ลาก่อน 'บาว คัพ
เรื่องแพ้-ชนะ ถือเป็นเรื่องธรรมดาในโลกฟุตบอล แต่การที่ต้องมาแพ้ให้กับทีมอย่าง บริสตอล ซิตี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ 'เสียหมา' อย่างมาก
ต้องขอชม เดอะ โรบินส์ ที่สู้กับ ปิศาจแดง ได้อย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี และพยายามเดินเกมเพื่อจะเอาประตูตลอดเวลายามที่พวกเขามีโอกาสครองเกมหรือเข้าทำ
ลี จอห์นสัน กุนซือของ บริสตอล ซิตี้ กระตุ้นทีมได้ดี พวกเขาอาจจะเริ่มต้นไม่ดีเท่าไหร่เพราะเกือบจะโดน ยูไนเต็ด กระซวกไส้หลายครั้ง แต่ก็โชคดีเพราะมีทั้งจังหวะชนเสา-ชนคาน รวมไปถึงการยิงที่เฉี่ยวไปมาตลอดครึ่งแรก
พอกลับมาเล่นครึ่งหลัง เดอะ โรบินส์ เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะมาได้ประตูออกนำจากจังหวะเข้าทำและลูกยิงอันสุดสวยของ โจ ไบรอัน
ปิศาจแดง ก็ดูเหมือนจะฟื้นหลังจากเนือยไปนานเพราะหลังจากนั้น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มาสับไกจากฟรีคิกให้ทีมตีเสมอ
นั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในนัดล่าสุด หลังจาก 'พี่หลา' ได้ลงสนามเป็นตัวจริงและสามารถทำสกอร์ให้กับทีมได้สำเร็จนับตั้งแต่กลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังหายหน้าไปนานจากอาการบาดเจ็บ
ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ พยายามเดินหน้าเอาประตูแซงนำ ซึ่งก็ต้องชม บริสตอล ซิตี้ ด้วยเช่นกันว่าหลังจากที่พวกเขาเสียประตูตีเสมอก็ไม่มีแกว่งหรือเป๋ เจ้าถิ่นยังคงสู้อย่างเต็มที่ และรอโอกาสสวนกลับอย่างใจจดใจจ่อ
ผีแดงกดดันหนักอย่างมากทั้งจากการจบของ โรเมลู ลูกากู ที่ลงเป็นตัวสำรองแต่ ลุค สตีล กลับผีเข้าป้องกันทั้งสองจังหวะได้อย่างเหลือเชื่อ
วินาทีนั้นใครหลายคนคงคิดว่าคงต้องต่อเวลากันแล้วแต่เรื่องคลาสสิคก็เดขึ้นเมื่อ คอรี่ย์ สมิธ มาซัดประตูชัยในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย
ต้องบอกว่า 'หงายเงิบ' สำหรับ ยูไนเต็ด เพราะวินาทีนั้นมันสายเกินไปที่จะแก้คืนหรือตอบโต้กลับไป
สิ้นเสียงนกหวีด แฟนบอลใน แอชตัน เกต วิ่งลงมาอย่างบ้าคลั่งกับชัยชนะที่ถือเป็น 1 ในสุดยอดความทรงจำของสโมสร
ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดที่ผ่านมา?
มูรินโญ่ จัดการเปลี่ยนทีมแบบเกือบยกกะบิ หรือจะพูดแบบเห็นภาพคือ 10 ตำแหน่งจากชุดที่เอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่นั่นคงเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้เพราะศักดินาและศักยภาพของทีมยังไงก็เหนือกว่าชัดเจน
ขนาดเปลี่ยนทีมไปขนาดนั้นเรายังได้เห็นนักเตะสตาร์ดังของ อิบราฮิโมวิช, ปอล ป็อกบา, มาร์คัส แรชฟอร์ด, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, มาร์กอส โรโฮ หรือ ลุค ชอว์ ที่ต้องบอกว่าดีกว่าเจ้าถิ่นแบบไม่เห็นฝุ่น
บางครั้งฟุตบอลก็ไม่ได้วัดกันแค่จุดนั้น อย่างที่เรียนไปส่วนหนึ่งต้องชมทาง บริสตอล ซิตี้ ที่สู้ได้เป็นอย่างดี
กลับมาที่ ปิศาจแดง ...
พวกเขาเริ่มต้นได้ดีทีเดียวกับโอกาสที่เกือบจะได้เฮถึง 2 ครั้ง แต่ก็นั่นแหละ บอลกลับลอยไปจูบคานและกระแทกเสาอย่างละครั้ง มันยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าถิ่นไปโดยปริยาย
นอกจากนั้นการประสานงานในแนวรุกของทีมดูขาดๆเกินๆ แม้ในครึ่งแรกจะมีโอกาสจบมากกว่า แต่โดยรวมมาจากการตะลุยเดี่ยวมากกว่าที่จะประสานงานแบบสวยๆ หรือเข้าทำแบบการต่อบอลเป็นจังหวะ
พื้นที่สุดท้ายคือพื้นที่ที่ ปิศาจแดง ไม่สามารถจัดการให้ได้อย่างเด็ดขาด ผิดกับ บริสตอล ซิตี้ ที่พอมีโอกาสแบบจะแจ้งก็สามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็น 2 ประตูสำคัญของเกมได้ทันที
ช่วงเวลาที่สกอร์ยังคงเสมอกันที่ 1-1 ต้องบอกว่า ปีแดง มีโอกาสหลายครั้งในการแซงนำ เอาแค่ โรเมลู ลูกากู คนเดียวก็น่าจะเปลี่ยนเป็น 1 สกอร์ให้กับทีม แต่ ... ลุค สตีล ดันผีเข้าถูกเวลา เพราะเขาสามารถปัดป้องลูกยิงได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็นอีกหนึ่งวันที่แฟนปิศาจแดงอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว
ทุกคนต่างมั่นใจว่าทีมจะผ่าน เดอะ โรบินส์ ไปได้และกรุยทางเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศได้อีกครั้ง
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ส่วนหนึ่งก็อย่างที่เรียนไปว่าต้องยกนิ้วให้กับ บริสตอล ซิตี้ ที่ทำได้ดีและสมควรเป็นผู้ชนะ
ความปราชัยในนัดล่าสุดไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ มีเพียงการกลับมามองที่ตนเองว่าทีมเราขาดอะไรไปบ้าง
ความกระหาย, ความมุ่งมั่น, ดวง, โชค ฯลฯ ?
บางครั้งฟุตบอลก็ยากจะอธิบาย แต่สิ่งที่เห็นตลอด 90 นาทีที่ผ่านมา คือทีมขาดการทำงานร่วมกัน
โดยเฉพาะการเข้าทำที่ดูแล้วขัดหูขัดตาอย่างมาก จากทีมที่เข้าทำได้อย่างดุดันและต่อบอลทำเกมยิงถล่มคู่แข่งกระจาย กลับกลายมาเป็นทีมที่มีปัญหากับพื้นที่ที่ 3
จังหวะเข้าทำที่ขาดหายไป ส่งผลมาซึ่งประตูที่น่าจะได้แต่กลับลอยหายไป
นั่นคือสิ่งที่ มูรินโญ่ เองก็คงอยากจะได้คำตอบจากลูกทีม
เพราะหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เชื่อเหอะว่าแต่ละเกมที่ลงสนาม ยูไนเต็ด ก็จะเจอกับปัญหาเดิมแบบนี้ไปเรื่อยๆ บุกได้ดีแต่กลับจบไม่ลง
นี่คือสิ่งที่ มูรินโญ่ ต้องแก้โดยด่วน หากยังหวังให้ฤดูกาลนี้ยังคงดำเนินต่อไปแบบมีลุ้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT