ราชบุรี ต้องเสริมเพื่อสู้ใน 'เอซีแอล'
ทำให้พวกเขาได้สิทธิเข้ารอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021 โดยไม่ต้อง “ออกแรง”
ย้อนกลับไปทัพ “ราชันมังกร” จบอันดับ 4 ในลีกหลังผ่าน 15 เกมแรก และได้ตั๋วฟุตบอลเอเชียเพลย์ออฟรอบที่ 3 ต้องบุกไปเยือน โปฮัง สตีลเลอร์ส ทีมแกร่งจากเกาหลีใต้ ที่คว้าอันดับ 3 ในลีกเมื่อซีซั่นก่อน
แต่เมื่อ เจียงซู ที่ถูกจับสลากมาอยู่ในกลุ่มจี “ล้มละลาย” จนต้องยุบทีม ส่งให้ช่องว่างในกลุ่มมีเพิ่มไป 2 ที่ ซึ่งหมายความว่า ราชบุรี และ โปฮัง จะไม่ต้องห้ำหั่นกันในช่วงกลางเดือนหน้า และได้สิทธิผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มทั้งคู่ทันที
โดยทัพราชันมังกร จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มกับ โปฮัง สตีลเลอร์ส (เกาหลีใต้), นาโงยา แกรมปัส (ญี่ปุ่น) และ ยะโฮร์ ดารุล ตะซิม (มาเลเซีย)
โดยจะเริ่มแข่งขันแมตช์แรกกันในวันที่ 21 เม.ย. ซึ่งก็ราวเดือนเศษจากนี้
คำถามคือเวลานี้ ราชบุรี พร้อมแค่ไหนสำหรับถ้วยเอเชีย ที่พวกเขาผ่านเข้าไปเล่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
เพราะนับตั้งแต่โควิดระลอกใหม่จางลง จนไทยลีกกลับมาแข่งขันอีกครั้ง 9 เกมผ่านไป ราชันมังกร ชนะได้เพียง 2 นัด จนอันดับรูดลงไปอยู่ที่ 8 ของตาราง และมีโอกาสที่จะพลาดตั๋วเอซีแอลในปี 2022
ปัญหาใหญ่ของทีมที่มองเห็นภาพชัดเจนคือ พวกเขาไม่สามารถหาตัวแทน ยานนิก โบลี ดาวยิงโกตดิวัวร์ ที่ย้ายไปอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ได้
ย้อนไปช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเลกสอง สโมสรใกล้บรรลุข้อตกลงกับ ฟาเบียน กอนซาเลซ กองหน้าชาวโคลอมเบียมาร่วมทัพ ทว่าท้ายสุด “ดีลล่ม” หลังนักเตะเลือกตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ จูบิโล อิวาตะ ในเจลีก 2 แทน
ก่อนทีทีมจะเบนเป้ามาคว้าตัว ซิมง เดีย กองหน้าชาวฝรั่งเศส จาก ชัยนาท ฮอร์นบิล มาร่วมทีม
เข้าใจได้ว่าช่วงนั้นเรื่องเวลาที่บีบมาจำกัด บวกกับสถานการณ์โควิดบ้านเรายังไม่หมดดี จึงทำให้ต้องหาทรัพยากรในประเทศมา “ทดแทน” รูโหว่ในแดนหน้าไปก่อน
อย่างไรก็ตามเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด กองหน้าวัย 28 ย้ายมาไม่ทันไรก็มาเจออาการบาดเจ็บ แม้ปัจจุบันจะหายมาและลงช่วยทีมไป 4 เกม แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียง “ตัวสำรอง” ของ อภิวัฒน์ เพ็งประโคน กับ ฆาเบียร์ ปาตินโญ และทำไปได้แค่ 1 ประตู
กลายเป็น สตีเฟน ล็องจิล ที่รับบท “เดอะแบก” ในแนวรุกไปแทน
นี่คือตำแหน่งที่ถึงผู้เขียนไม่บอก ทีมก็น่าจะมองออกเป็นอย่างดีว่า “ต้องเปลี่ยน”
ไม่ใช่ ซิมง เดีย ไม่ดี ทว่าหากไปเล่นในระดับเอเชีย ต้องหาผู้เล่นที่ “ดีกว่านี้”
ขณะที่เกมรับเอง ก็ยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ มารบกวนใจให้เห็นแม้จะมีการเซ็นสัญญาคว้า อี แจ-ซอง ปราการหลังวัย 32 มาเติมในตำแหน่งโควตาเอเชีย แต่จากผลงาน 5-6 นัดที่ผ่านมา แนวรับโสมขาวรายนี้ ยังไม่ได้โชว์ผลงานที่ดูดีกว่าผู้เล่นไทยหรือนักเตะอาเซียนตำแหน่งเดียวกันสักเท่าไหร่
กอปรกับย้อนกลับไปดูปีที่ผ่านมา เจ้าตัวเองก็เล่นกับ อินชอน ยูไนเต็ด ไปเพียง 9 เกมเท่านั้น
มีเวลาจากนี้อีกราว 1 เดือนเศษ ที่ทาง ธนวัชร์ นิติกาญจนา, สมชาย ไม้วิลัย และทีมงานโค้ชต้องระดมหัวกันทำการบ้านอย่างหนัก จะปรับแต่งทีม หรือจ่ายตลาดซื้อผู้เล่นใหม่ทั้งต่างชาติ และ คนไทยให้พร้อมที่สุด
เพราะหากยังใช้ผู้เล่นชุดปัจจุบันไปสู้ศึกในสมรภูมิที่ใหญ่สุดของเอเชีย
โทษนะฮะ … อย่าว่าแต่ โปฮัง สตีลเลอร์ส หรือ นาโงยา แกรมปัส เลย
แค่เจอ ยะโฮร์ ดารุล ตะซิม ก็ยังเหนื่อยเลย