หากเริ่มประเด็นเรื่องของฟิลโจนส์นั้น สิ่งหนึ่งที่มันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง และไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเรื่อง"ใบหน้า"ของเขาที่มักจะเหยเกอยู่บ่อยๆเวลาที่กำลังเข้าปะทะในสนาม จนสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นประเด็นพูดถึงกันในวงกว้างบนโลกอินเตอร์เน็ท

มันกลายเป็นเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่คนสนใจจะโฟกัสถึงเขา  แต่ประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับโจนส์นั้น กลับไม่มีคนสนใจเลยไม่ว่าจะประเด็นไหนๆก็ตาม เหลือเพียงแต่แค่แง่ตลกขบขันอย่างเดียวเท่านั้นที่มักถูกนำไปตัดต่อล้อเลียนจังหวะผิดพลาดทั้งหลายในโลกออนไลน์

ในยามที่เสิร์ชชื่อของเขาบนยูทูป คุณก็มักจะเจอแต่คลิปที่มีthumbnailsเป็นรูปหน้าเหยเกของโจนส์ขึ้นมาเสมอๆ พร้อมด้วยถ้อยคำประชดประชันเอาฮาทั้งหลายเช่น "นักเตะพรสวรรค์ที่เก่งที่สุด" หรือ "ตำนาน Phil Jones" เป็นต้น แต่คุณลองไปเสิร์ชได้เลย มีแต่หน้าบิดเบี้ยวของพี่แกขึ้นมาแทบทั้งนั้น แอนิเมเตอร์ออนไลน์ชื่อดังบางคนถึงกับเอาหน้าเขาไปเรนเดอร์กับเสียงร้องของคริสติน่า อากีเลร่าและก็ทำภาพล้อเลียนต่างๆเป็นที่น่าอับอายเป็นต้น

แม้กระทั่งการแสดงความกล้าหาญในการเล่นของเขาบางช้อตอย่างเช่นการล้มลุกคลุกคลาน แต่ยังพยายามที่จะเล่นป้องกันประตูอยู่ของเขา ก็ยังถูกนำเอาไปล้อเลียนได้

เมื่อยามที่จอห์น เทอรี่พยายามป้องกันประตูด้วยการพุ่งเอา"หัว" ของตัวเองมาบังการยิงของคู่แข่งอย่างทีมชาติสโลวีเนียในฟุตบอลโลก2010 ได้รับการยกย่องชื่นชมในการถวายหัวของเขาอย่างมาก แต่เมื่อโจนส์ทำสิ่งเดียวกันด้วยการพุ่งเอาหัวเข้าไปแลกกับเท้าของโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในขณะที่กำลังจะยิงจนกระทั่งขวิดบอลให้ชิรูด์เสียจังหวะจนเล่นพลาดได้ กลับกลายเป็นการถูกล้อเลียนด้วยการเอาไปทำเป็นภาพGIFล้อกันสนุกสนาน ทั้งๆที่นี่เป็นช็อตที่เสี่ยงตายยิ่งกว่าของจอห์น เทอรี่ และสมควรจะได้รับการชื่นชมไม่แพ้กันซะอีกในด้านการเล่น

..เพราะถ้าโดนเท้าของชิรูด์หวดเข้าก้านคอหรือหัวเข้าไป ชีวิตของฟิล โจนส์ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

การอยู่ในสถานะตัวตลกของโจนส์มันทำให้เขามักจะเป็นแพะที่ถูกโยงมาโทษบ่อยๆในสาเหตุความตกต่ำของแมนยูไนเต็ด ไม่ว่าจะในแชมเปี้ยนส์ลีกปี2019 ที่เขาต้องตามประกบเมสซี่ตลอดทั้งเกมและโดนโยกจนหัวหมุน(ปีเสื้อชมพูที่ผ่านPSGมา), อีกครั้งที่เขาทุ่มเทใช้หน้าบล็อคประตูในเกมเจอเชฟฟิลด์ยูไนเต็ดอีกครั้งในปีนั้น รวมถึงการยิงจุดโทษพลาดกับDerby Countyปี2018 และอื่นๆอีกมากมายที่เป็นเกมยูไนเต็ดแพ้ทั้งหลาย โจนส์จะถูกโยงในความล่มสลายของทีมเหล่านั้นอยู่เรื่อยมา

จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะมาblameกันเลย ปัญหาของยูไนเต็ดมีมากกว่าแค่ความผิดพลาดของโจนส์คนเดียวซะที่ไหน แต่ทุกคนก็มองสิ่งเหล่านี้ของเขาในแง่ตลกขบขันกันหมด เขาโดนหยิบยกมาเล่นงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะช็อตที่ต้องไปเตะมุมนั่นซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของแกเองแต่เป็นจากแทคติกที่โค้ชสั่งมา, หรือเรื่องทำประตูได้แค่2ลูกจาก116นัดที่ลงสนาม พวกนี้ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรเลยทั้งนั้น

เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวพันกับอาชีพนักเตะของเขาเช่นไร ต้องย้อนไปถึงสมัยแรกๆก่อนว่า ฟิล โจนส์นั้นถือเป็นนักเตะที่แตกต่างมากๆในgenerationเดียวกันของเขา (แม้ว่าหยิบมาพูดตอนนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่มันคือเรื่องจริง) เขาต้องเลือกระหว่างแมนยูกับลิเวอร์พูลในขณะที่ยังค้าแข้งอยู่กับแบล็คเบิร์นโรเวอร์ส และการโชว์ความกล้าหาญให้เห็นในซีซั่นแรกๆของพรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีคำยกย่องมากมายให้เขาในขณะนั้น

ไม่ว่าจะเป็นคำพูดบางอย่างที่ได้ยินจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันว่า "เขาอาจจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของแมนยูไนเต็ด" แม้กระทั่งปู่บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ก็ยังมองว่าเขาเหมือนอดีตตำนานที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดอย่าง Duncan Edwards ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมที่มิวนิค หรือแม้กระทั่งฟาบิโอ คาเปลโล่ อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษยังเคยเปรียบเปรยเขากับFranco Baresi เลยทีเดียว

ปู่บ็อบถึงขนาดเปรียบเทียบกับดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ ที่ตัวปู่ยังยอมรับว่าเก่งกว่าเขาซะอีกนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ

มีรายงานล่าสุดว่าโจนส์อาจจะย้ายไปอยู่กับเบิร์นลีย์ในเดอะแชมเปี้ยนชิพ เรื่องนี้จะเป็นไปได้หรือไม่นั้นสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับเรื่องสำคัญมากๆเรื่องนึง ซึ่งแฟนผีหลายคนน่าจะทราบกันดีเวลาที่เห็นพรีวิวแมตช์ต่างๆที่มักจะเขียนสรุปอาการบาดเจ็บนักเตะก่อนแข่ง และก็มีชื่อฟิลโจนส์อยู่ทุกครั้ง

ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของเขานั่นเอง

10ซีซั่นที่อยู่กับยูไนเต็ด มีเพียงแค่ "4ซีซั่น" เท่านั้นที่เขาได้ลงสนามมากกว่า 20เกมลีกในปีนั้น และไม่เคยลงถึง30นัดเลย ประวัติอาการบาดเจ็บซ้ำๆของเขานั้นก็มีปัญหาที่แฮมสตริงอยู่ถึง4ครั้ง, เจ็บเข่าและข้อเท้า4ครั้ง, เจ็บนิ้วเท้าก็มี, กระดูกหน้าแข้ง, เจ็บหลัง, เจ็บไหล่ และรวมถึงการโดนกระแทกอย่างรุนแรงที่ทำให้ต้องพักไปถึงเกือบสามสัปดาห์ก็มี

ด้วยfactที่มีเขาบาดเจ็บไปแล้วทั้งหมด19ครั้งที่แมนยูไนเต็ด นับได้ราวๆ2ครั้งใหญ่ต่อซีซั่นซึ่งเฉลี่ยแต่ละครั้งราว 34วัน เท่ากับว่าทั้งหมดแล้วนั้นเขาใช้เวลาบาดเจ็บไปทั้งหมด 505วันตลอดการค้าแข้งของเขาที่ต้องหยุดพักไปเลย ไม่ได้ลงเล่น และไม่ได้แม้กระทั่งลงซ้อมด้วย

มันเป็นเรื่องที่น่าโชคร้ายมากๆสำหรับอาชีพนักฟุตบอลสักคนนึงที่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันทำลายทุกอย่างหมด และในความเป็นจริงที่ต้องยอมรับก็คือขณะนี้เขาก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญในทีมของแมนยูไนเต็ดที่ต้องการแล้วในขณะนี้ แฟนบอลหลายๆส่วนก็อยากให้ทำเรื่องนี้ให้มันเหมาะสมและถูกควรด้วยการปล่อยตัวเขาออกจากทีมให้ได้ เพื่อที่จะลดภาระค่าเหนื่อยถึงหนึ่งแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ตรงนี้ ซึ่งมันก็เข้าใจและยอมรับได้แหละในเหตุผลนี้ แต่ก็นั่นแหละหากเขาย้ายเขาก็จะเสียรายได้สามล้านปอนด์ต่อปีของเขาไป การที่เขาจะย้ายเพื่อทีมในครั้งนี้คงจะถูกลืมและไม่ได้รับความสำคัญใดๆแม้กระทั่งการขอบคุณต่อการเสียสละเพื่อทีมอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

มีอยู่คำพูดหนึ่งที่เขาเอ่ยเอาไว้ในตอนอายุ23ว่า "ผู้คนทั่วไปสามารถจะคิดและคาดเดาอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่มันเป็นหน้าที่เรานี่แหละที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขารู้ว่าคิดผิด คำวิจารณ์จะช่วยกระตุ้นคุณได้ และคุณก็ต้องถูกวิจารณ์อยู่เสมอแหละเป็นเรื่องธรรมดา"

ปีก่อนๆมีรายงานว่า โจนส์ปฏิเสธที่จะรับให้มีการจัดเทสติโมเนียลแมตช์ของเขาโดยพูดว่า "นอกจากพ่อกับแม่ผมใครจะมาดู?" รายงานยังบอกต่ออีกว่าโจนส์ทำเหมือนจะล้อเลียนตัวเขาเองเช่นนี้นั่นแหละ ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจจะเป็นกลไกการป้องกันตัวเองของเขาก็ได้ที่จะไม่อยากให้อะไรมันแย่ลงไปกว่าเดิม

คำพูดนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขารู้สึกหรือคิดยังไง แม้กระทั่งขณะนี้ฟิลโจนส์ในวัย28ปี อยู่ในช่วงวัยที่ควรจะเป็นจุดพีคที่สุดของเขาในอาชีพการงานของนักฟุตบอล โจนส์กลับอยู่ในสภาวะขาลง ในขณะที่มุกล้อเล่นต่างๆที่ยังมีอยู่แม้จะพูดกันขำๆสนุกๆ ไม่ได้จะเหยียดหยามเขาก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่แย่อยู่ดี

เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากๆที่นักเตะพรสวรรค์คนหนึ่งต้องหมดอนาคตไปอีกราย ทั้งๆที่มันควรจะเป็นเรื่องราวที่ดีและยิ่งใหญ่ของเขาหากประสบความสำเร็จต่อเนื่องได้

ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้น เส้นทางของเขากับที่นี่ก็จะจบลงก่อนเวลาที่มันควรจะเป็น

-ศาลาผี-

Reference

https://www.football365.com/news/opinion-jones-plight-man-united-learning