กีเก้ เซเตียน : ครั้งนึงในชีวิตของคนธรรมดาบนยานแม่ (ตอนจบ)
เมสซี่ กับ เซเตียน มีข่าวออกมาอยู่เป็นระยะในช่วงที่ทั้งคู่ร่วมงานกันว่าไม่ค่อยลงรอยกันนัก มาในครั้งนี้เราจะได้รู้กันว่าแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ในความคิดเห็นของ เซเตียน ที่มีต่อกลุ่มนักเตะบาร์เซโลน่า ยังสะท้อนบางอย่างที่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้มาก่อน มันทำให้เราเห็นภาพ และตัวตนของขุนพลอาซูลกราน่ามากขึ้น ว่าใกล้เคียงกับเราจินตนาการไว้หรือไม่....ซึ่งเรื่องนี้คุณคงต้องลองอ่านแล้วตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะเชื่อหรือไม่
(ต่อจากตอนที่ 1)
เดล บอสเก้ : ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือคุณควรพูดกับเขา(เมสซี่) เหมือนอย่างที่คุณพูดถึงเขากับผมในตอนนี้ บอกว่าเขาคือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล บอกเขาว่าสิ่งสำคัญที่สุดของกีฬาประเภททีมซึ่งตรงกันข้ามกับกีฬาประเภทเดี่ยวก็คือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ถ้าความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาจากนักเตะคนสำคัญ พวกเราก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นวันนึง คุณตัดสินใจถอด เมสซี่ ออกจากสนามก่อนหมดเวลาสักครึ่งชั่วโมงในเกมที่นำขาดแล้ว และมอบโอกาสให้นักเตะคนอื่น นั่นแหละคือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่จะต้องมีภายในทีม มีใครบ้างที่ไม่อยากได้รับมัน ?
เซเตียน : เรื่องนี้มันยากมากสำหรับคนที่เคยชินกับชัยชนะ เขาจะรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาในยามที่ไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ผมว่าสิ่งนี้มันทำลายเขา
ความคาดหวังก้อนมหึมาที่เกิดขึ้นในโลกฟุตบอลมันเติมเต็มเขาและเติมเต็มนักเตะคนอื่นๆ ทำให้ต้องการที่จะชนะอยู่ตลอดเวลา
มีนักเตะประเภทนึงที่ควบคุมจัดการไม่ได้ง่ายๆ ซึ่ง เลโอ เมสซี่ รวมในนั้น แถมคุณยังต้องตระหนักว่าเขาคือนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาล แล้วผมเป็นใครล่ะที่จะไปเปลี่ยนเขา ?! ถ้าที่นั่น (บาร์เซโลน่า) ยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็นมาตลอดหลายปี มันก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเขาได้
แน่นอนว่าแนวทางของคุณ(เดล บอสเก้) คือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นในหลากหลายมิติตั้งแต่ในห้องแต่งตัว ซึ่งบางครั้งมันหลอกลวงคุณ ,ที่พวกเขา(กลุ่มนักเตะบาร์ซ่า)ใช้ชีวิตอยู่นั้นมันไม่ใช่ความจริงสำหรับพวกเราหรือคนทั่วไป
สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดก็คือชัยชนะ ส่วนสิ่งอื่นๆที่เหลือนั้นล้วนไร้ความหมาย, ผมว่ามันคงเป็นไปเช่นนี้จนกว่าที่พวกเขาจะเลิกเล่นฟุตบอล จนกว่าที่จะได้ผ่านช่วงเวลาอีกหลายปี พวกเขาไม่มีทางจะได้เห็นความเป็นจริงของชีวิต
……………………….
เดล บอสเก้ : คุณคิดว่าบอลทุกลูกต้องพุ่งไปในทิศทางเดียวกัน,ถ้ามีบางคนพูดว่า “เฮ้ ผมไม่อยากส่งบอลให้กับ เมสซี่, เขาคนนั้นก็จะกลายเป็นแกะดำไปเลยใช่มั๊ย ?
เซเตียน : มีบางครั้งที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป มันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นตลอดเวลา คุณต้องมีการตัดสินใจของคุณเอง แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจนั้นด้วย
……………………….
เดล บอสเก้ : ปัญหาส่วนนึงของการทำงาน มาจากการแทรกแซงของมือขวาคุณหรือเปล่า (เอแดร์ ซาราเบีย)?
เซเตียน : บิเซนเต้, ผมได้อธิบายให้นักเตะเข้าใจตั้งแต่วันแรกแล้วว่า เอแดร์ เป็นคนแบบไหน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีพลังงานเต็มเปี่ยม
เขาอยู่กับฟุตบอลด้วยความจริงจัง แต่เขาก็เป็นเขา เราคงจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงเขาอย่างสิ้นเชิง หากแต่พยายามเขาในบางแง่มุม
ผมรักเขามากๆ , เขาช่วยเหลือทีมได้มากมาย เราต้องตระหนักถึงสิ่งนี้ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มหัศจรรย์ ในวันที่กล้องจับภาพเขาพูดสิ่งต่างๆที่ข้างสนาม (คำหยาบ) ผมบอกเขาว่านายไม่สามารถให้คนเห็นภาพเหล่านี้ได้ วันต่อมาผมได้พูดคุยกับแกนหลักของทีม และผมกล่าวขอโทษพวกเขา พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
ส่วนผม ไม่ใช่ประเภทที่ชอบโวยวายใส่ใคร ผมไม่เคยเป็นแบบนั้น ซึ่งบางครั้งมันก็ดีเหมือนกันที่มีคนทำในแบบนี้บ้าง เพื่อที่จะสร้างบรรยากาศที่เข้มข้นขึ้น การซ้อมทุกครั้งควรจะมีความจริงจังไม่ต่างจากเกมการแข่งขันจริง , การทำงานของเขาถือได้ว่าสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากจริงๆ
…………………….
เดล บอสเก้ : คุณคิดว่าที่ บาร์เซโลน่า คุณได้เป็นตัวของตัวเองเต็มร้อย เป็น กีเก้ ที่มีความขบถหรือไม่ ?
เซเตียน : ไม่เลย จนกระทั่งออกมานั่นแหละ ผมไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ผมไม่สามารถเป็นได้ ในวันที่คุณเซ็นสัญญากับทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า คุณจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรง่าย แม้จะมีกลุ่มนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกก็ตาม
ความจริงก็คือผมไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ หรือแม้กระทั่งทำในสิ่งที่ต้องทำ เราเริ่มต้นได้ดีหลังจากกลับมาแข่งขัน(เบรกช่วงโควิด) ในเกมที่ มายอร์ก้า
ทว่าสถานการณ์ก็เริ่มยากลำบากขึ้น , เส้นทางของ เรอัล มาดริด มหัศจรรย์มาก เราเริ่มพบกับความกดดัน แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว มีบางสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เป็นเหตุการณ์ที่ผมควรจะเป็นคนที่แตกต่างออกไป มันไม่มีเวลาแม้กระทั่งหยุดคิด ถ้าผมตัดสินใจทำอะไรรุนแรงลงไป มันอาจทำลายเราทั้งทีม เรามี ลา ลีกา เรามี แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เกิดสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมกับ บาเยิร์น มิวนิค
……………………
เดล บอสเก้ : รู้สึกว่ามันตราบาปเลยหรือไม่กับความพ่ายแพ้ 2-8 ต่อ บาเยิร์น มิวนิค ?
เซเตียน : มันทำให้คุณจมดิ่งอย่างใหญ่หลวงเลยแหละ เมื่อคุณมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า จากความพ่ายแพ้เช่นนั้น ผมยอมรับว่าผมมีส่วนผิดต่อความพ่ายแพ้นี้ และวันนึงผมจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับมัน
หลังแพ้ 2-8 ผมโดนไล่ออก แต่ผมมารู้ทีหลังว่าการไล่ผมออกจากตำแหน่งนั้นมีการตัดสินใจมาก่อนหน้านี้แล้ว หลังออกมาผมก็เข้าใจทั้งหมด
…………………….
เดล บอสเก้ : คุณกระหายที่จะกลับไปคุมทีมอีกครั้งหรือไม่ ?
เซเตียน : ไม่มากเท่าไหร่ ผมชอบที่ได้อยู่บ้าน อยู่กับทะเล และวัวที่โด่งดังของผม (คำพูดในวันแถลงเปิดตัวของ เซเตียน ที่กล่าวถึงการเดินเล่นกับวัวในหมู่บ้านก่อนที่วันต่อมาจะได้คุม บาร์ซ่า) ความเศร้าหมองของผมมันได้ผ่านไปแล้ว
…………………….
เดล บอสเก้ : ในฐานะเทรนเนอร์ที่เจ็บปวดผิดหวัง ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้น ผมคิดว่า 8 เดือนที่ยากลำบากของคุณ ในเวลาเดียวกันก็นับเป็นเกียรติประวัติการทำงานที่ยิ่งใหญ่นะ ?
เซเตียน : บิเซนเต้ , คุณจะไม่ได้ยินผมบ่นเรื่องนี้หรอกนะ ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาในวงการฟุตบอลของผม ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงเซ็นสัญญาคุมทีมฉบับแรก ผมรู้สึกขอบคุณฟุตบอลมาตลอดสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้กับผม
เจมส์ ลา ลีกา แปล&เรียบเรียง