ห่างชั้นจนเกินไป
ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องการันตี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความคิดเช่นนั้นเกิดขึ้น เพราะทั้งผลงานที่เป๋เหมือนมวยเมาหมัด ความมั่นใจที่สวนทางกับคำพูดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไปจนถึงบรรดานักเตะที่ยิ่งเล่นเหมือนออกทะเล มันจึงเกิดความคิดดังกล่าวออกมาจากแฟนบอล
แถมเกมล่าสุดยิ่งตอกย้ำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการวนลูปเดิมๆ หลังจากกระเตื้องขึ้นมาในนัดเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ท่ามกลางกระแสไล่ โซลชา เพราะก่อนหน้านั้นพาทีมแพ้ ลิเวอร์พูล เละเทะ แม้ทางบอร์ดบริหารยังคงยึดมั่นหนุนหลังกุนซือชาวนอร์เวย์ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้น
ความพ่ายแพ้ เรือใบสีฟ้า ยิ่งทำให้แฟนบอลตาสว่างมากกว่าเดิม พร้อมกับเห็นได้ชัดว่าปิศาจแดงภายใต้การนำของ โอเล่ แทบจะเข็นไม่ขึ้นแล้ว โดยเฉพาะการเจอกับทีมลุ้นแชมป์อย่าง หงส์แดง หรือ ซิตี้ ที่ทีมสู้กันไม่ได้เลยแม้จะลงเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เรือใบสีฟ้า แทบไม่ต้องเร่งเกมอะไรมากมายเหมือนการดวลกับทีมหัวตารางอื่นๆ พวกเขาแค่ไล่บี้ในจังหวะที่ต้องการบอลกลับมาพลางใช้การเล่นแบบ ' โซนเพรส' ปิดพื้นที่ของผู้เล่นฝั่งเจ้าบ้าน ซึ่งเจอปัญหาในเรื่องการต่อบอลเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย
บวกกับการออกนำตั้งแต่ไก่โห่ทำให้ เรือใบสีฟ้า เล่นแบบสบายๆ ค่อยไล่บี้ในจังหวะที่เห็นว่าสมสมควร อาทิ ในยาม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ครองบอล ในจังหวะแดนกลางยูไนเต็ดกำลังต่อเกม พวกขาจะปรี่เข้าไปกดดันเพื่อให้ผู้เล่นเหล่านั้นรีบคายบอลหรือทำลายจังหวะให้เกมไม่ต่อเนื่อง บ่อยครั้งที่ ซิตี้ ตัดบอลได้เร็วจนเกือบจะได้ยินเสียงบ่นของแฟนบอลในสนาม
ยังไม่นับรวม บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ยังคงเจอปัญหาเดิมๆ เพราะฝ่ายตรงข้ามแทบทุกทีมกัดกองกลางชาวโปรตุเกสไม่ปล่อยเลย เหตุผลหลักๆ คือผลงานที่ผ่านมาเป็นตัวชี้ชัดว่า บรูโน่ อันตรายเมื่อมีเวลาและพื้นที่ ทำให้คู่แข่งทุกทีมบีบเข้าหาแข้งหมายเลข 18 อย่างรวดเร็ว คอยประกบคอยเตะทำลายจังหวะ และเป็นอีกครั้งที่มิดฟิลด์รายนี้แทบจะไม่มีโอกาสปั้นเกมสวยๆ ได้เลย
นอกจากนั้นอีกหนึ่งจุดสำคัญคือบรรดาแดนหน้าเก็บบอลไม่ได้ หรือในยามที่ชิงจังหวะได้กลับไม่มีตัวคอยสนับสนุนหรือเก็บบอล ต่างจากนักเตะแมนฯ ซิตี้ ที่เมื่อถึงเวลาขึ้นเกมจะมีคนคอยช่วยงาน 1-2 คนเพื่อเป็นทางเลือกหรือสนับสนุนอยู่เสมอ
ลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นที่ชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวะหนีการเพรสซิ่งที่แข้งเรือใบทำได้อย่างลื่นไหลไม่มีลนลานหรือตื่นตระหนกออกมา ไหนจะการเชื่อมเกมที่เล่นเหมือนคนผ่านการซ้อมอย่างหนักและเข้าใจระบบเป็นอย่างดี ต่อบอลไปมาเล่นเอาแข้งผีแดงไล่ไม่จนพร้อมเปิดพื้นให้ฝายตรงข้ามเล่นงานได้บ่อยครั้ง
จังหวะคล้ายกันแต่ประสิทธิภาพต่างกันอย่างชัดเจน แม้แต่การพักบอลให้เพื่อนเล่นต่อยังต่างกันชนิดที่เทียบไม่ติด เพราะเมื่อถึงจังหวะเอาตัวรอด แมนฯ ซิตี้ แต่สะกิดบอลไปพื้นที่ว่างจะมีนักเตะตามไปหาบอล หรือในจังหวะที่โดนบีบพื้นที่แคบนักเตะทีมเยือนเหมือนมองตาก็รู้ใจอาศัยความแม่นยำและใจเย็นหนีจากสถานการ์นั้นไปได้
เป็นอีกนัดที่แสดงให้เห็นถึงปัจจัยสนับสนุนหรือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาที่ โซลชา ควรพิจารณาตนเองได้แล้ว แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องที่แทบจะหมดหวังให้กุนซือชาวนอร์เวย์ประกาศลาออกด้วยตนเอง เพระทั้งคำพูดหลังจบเกมหรือท่าทีที่ออกมา โอเล่ ยังคงพยายามดันทุรังทำงานต่อไปพร้อมกับเชื่อมั่นในตนเองแม้ผลงานจะออกมาสวนทาง (ที่สำคัญคือรอโดนไล่ออกแล้วรอรับค่าชดเชยดีกว่าไม่ได้อะไรเลยหากยื่นใบลาออกเอง)
ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาในการเปลี่นหัวเรือใหญ่หรือคนนำทีมคือบอร์ดบริหารต้องลงมือเอง แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าท่าทีของคนข้างบนยังคงนิ่งเฉยเสียงส่วนใหญ่หนุนหลัง โซลชา และนั่นคือสิ่งที่ขัดใจแฟนบอลอย่างมาก
หวังว่าหลังจบเกมที่ผ่านมาบอร์ดบริหารน่าจะเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น พร้อมปรารถนาให้หลายคนตาสว่างและคิดได้แล้วว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปแบบเดิมอนาคตของทีมก็คงจะไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้
อาจจะมีบางคนแย้งว่าการเปลี่ยนกุนซือไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป เราควรให้เวลาทำงานมากกว่านี้ แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในสนาม มันแทบจะคิดแบบนั้นไม่ได้เลย เพราะนับวันทีมยิ่งเดินห่างออกจากเป้าหมายที่ตั้งไว้
ไม่ต้องไปคาดหวังว่าแล้วจะพลิกสถานการณ์กลับมาลุ้นแชมป์แม้ยังเหลือเกมลงเล่นอีก 20 กว่านัด เพราะจะเอาตัวเองในตอนนี้ไปเทียบกับบรรดาหัวแถวก็คงไม่เหมาะสม ทั้งศักยภาพ, ทรงเกม หรือแม้แต่ความต่อเนื่องเรื่องผลงานก็เป็นรองชัดเจน แค่เอาให้พอลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ลุ้นแบบเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว ยิ่งมาเห็นผลงานในช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้เส้นทางข้างหน้าหนักกว่าเดิมหลายเท่า
ถึงตรงนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีช่วงพักหายใจประมาณ 2 สัปดาห์เพราะเข้าสู่โปรแกรมทีมชาติ ที่สำคัญบอร์ดบริหารก็คงจะมีโอกาสกลับไปพิจารณาอีกครั้งว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง
แน่นอนว่าสำหรับสโมสรอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด คงเป็นเรื่องยากในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่หากเวลามันมาถึงจริงๆ ก็ควรรีบทำให้แล้วเสร็จ อย่าพยายามฝืนสิ่งที่มันไม่สามารถต่อยอดได้ไกลกว่านี้
บางครั้งคนเราก็ควรทิ้งบางอย่างเพื่อไปหาสิ่งที่ดีกว่า แม้บางทีมันอาจจะไม่ได้การันตีว่าสิ่งใหม่จะสำเร็จโดยทันทีหรือมีเส้นทางที่สวยงามรองรับ แต่หากทำแล้วมีสัญญาณที่ดีออกมาก็เป็นเรื่องที่สมควรทำและเสี่ยงดูไม่ใช่หรือ
ช่วงเวลาที่ผ่านมาและกำลังดำเนินไป หลายๆ อย่างสวนทางกับคามเป็นจริง บางคนยังคงหลอกตัวเองว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมเบอร์ 1 แต่จากสิ่งที่เห็นและเกิดขึ้นพวกเขายิ่งออกหากจากคำว่าเบอร์ 1 และกำลังโดนคู่แข่งทิ้งห่างไปเรื่อยๆ
ลองออกจากมโนภาพเดิมๆ และพิจารณาถึงความเป็นจริงพร้อมยอมรับว่าตอนนี้ ปิศาจแดง มีสถานะเป็นผู้ตามและต้องพยายามหาทางเดินหน้าเพื่อผลักดันทีมให้ขึ้นไปทัดเทียมกับบรรดาสโมสรลุ้นแชมป์อื่นๆ
อย่าพยายามหลอกตัวกับความสำเร็จในอดีต เพราะสิ่งที่สำคัญคือปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า ซึ่งตอนนี้มองว่าแทบจะไร้ทิศทางหากยังคงดำเนินไปอย่างเดิม
ความห่างชั้นที่เกิดขึ้นมีหนทางที่จะลดช่องว่างลงมาได้ แต่นั่นคือสิ่งที่บอร์ดบริหารจะเป็นคนตัดสินใจ ส่วนแฟนบอลก็คงได้แต่ภาวนาว่าเบื้องบนจะกล้าลงมือได้แล้วแม้ต้องเฉือนเนื้อตัวเองทิ้งไปบ้างก็ตาม
แต่หากมันทำให้รอดชีวิตและช่วยให้เดินหน้าต่อไปก็เป็นหนทางที่น่าจะลองเสี่ยงดู
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT