ครึ่งทางยูโรปาของปืน
ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เริ่มต้นยูโรปา ลีก ด้วยการบุกชนะ ราปิด เวียนนา 2-1 ก่อนกลับมาเล่นในบ้าน 2 นัดติดเอาชนะ ดันดอล์ก 3-0 และล่าสุดแซงชนะ โมลด์ 4-1
ภารกิจต่อไปไม่ได้ยุ่งยากแล้วเพราะจะเข้ารอบทันทีหากย้ำแค้น โมลด์ ได้อีกในนัดที่ 4 โดยที่ไม่ต้องสนใจผลอีกคู่ระหว่าง ดันดอล์ก กับ ราปิด เวียนนา
ตลอด 3 นัดแรกในยูโรปา ลีก มิเกล อาร์เตต้า ได้ทั้งผลการแข่งขันที่ต้องการและการบริหารจัดการทีมที่เหมาะสม และนี่คือบทสรุปของ อาร์เซน่อล ในถ้วยยุโรปหลังผ่าน "ครึ่งทาง" ของรอบแบ่งกลุ่ม
1. ได้ผลลัพท์ที่ต้องการ
ตามศักยภาพแล้ว อาร์เซน่อล เหนือกว่าทุกทีมในกลุ่มและน่าจะเข้ารอบอย่างไม่ยากเย็นนัก ภารกิจที่ท้าทายคือต้องเข้ารอบให้เร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3 นัดแรกที่เก็บ 9 คะแนนเป็นผลงานตามเป้าเพราะได้เล่นในบ้าน 2 นัดซึ่งควรต้องชนะทั้งหมด ส่วนเกมเยือน ราปิด เวียนนา ในนัดแรกมีเหนื่อยเล็กน้อยจากการเสียประตูไปก่อน แต่ก็ฮึดแซงเข้าป้ายได้สำเร็จ
อาร์เซน่อล เก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัดแรก
นอกจากนำจ่าฝูงแล้ว "ปืนใหญ่" สามารถยิงรวมได้ 9 ประตูจาก 3 นัด มากกว่าทุกทีมในกลุ่ม และเสียไป 2 ประตู น้อยกว่าทุกในกลุ่มเช่นกัน
สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ใน 3 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม อาร์เซน่อล ต้องลงเล่นหลังเพิ่งผ่านเกมหนักในลีกทั้งเจอ แมนฯ ซิตี้, เลสเตอร์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด
2. โรเตชั่นนักเตะได้เหมาะสม
สิ่งสำคัญในการลงเล่นยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มคือการหมุนเวียนนักเตะอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกับการเล่นในลีกที่ต้องจัดชุดที่ดีสุดลงสนาม ซึ่ง อาร์เตต้า โรเตชั่นได้ดีทีเดียวตลอด 3 นัดแรก
นัดเปิดหัวที่บุกชนะ ราปิด เวียนนา เป็นนัดที่ยากสุดใน 3 นัดแรก อาร์เตต้า เน้นระดับหนึ่งด้วยการใช้ตัวจริงจากเกมลีกนัดก่อนหน้านั้นที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1 ลง 5 คน และต้องให้ตัวหลักอีก 2 คนคือ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ เอคตอร์ เบเยริน ลงเป็นซูเปอร์ซับประสานงานกันจนได้ประตูชัย
ในนัดสอง อาร์เซน่อล ต้องลงเล่นหลังจากแพ้ในเกมลีกเช่นกันหลังเสียท่า เลสเตอร์ คาบ้าน 0-1 อาร์เตต้า ได้เปลี่ยนทีมแทบยุกชุด 10 ตำแหน่ง มีเพียง กรานิต ชาคา ที่ได้เป็นตัวจริงต่อแต่ถูกถอยลงไปยืนเซนเตอร์เพื่อให้ กาเบรียล มากัลเญส ได้พัก
ตัวหลักในลีกเป็นเพียงสำรองในถ้วยนี้
ส่วนนัดสาม อาร์เตต้า เปลี่ยน 9 ตำแหน่งจากเกมชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 มีเพียง แบรนด์ เลโน่ กับ วิลเลี่ยน ที่ได้เป็นตัวจริงต่อก่อนช่วยกันเอาชนะ โมลด์ 4-1
สรุปคือ แกนหลักที่ อาร์เตต้า ใช้งานในลีก ไม่ได้ลงเล่นมากนักในยูโรปา ลีก ขณะที่บางคนก็ไม่ได้เล่นเลย ทำให้ อาร์เตต้า ยังสามารถรักษาความสดของตัวหลักเอาไว้ได้อย่างเหมาะสมหากไม่นับอาการบาดเจ็บซึ่งเป็นสิ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
3. ดาวรุ่ง-สำรองได้โอกาสโชว์ของ
ในแง่ปริมาณ อาร์เซน่อล สามารถจัดทีมได้ 2 ชุดแถมยังมีตัวเลือกเหลืออีกต่างหากทำให้โอกาสของบรรดาดาวรุ่งหรือสำรองอยู่ที่บอลถ้วยทั้งคาราบาว คัพ และ ยูโรปา ลีก
กลุ่มดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาจากอคาเดมี่สโมสรทั้ง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, รีสส์ เนลสัน, โจ วิลล็อค และ เอนส์ลี่ เมทแลนด์-ไนลส์ ต่างได้โอกาสกันถ้วนหน้า เช่นเดียวกับ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ได้เรียกฟอร์มอย่างเต็มที่ในรายการนี้เพราะในลีกตกเป็นสำรองของ วิลเลี่ยน
นิโกล่าส์ เปเป้ ได้ลงเล่นเพื่อเรียกฟอร์ม
อเล็กซ์ รูนาร์สสัน ผู้รักษาประตูคนใหม่ประเดิมสนามให้ทีมไปแล้วในนัดกับ ดันดอล์ก ขณะที่ เซอัด โคลาซินัช และ เซดริก โซอาเรส ก็ได้ลงเล่นเต็มที่ รวมถึง โธมัส ปาร์เตย์ และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ที่มีผลงานดีในถ้วยนี้ก่อนได้รับความไว้วางใจในเกมลีกที่บุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 พร้อมได้รับคำชมอย่างล้นหลาม
กลุ่มผู้เล่นเหล่านี้จะเป็นแกนหลักให้ทีมตลอด 3 นัดที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่มเพื่อให้ตัวหลักได้โอกาสพัก และถ้าใครผลงานดี อาร์เตต้า ก็พร้อมให้ได้เล่นในลีก จึงถือได้ว่าเป็นเวทีสำหรับการพิสูจน์ตัวเองของหลายคนในทีม
4. อาร์เตต้า ได้ทดลองแท็กติกหลากหลาย
นอกจากการได้มีรายการให้ดาวรุ่งและสำรองลงสนามแล้ว มิเกล อาร์เตต้า เองก็ได้โอกาสทดลองแท็กติกการเล่นของทีมในสถานการณ์ที่ "เสี่ยง" น้อยกว่าในลีก
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายปีที่แล้ว อาร์เตต้า เลือกใช้ทั้งระบบ "แบ็กโฟร์" และ "หลัง 3" สลับกันไปมาแล้วแต่โอกาส ซึ่ง 3 นัดแรกในยูโรปา ลีก อาร์เตต้า ก็ใช้ทั้งสองระบบ แถมมีการปรับเปลี่ยนระหว่างเกมอีกด้วย
ในเกมชนะ ดันดอล์ก อาร์เตต้า ได้โอกาสทดลองอีกอย่างด้วยการให้ กรานิต ชาคา เล่นเป็นปราการหลังตัวสุดท้าย หรือ สวีปเปอร์ ขนาบข้างด้วย โคลาซินัช และ มุสตาฟี่ แถมท้ายเกมก็ยังมี เอลเนนี่ ขยับไปเล่นอีกด้วย
โอบาเมย็อง ลงสำรองช่วยทีม 1 นัดและยิงประตูชัย
อาร์เตต้า ลองให้ ชาคา และ เอลเนนี่ เล่นเพื่อเป็นทางเลือกฉุกเฉินเพราะก่อนหน้าเกมลีกนัดถัดมาที่ต้องไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ตัวเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟมีน้อยหลังจาก ดาวิด ลุยซ์ เดี้ยงไปอีกราย ขณะที่ มุสตาฟี่ เพิ่งหายเจ็บกลับมา
แต่โชคดีที่ในเกมเยือนโรงละครแห่งความฝัน ร็อบ โฮลดิ้ง หายเจ็บกลับมาก่อนกำหนดทำให้ได้ลงคุมแนวรับร่วมกับ กาเบรียล และ คีแรน เทียร์นี่ย์ และก็เป็นอีกคนที่ทำผลงานได้ดี
5. อีกนัดเดียวเสร็จภารกิจช่วงแรก
อาร์เซน่อล จะเข้ารอบทันทีหากบุกชนะ โมลด์ ในนัดหน้าหลังเบรกทีมชาติซึ่งโปรแกรมลีกก่อนหน้านั้นคือไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์ โร้ด
ถือว่าเป็น 2 นัดที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องบริหารจัดการให้ดีเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการทั้งในลีกและยูโรปาที่มีโอกาสเข้ารอบทันที
หาก อาร์เตต้า ทำได้กับการพาทีมเข้ารอบใน 4 นัดแรก โปรแกรม 2 นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มจะลงเล่นได้อย่างสบายใจมากขึ้นและสามารถโฟกัสเกมลีกได้อย่างเต็มที่เพราะเป็น 2 เกมที่ยากแน่นอนทั้งเจอ วูล์ฟแฮมป์ตัน และ สเปอร์ส
มีโอกาสเข้ารอบในนัดหน้า
ส่วนในรอบน็อกเอาต์ ยูโรปา ลีก จะเริ่มแข่งขันกันในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยที่ระหว่างจบรอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบน็อกเอาต์ จะมีโปรแกรมคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมกับ แมนฯ ซิตี้ เข้ามาแทรก
ท่องเอาไว้...ดีสุดและปลอดภัยสุดคือบุกชนะ โมลด์ นัดหน้าให้ได้และปิดจ๊อบเข้ารอบทันที
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT