:::     :::

"การท่าเรือ" ถึงคราวต้องปฏิวัติ

วันจันทร์ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,309
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถานการณ์ของ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี ในช่วงท้ายเลกแรกกับช่วงออกสตาร์ทเลก 2 แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

หลังจาก “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ เข้ามาสวมบทกุนซือแทน “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ที่ไขก็อกลาออก ทำให้ “สิงห์เจ้าท่า” ที่กำลังป่วยลุกขึ้นมาโชว์ผลงานเทพอีกครั้ง

โดยยักษ์หลับแห่งคลองเตย เดินหน้าเก็บชัยชนะ 5 เกมรวดทุกรายการที่ลงสนาม จนมีลุ้นแชมป์รีโว่ ไทยลีก อีกหน 

ทว่าหลังจากลีกหยุดไป 1 เดือน เพื่อหลีกทางให้ทีมชาติไทย ลงทำศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 และกลับมาโซโล่แข้งอีกครั้ง พลพรรค “สิงห์เจ้าท่า” กลับทำฟอร์มหล่นหายไม่ชนะใครมาติดต่อกัน 6 นัดทุกรายการ แถมหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์บอลถ้วย รีโว่ ลีกคัพ และ ช้าง เอฟเอคัพ เพราะตกรอบไปหมด 


ขณะที่ในรีโว่ ไทยลีกตอนนี้ก็ร่วงไปอยู่อันดับ 8 ของตาราง มีแต้มตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงถึง 13 แต้มเข้าไปแล้ว ทำให้หมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์เกือบจะแน่นอน โดย “โค้ชอู๊ด” เองก็ยอมรับว่าตอนนี้ทีมมีปัญหาด้านจิตใจ 

ส่วนอนาคตของ “โค้ชอู๊ด” ต้องบอกว่าแทบจะถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว หากเกมต่อไปไม่สามารถเปิดบ้านเอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี ในเกมกลางสัปดาห์วันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ได้ ความกดดันในการนั่งเก้าอี้ตัวนี้ก็จะยิ่งสาหัสสากรรจ์เข้าไปใหญ่

ต้องบอกว่าตอนนี้ “การท่าเรือ” มีปัญหาสะสมเยอะมาก ต้องเร่งสะสางให้ไว

ไม่ว่าจะเป็นแนวรับที่ยังไม่ลงตัว การไม่ซื้อกองหลังต่างชาติฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทัพ นานถึง 7 ปีเข้าไปแล้ว ถือว่าน่าแปลกใจมาก 

เพราะตอนนี้ ดาบิด โรเชล่า โรยราไปตามสังขาร และฟอร์มการเล่นของกองหลังไทยรายอื่นๆ ก็ไม่ได้คงเส้นคงวา และมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนตัวสดๆ อย่างพี่น้องอักษรศรี ธิตาวีร์ และ ธิตาธร เพิ่งจะถูกปล่อยไปให้ พีที ประจวบ เอฟซี ยืมตัวไปใช้งาน 


ขณะที่แดนกลางไม่สามารถพัฒนาไปกว่านี้ได้อีกแล้ว โก ซึล-กี ฟอร์มการเล่นและสภาพร่างกายไม่ได้สด พร้อมเล่นเกมรุกและรับได้สุดแจ่มเหมือนในอดีต ทว่าเพิ่งได้รับการต่อสัญญาเพิ่มออกไปอีก 1 ปีครึ่ง

ผู้เล่นกองกลางที่เคยโดดเด่นจากทีมอื่นๆ กลับต้องย้ายมานั่งตบยุงที่ข้างสนาม เพราะการแข่งขันในทีมไม่ได้มีสูงมากอย่างที่ควรจะเป็นกับขนาดทีมใหญ่แบบนี้ 

แนวรุกไม่ต้องพูดถึง เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการขาด “เนลสัน โบนิลญ่า” เหมือนขาดใจ 


ถึงตรงนี้เป็นโจทย์ที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ และบอร์ดบริหารต้องมาขบคิดแล้วว่า จะฝ่าวิกฤตและกระชากทีมกลับมายืนอยู่หัวตารางขับเคี่ยวกับบรรดาทีมเต็งอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้อย่างไร 

หากจะเริ่ม “ปฏิวัติ” ต้องนับหนึ่งที่อะไร ใช่โค้ชหรือไม่ แน่นอนว่าการจะก้าวไปสู่แชมป์สโมสรต้องมีกุนซือเกรดเอ เข้ามาคุมทีมพร้อมกับทีมงานที่ยอมปฏิบัติตามไปในทิศทางเดียวกัน ทีมอาจจะต้องหากุนซือระดับอ๋องมาสร้างรากฐานและวางระบบการเล่นของทีมให้ชัดเจน    

แต่สำหรับประเด็นเรื่องโค้ชนี้ ต้องลองย้อนกลับไปมองดูว่าที่ผ่านมาโค้ชแต่ละคนที่เข้ามาทำงาน มีอุปสรรคอะไรบ้างที่ต้องเผชิญในการทำงาน ก่อนที่จะตัดสินว่าพวกเขามือไม่ถึง เวลาเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยใดๆ นักเตะเขาปรึกษาใคร โค้ชเป็นคนแรกที่จะถูกนึกถึงกันหรือไม่


เอาจริงๆ การท่าเรือ เอฟซี มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งแฟนบอลที่เหนียวแน่น เงินสนับสนุนมากมายจาก “มาดามแป้ง”

ถึงเวลาหรือยังที่ต้องมาพิจารณาดูว่า เม็ดเงินที่ลงทุนไปกับสิ่งที่ได้รับกลับมา มันช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย แน่นอนว่าแฟนบอลไม่ใช่เจ้าของเงิน แต่หัวใจของ "สิงห์เจ้าท่า" ย่อมอยู่ในสายเลือดของแฟนบอล ชนิดที่ว่ากรีดออกมาก็แทบจะเป็นสีแสด-น้ำเงินอยู่แล้ว

ในวันที่ทีมมีปัญหา แน่นอนว่าทุกคนพร้อมร่วมส่งกำลังใจให้ผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายไปได้ การให้กำลังใจมันไม่ยากหรอก แต่การวิจารณ์ตรงๆ นี่แหละที่ยาก โดยเฉพาะจากปากผู้คนรอบๆ ตัว และหากเสนอความคิดเห็นจากใจจริงไปแล้วฟีดแบ็คกลับมาจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ต้องตั้งคำถามกลับไปว่าเพราะเหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้

เอาจริงๆ แล้วนักเตะที่มีอยู่ในทีมส่วนใหญ่สามารถก้าวมาเป็นแกนหลักในอนาคตได้ เพราะวัยอยู่ในช่วงคะนอง ไม่ว่าจะเป็นแนวรับอย่าง พี่น้องอักษรศรี และวิงแบ็คสองข้างอย่าง ฟิลิป โรลเลอร์ และ เควิน ดีรมรัมย์ หากได้กองหลังต่างชาติแจ่มๆ สักคนมายืนเป็นแกนหลัก เชื่อว่าแนวรับจะแกร่งกว่านี้


ส่วนปัญหาผู้รักษาประตูถูกกำจัดทิ้งไปแล้วหลังการมาของ “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ขณะที่ วรวุฒิ ศรีสุภา แสดงให้เห็นแล้วว่าตอนนี้เขาคือหนึ่งในมือกาวระดับแถวหน้าของเมืองไทย

ส่วนแดนกลางก็อาจต้องหาต่างชาติดีๆ มายกระดับทีม เช่นเดียวกับเกมรุกที่จะพึ่งแค่ เซร์คิโอ ซัวเรส และ โบนิลญ่า ไม่ได้ ต้องมีความหลากหลายและเฉียบขาดกว่านี้ 

หากทีมไม่เร่งกำจัดจุดอ่อน ยากเหลือเกินที่จะก้าวขึ้นมาผงาดได้อีกครั้ง เพราะตอนนี้ฟุตบอลไทยพัฒนารุดหน้าไปมาก 

เชื่อว่าหากทุกอย่างถูกแก้ไขได้รวดเร็วและถูกจุด “การท่าเรือ” กลับมาผลาดอีกครั้งได้ไม่ยาก 


ถ้ายังดึงดันต่อไป บอกได้คำเดียวว่าโอกาส “พัง” มากกว่า “ปัง” แน่นอน 

หวังเหลือเกินว่า “สิงห์เจ้าท่า” จะลุกขึ้นมาผงาดอีกครั้งในเร็ววันนี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด