเตะดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจากในเกมFootball Managerภาคเก่าๆ ซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าภาคอะไร น่าจะช่วงFM2012 ถึงFM2014นี่แหละ ซึ่งก็ตรงกับความเป็นจริงที่น้องเข้ามาร่วมทีมกับแมนยูปี2011พอดี แม้ปีไม่แน่ชัดแต่ผมไม่เคยลืมชื่อของเขาแน่นอน ซึ่งช่วงนั้นก็มีตัวรุกอยู่หลายตัว และชื่อของเขาก็โดดเด่นอีกคนนึงในบรรดาลูกกรอกคะนองในยุคนั้น อย่างเช่นคนอื่นๆในรุ่นเดียวกันอย่างDimitri Mitchell เป็นต้น

อย่างที่หลายคนที่เล่นเกมนี้ทราบกัน หากเชียร์แมนยูและไปส่องเด็กทีมเราบ่อยๆก็จะรู้ว่า เด็กเยาวชนในทีมมีให้ปั้นเยอะมาก เหมือนกับเรื่องจริงที่สโมสรสร้างนักเตะเยาวชนมาเรื่อยๆ แต่มันก็ใช่ว่าจะเก่งเว่อร์ไปซะทุกตัว ค่าพลังน้อยๆซะเป็นส่วนใหญ่ ก็ตรงกับความจริงดี(เกมเขาก็ไม่ได้โกงให้ทีมเราอะนะ)

แต่ในบรรดาดาวรุ่งทั้งหมดที่เรามี หนึ่งในพวกที่ชื่อโดดเด่นขึ้นมาเพราะค่าพลังโดดเด่นตั้งแต่เด็ก และมีแววจะปั้นให้เก่งได้ในอนาคต หนึ่งในนั้นมีมิดฟิลด์ตัวรุกตำแหน่งAMCอยู่คนนึงที่ผมจำเขาได้ดีตั้งแต่ก่อนจะเห็นตัวจริงด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นยังไง

ชื่อของเด็กคนนั้นคือ Andreas Pereira

สาเหตุที่ต้องมานั่งเท้าความให้ฟังก่อนนั่นเป็นเพราะว่า อยากจะบอกให้คนอ่านรู้ว่าเราเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามเปเรร่ามานานมากๆแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมารู้จักในระยะหลังที่กลับมาติดทีม แต่ตามเขามาตั้งแต่ชุดเยาวชน และเชียร์ให้ขึ้นมาติดทีมโดยตลอด เพราะรู้จากในเกมว่าตัวนี้เก่งจริงๆ ภาคหลังๆนี่ปั้นนิดนึงก็เก่งแล้ว และขายได้ราคาดีมาก(อ้าว 555) เพราะอย่างที่บอก ค่าพลังดีและเป็นตัวประเภทที่มีpotential abilityค่อนข้างสูงในภาคเก่า

ก็คล้ายๆกับภาพที่มองเห็นและตั้งความหวังกับ Hannibalในยุคนี้เป๊ะๆ

ดังนั้นความรู้สึกที่มีต่ออันเดรส เปเรร่า มันจึงมากกว่าแค่รู้สึกกับนักฟุตบอลที่ซื้อเข้ามาจากสโมสรอื่นแล้วเรียกฟอร์มไม่ได้ในทั่วๆไป เพราะมันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นด้วยความผูกพันที่เห็นกันมานานตั้งแต่ยังไม่รู้จักหน้าตัวจริงในฐานะเด็กปั้นของพวกเรา จนกระทั่งเติบโตขึ้นมาแล้วเริ่มขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ และมีโอกาสลงสนามโชว์ฝีเท้าให้พวกเราดูเป็นครั้งคราว

เราจึงได้เห็นเส้นทางของเปเรร่าว่ายังไงบ้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

Andreas Hugo Hoelgebaum Pereira หรือ Andreas Pereira ที่เรารู้จักกันดีนั้นเป็นลูกชายของนักฟุตบอลอย่าง Marcos Pereira กองหน้าชาวบราซิลที่เล่นฟุตบอลอยู่ที่อเมริกาใต้ก่อนที่จะย้ายมาขุดทองในยุโรป และเล่นให้กับหลายสโมสรในเบลเยี่ยม หนึ่งในทีมที่พวกเราคุ้นชื่อบ้างน่าจะเป็น Royal Antwerp ในเบลเยี่ยมนั่นแหละ

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งรกราก และAndreas Pereira ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวันขึ้นปีใหม่ของปี1996 ที่เมืองDuffel ประเทศ Belgium ดังนั้นCitizenshipของเปเรร่าจึงมีสองประเทศ นั่นก็คือ เป็นคนBrazilโดยสายเลือด แต่ก็เป็นคนBelgiumโดยกำเนิดเช่นกัน

เมื่ออายุได้ราว9ขวบเขาก็เดินทางไปเป็นเด็กฝึกของสโมสร PSV Einhoven ได้รับวัฒนธรรมฟุตบอลมาจากดัตช์อยู่บ้างพอสมควร จากนั้นเมื่ออายุได้15ปี จึงได้เดินทางมาเซ็นสัญญากับอะคาเดมี่ของManchester United ในปี2011

เส้นทางชีวิตของเปเรร่าคล้ายกับพ่อของเขาMarcosเป็นอย่างมาก ตรงที่เป็นนักเตะพเนจรเหมือนกัน เพราะปี2016/17 และ 2017/18 2ปีนี้เขาก็ถูกปล่อยยืมตัวไปสเปนอีก ทั้งกับGranada และ Valencia ดังนั้นการเล่นของฟุตบอลมันจึงมีวัฒนธรรมของบอลยุโรปแบบเต็มๆจากหลากหลายประเทศมากๆ ทั้งเบลเยี่ยม ฮอลแลนด์ อังกฤษ สเปน จากการมีสายเลือดบราซิลไหลอยู่ในร่าง

แต่เพราะเปเรร่าไม่ได้มีถิ่นฐานอยู่ที่อเมริกาใต้ ดังนั้นที่หลายๆคนสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่เหมือนนักเตะบราซิลเลย นี่บราซิลเสินเจิ้นรึเปล่า? รายละเอียดตรงนี้น่าจะชัดเจนว่า น้องเป็นนักฟุตบอลภาคพื้นยุโรปมาตั้งแต่เด็กแล้ว แค่มีสายเลือด และเลือกที่จะรับใช้ทีมชาติบราซิลอันเป็นเชื้อชาติของตนและครอบครัวเท่านั้น สไตล์มันจึงไม่เป็นบราซิลแท้เลยอย่างที่เราเห็น

ปีที่อันเดรส เปเรร่า เริ่มได้ขึ้นมาทีมชุดใหญ่ และเดบิวต์กับแมนยูไนเต็ดนั้นคือยุคของอาจารย์หลุยส์ Louis van Gaal ทั้งสองซีซั่น คือ 2014/15 ปี เดบิวต์เกมลีกคัพที่แพ้MK Dons 4-0ในลีกคัพรอบสอง และสำรองลงเปลี่ยนแทนมาต้าในเกมเจอสเปอร์ ปีนั้นได้ลงไป2นัด และ 2015/16 ที่เริ่มขึ้นมามีส่วนร่วมในทีมเยอะขึ้น ลงทั้งหมด11นัด ทำได้1ประตูในเกมลีกคัพที่เจอกับIpswich Town ซึ่งเป็นประตูจากฟรีคิกสุดสวยปั่นด้วยขวาท่าไม้ตายถนัด เสียบมุมล่างขวาไปอย่างงดงาม

นั่นคือประตูแห่งความทรงจำจริงๆที่ทำให้เราแฟนผีหลายๆคนมองเห็นความหวังตัวรุกคนใหม่ของสโมสร จากการยิงฟรีคิกที่เฉียบขาดและแสดงให้เห็นว่า "มีของ" อยู่ในตัวเช่นนี้ เพราะยุคนั้นการที่เด็กอายุ20ปีจะมายิงประตูได้ในทีมชุดใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ดังนั้นแม้จะเป็นประตูเดียวที่ทำได้ในซีซั่นที่ขึ้นมาเป็นปีที่2 แต่เป็นประตูที่ยังคงติดตรึงและ"ประทับใจ"ผู้เขียน และแฟนผีหลายๆคนไม่รู้ลืมในฐานะความหวังแห่งอนาคต

ซึ่งเมื่อพอคนที่ให้โอกาสเด็กเยาวชนอย่างLVGต้องออกจากสโมสรไป ในยุคมูรินโญ่สองปีแรกเขาถูกปล่อยตัวไปยืมที่สเปนเพื่อเก็บประสบการณ์และชั่วโมงบิน สร้างกระดูกเพื่อจะกลับมาเล่นให้สโมสรในภายหลังคล้ายๆกับเคสของJessie Lingard และเด็กดาวรุ่งมีแววคนอื่นๆที่ถูกปล่อยตัวออกไปยืมเรื่อยๆแล้วติดตามพัฒนาการ

ซึ่งเปเรร่าเมื่อย้ายไปเล่นกับแกรนาด้าและบาเลนเซีย ส่วนใหญ่ก็จะเล่นค่อนข้างจับฉ่าย คือไม่ได้เป็นAMCเหมือนตอนอยู่ทีมเยาวชนแมนยู แต่เขาไปเล่นทั้งในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางสนาม และเล่นมิดฟิลด์ตัวข้าง เยอะมากๆ ทั้งML และ MR ก็ตามที ตำแหน่งของเปเรร่าเล่นจับฉ่ายมากๆ เพราะแทบทุกตำแหน่งเขาเคยหมดแล้ว ทั้งกองหน้า ปีกซ้ายปีกขวา มิดฟิลด์ตัวกลาง ซ้าย ขวา มิดฟิลด์ตัวต่ำ และแม้กระทั่ง"แบ็คขวา" ก็ยังเคยมาแล้ว (จริงๆน้องมีความดุดันของการเข้าบอลอยู่ จะใช้เล่นตัวรับบ้างบางเกมก็ถือว่าเป็นไปได้)

และในปี 2018/19 จึงได้ย้อนกลับมาสู่แมนยูไนเต็ดอีกครั้งตอนอายุ22ปี และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของแมนยูไนเต็ดชุดปัจจุบันอีกครั้งจนถึงขณะนี้

ภาคการเล่นของเปเรร่านั้น จริงๆแล้วธรรมชาติที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานเขา ก็คงจะเป็นAMCนั่นแหละ มิดฟิลด์ตัวรุกตรงกลางสนาม เพียงแต่ว่าปัญหาของเปเรร่านั้นคือเรื่องของ "วิธีคิด" ในการเล่นของเขาเป็นหลักๆ ในเรื่องของการตัดสินใจ ทัศนคติในการเล่น คือเปเรร่าเล่นกลางรุก แต่มักจะพยายาม"ฝืนเล่น" อยู่บ่อยครั้ง

ฝืนยังไงบ้าง เช่น ฝืนเล่นท่ายาก หรือใช้เทคนิคยากๆ(แบบพวก4ดาว5ดาวในเกม)เอามาใช้เสมอ ซึ่งท่าพวกนั้นถ้าไม่ใช้ได้ชัวร์ๆ แม่นยำๆจริงๆก็ไม่ควรเอามาใช้เพราะมันจะเสียบอลไปง่ายๆเลย ซึ่งเปเรร่าก็จะทำแบบนั้นอยู่บ่อยๆ คือฝืนเล่นยากมากและฝืนเล่นเองอยู่บ่อยครั้ง เพราะทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นกลางรุก แต่มักจะพยายามเข้าทำและไปด้วยตัวเอง มากกว่าที่จะสร้างสรรค์บอลดีๆให้เพื่อน เพราะ2ปีที่ไปอยู่สเปน มี6ประตู 8แอสซิสต์ จาก66นัดในตำแหน่งมิดฟิลด์ ซึ่งก็ยังถือว่าน้อยอยู่

อาจจะอ้างได้ว่า เพราะเล่นกองกลางเลยไม่มีโอกาสผลิตสกอร์ในเชิงตัวเลขผลสัมฤทธิ์

แต่เมื่อกลับมาอยู่กับยูไนเต็ด2ปีที่ผ่านมา เล่นกับแมนยูส่วนใหญ่ก็เป็นAMCซะมากตามตำแหน่งถนัด ลงไปทั้งหมด63นัด แต่กลับยิงได้แค่3ประตู บวกกับอีก5แอสซิสต์เท่านั้น ซึ่งมันน้อยเกินไปจนน่าใจหาย เพราะอย่างน้อยที่สุดยิงไม่ได้ไม่เป็นไร เล่นตำแหน่งสำคัญอย่างกลางรุกมันควรจะมีได้จ่ายบอลให้เพื่อนยิงบ้าง แต่นี่มีแค่5แอสซิสต์เท่านั้นเอง

ปัญหาจึงเป็นอย่างที่เราได้เห็นๆกัน

จริงๆแล้วผมกล้าพูดว่า อันเดรส เปเรร่า ไม่ได้กระจอกขนาดนั้น เขามี "สกิล" ที่อยู่ในระดับดี เห็นได้จากไอ้ท่าที่ต้องใช้เทคนิคพวกนั้นนั่นแหละ เพียงแต่ว่าการนำมาใช้งานนั้นมันใช้ไม่ถูกที่ถูกเวลา และใช้พร่ำเพรื่อจนเกินไป ซึ่งมันไปทำลายperformance ในสนามซะหมด จากการที่เสียบอล หรือทำลายจังหวะทีมตัวเองไป

ตรงนี้เอาจริงๆแล้วมันเป็นปัญหาที่ภาคการเล่นล้วนๆ หากเขามีคนชี้ทางที่ดีกว่านี้ คงจะไปได้ไกลกว่านี้มาก เพราะหลายๆครั้งดูจะกล้าเล่นลูกยาก และครีเอทเกมรุกได้แบบบรูโน่ คือมีเซนส์และวิชั่นที่ดี แต่มักไม่ค่อยทำ และถึงเวลาทำมันก็จะขาดนิด เกินหน่อย มันไม่เข้าเป้าเหมือนที่บรูโน่ลองเสี่ยงจ่ายหลายๆครั้ง แต่มันก็มีครั้งที่จ่ายสำเร็จอยู่บ่อยๆ

สุดท้ายแล้ว เมื่อการได้รับโอกาสลงบ่อยๆแต่ไม่สามารถสร้างอะไรให้ทีมได้ ตามฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ซึ่งหลายๆคนก็คงจะเห็น รวมถึงทีมงานและผู้จัดการอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาด้วยนั้น ในระยะหลัง เปเรร่าจึงหลุดออกจากทีมยาว และไม่ได้ลงสนามเลยนับตั้งแต่โซลชามี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ใช้งานในตำแหน่งของเขาอยู่ ทั้งๆที่แฟนผีกะว่า เปเรร่าน่าจะยังมีอนาคตอยู่กับทีม และคนที่ควรหลุดคือ "เจสซี่ ลินการ์ด" มากกว่าที่การเล่นของเขาไม่มีอะไรเลย สกิลทักษะด้อยกว่าเปเรร่าซะด้วยซ้ำที่น่าจะพัฒนาได้มากกว่าในอนาคต  แต่ก็กลับเป็นลินการ์ด ที่ได้โอกาสลงสนามมากกว่าเปเรร่าอย่างเห็นได้ชัด จนถึงตอนนี้ฤดูกาล2020/21 เริ่มต้นขึ้นแล้ว เขายังไม่ได้ลงเลย เราเห็นแต่ลินการ์ดที่ได้ลงสนาม และมีชื่อในม้านั่งสำรองกับทีมอยู่

ดูจากการหลุดทีมยาวๆไม่มีแม้แต่ชื่อตัวสำรอง ก็ทำให้เรารู้ว่าอนาคตของเขากับถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดน่าจะใกล้ถึงบทสุดท้ายแล้ว และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อมีข่าวว่าทีมต่างๆสนใจ และในที่สุดดีลของเปเรร่าก็เกิดขึ้น เมื่อทีมLazioตกลงที่จะทำสัญญายืมตัวAndreas Pereira ตัวรุกวัย24ปีของเราไปเป็นอินทรีตัวใหม่ไว้ใช้งาน โดยมีเงื่อนไข Buy option ที่ทำให้ในอนาคตพวกเขาสามารถที่จะซื้อเปเรร่าได้ในราคา 27ล้านยูโร (24.5ล้านปอนด์) และระหว่างยืมตัวลาซิโอ้จะช่วยกันจ่ายค่าเหนื่อยให้เปเรร่าร่วมกับเรา โดยที่พวกเขาจะจ่ายให้มากกว่าฝั่งเราหน่อย

เป็นที่น่าสังเกตว่าตรงนี้คือ "option to buy" (ทางเลือกหากต้องการซื้อ) แต่ไม่ใช่ "obligation to buy" (เงื่อนไขบังคับซื้อ) ตามที่ทุกสื่อรายงาน รวมถึงRomanoด้วยที่here we goแล้วเรียบร้อย

ตรงนี้หมายความว่า หากการย้ายยืมตัวครั้งนี้ของPereiraกับทางLazio มันไม่เวิร์ค นั่นแปลว่าเขาอาจจะกลับมาอยู่กับแมนยูไนเต็ดได้อีก หลังจากจบฤดูกาล 2020/21 หากว่าลาซิโอ้ไม่ต้องการซื้อขาด หากยืมไปแล้วเล่นไม่ออก ฟอร์มไม่เปรี้ยง เพราะว่าสัญญาปัจจุบันของเปเรร่านั้นหมดเดือนมิถุนายน ปี2023

ดังนั้นการยืมตัวครั้งนี้ของเปเรร่า จึงไม่ใช่การไปแล้วไปลับแบบขาดสะบั้นเสียทีเดียว แต่ยังมีโอกาสกลับมาอยู่

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หากเงื่อนไขยืมตัวมันตรงตามข่าวไม่เปลี่ยนแปลง ผมว่าครั้งนี้คือ "การยืมตัวแห่งโชคชะตา" ของAndreas Pereira ครั้งสุดท้ายจริงๆว่า อนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร จะเกิดกับLazioหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วก็เฟลและต้องระเห็จจากแกรนด์ไลน์อิตาลี (ซึ่งเป็นประเทศที่4แล้วในยุโรปที่เขาเล่นฟุตบอล) แล้วกลับมาเกาะอังกฤษอีกครั้ง

Andreas Pereira อาจจะมีฟอร์มการเล่นและผลงานที่ย่ำแย่จริงๆกับทีมเรา อันนี้ต้องยอมรับกันตามตรง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสนามและสถิติมันก็บ่งบอกชัดเจนอยู่แล้ว และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแม้ว่าจะขึ้นชื่อเรื่องการปั้นเด็กเยาวชนขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ได้เสมอๆ

แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะได้รับโอกาสอยู่ที่นี่ เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือ "สโมสร" ที่ต้องก้าวต่อไปในสิ่งที่ดีที่สุด

Mitchell และ Tuanzebe สองนักเตะรุ่นเดียวกันกับPereira ข้างหลังนั่นน่าจะน้องแม็คอีกคน

ก็เหมือนๆกับดาวรุ่งและนักเตะคนอื่นๆที่หากไม่ดีพอ ก็จำเป็นต้องย้ายออกไปหาสโมสรใหม่ที่น่าจะเหมาะกว่าเขามากกว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ต้องเสียใจไปมากมายนัก แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุของการเกิดบทความครั้งนี้ก็คือ แม้เปเรร่าจะเล่นได้ไม่ดีจริงๆ แต่เราก็รักมันในฐานะนักเตะลูกหม้อของสโมสรแท้ๆอีกคนนึงที่มาฝึกตั้งแต่อายุน้อย และเติบโตขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมในระยะหนึ่ง

แม้เราจะตำหนิในเรื่องการเล่นในสนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วนั้น แต่นอกสนาม เมื่อน้องไม่ดีพอจะเล่นให้ทีมชุดใหญ่เรา พวกเราแฟนผีก็ควรที่จะให้กำลังใจ และอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคต ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม

และไม่ควรที่จะตกเป็นเป้าหมายการระบายอารมณ์หรือbullying มากเกินเลยกว่าการตำหนิฟอร์มการเล่นเท่านั้น

ไม่เช่นนั้นมันก็จะเป็นการล้ำเส้นและทำร้ายกันในฐานะมนุษย์มากเกินไป

การมีข่าวย้ายทีมครั้งนี้ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่จะได้ขับไสไล่ส่งให้ออกจากสโมสรไวๆ แต่พวกเราควรที่จะดีใจกับน้องในแง่ที่ว่า ในที่สุดเขาก็หาสโมสรที่จะมีโอกาสได้ลงเล่น และความกดดันไม่มากเท่าที่นี่ได้สำเร็จซะทีมากกว่า

และรวมถึงเอาใจช่วยให้ทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนเคสของสมอลลิ่ง เพราะเราเองก็อยากเห็นมันประสบความสำเร็จ เป็นนักเตะชั้นนำอีกคนที่มีผลงานที่ดี และได้เป็นตัวจริงของที่ไหนสักที่

ขอให้หา "best place" ของตัวเองให้เจอไวๆ และจะตามเป็นกำลังใจเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือแม้สุดท้ายจะต้องกลับมาอยู่กับเราต่อในปีหน้าก็ตาม

อยากเห็นนายฉายแววอยู่ที่ไหนสักที่นะไอ้หนูเอ๊ย พี่เชื่อว่าเอ็งมีศักยภาพพอจะไปถึงตรงนั้นได้นะ

-ศาลาผี-

References

https://www.transfermarkt.com/andreas-pereira/leistungsdatendetails/spieler/203394

https://www.theguardian.com/football/2020/sep/29/lazio-sign-andreas-pereira-on-loan-and-leeds-edge-closer-to-cuisance-signing

https://www.youtube.com/watch?v=orY6-K6Pjso

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด