:::     :::

5 สิ่งนำพา "ปราสาทสายฟ้า" เป็น "ทริปเปิ้ลแชมป์"

วันศุกร์ที่ 03 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,210
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากคว้า 3 แชมป์ หนที่ 3 ต่อจากปี 2011, 2013, 2015 สำหรับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องยอมรับว่านี่คือซีซั่นที่พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะมีช่วงที่ต้องลุ้นเหนื่อย หรือแพ้ไปบ้าง แต่ก็ยังกลับมาฉลองความยิ่งใหญ่ไปได้ในท้ายที่สุด

ปัจจัยที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ คงจะมีอยู่หลายอย่าง แต่เราคัดเลือกมาเป็นพิเศษ 5 ข้อ ที่ช่วยให้ยอดทีมจากถิ่น ช้าง อารีนา ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ในฤดูกาล 2021/2022 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นานนี้


1. เลกสองเสริมทัพเยี่ยม

สิ่งสำคัญอย่างแรกของฟอร์มการเล่นที่ดีนั้น เกิดจากการทุบคลังของ “ปราสาทสายฟ้า” เริ่มจากการเปลี่ยนยุคมาใช้ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ถือเป็นโค้ชชาวเอเชียที่ไม่ใช่คนไทยคนที่สอง ต่อจาก อัฟชิน ก็อตบิ กุนซือชาวอิหร่านที่เคยมากุมบังเหียนช่วงสั้น ๆ ในปี 2016 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่สำหรับ "มาซะ" เขาเข้ามาจูนผู้เล่นใหม่ทั้ง ธีราทร บุญมาทัน ที่กลับมารังเดิมจาก โยโกฮามา เอฟ มารินอส ด้วยสัญญา 2 ปี รวมทั้ง โจนาธาน โบลินกิ ดาวยิงดีกรีทีมชาติคองโก กับ อายุบ มาซิกา แนวรุกทีมชาติเคนยา และการกลับมาของ ศศลักษณ์ ไหประโคน ได้อย่างลงตัว 

รวมกับตัวที่มีอยู่ นำมาผสมวัตถุดิบจนกลมกล่อมในการพาทีมเข้าป้ายในการคว้า 3 แชมป์มาครองได้ โดยเฉพาะ โจนาธาน โบลินกิ ที่จัดการยิงทุกรายการเกิน 10 ประตู ส่วน “โก๋อุ้ม” ก็จัดการไป 9 แอสซิสต์ กับ 2 ประตู ในการคัมแบ็คสู่เมืองไทยเลกสองของซีซั่นนี้

 

2. วิสัยทัศน์ของ “ลุงเนวิน”

อันนี้ต้องชื่นชมในการกล้าที่จะเปลี่ยนโดยฉับไวของผู้บริหารอย่าง “ลุงเนวิน” หลังจากเห็นท่าแล้วว่า อเล็กซานเดร กามา คงยกระดับทีมขึ้นมาได้ไม่มากในเลกสอง ทำให้ต้องมีการยกเลิกสัญญากับเทรนเนอร์บราซิล ซึ่งเขาเองก็กลับไปทำงานที่เกาหลีใต้ เพื่อคุมทีม แดกู เอฟซี

นี่เป็นวิสัยทัศน์ที่เขามองเห็น ก่อนจะแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ เพื่อปรับมาใช้ปรัชญาฟุตบอลสไตล์ญี่ปุ่นเข้าไป โดยมีจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อผู้เล่นในศาสตร์ของแท็คติกจากแดนซามูไรมาสู่น้องๆ ทุกคน ก็คือ ธีราทร บุญมาทัน

การที่เขาไปประสบความสำเร็จใน เจ ลีก ได้ทำให้เขากลายเป็นไอดอลของรุ่นน้องที่อยุ่ในชุดใหญ่ “ปราสาทสายฟ้า” ที่หวังจะเดินรอยตามเขาให้ได้ นี่แหละเป็นสิ่งที่ “ลุงเนวิน” นำมาเสริมเพื่อเรียกความกระหายของนักเตะออกมา ให้เชื้อไฟปะทุขึ้นยิ่งกว่าในช่วงเลกแรก


3. “สุภโชค” ระเบิดฟอร์ม

หลังกลับมาจากช่วยให้ทีมชาติไทย คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ก็กลายเป็นแข้งเนื้อหอมทันที โดยเฉพาะกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่ต้องการเขาไปร่วมทีมแทนที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซึ่งขายไป 100 กว่าล้านบาท ให้กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ นับว่าเป็นแข้งคนแรกที่ค่าตัวแพงสุดใน เจ ลีก ทันที 

ก่อนที่สุดท้ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ และมีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทำสัญญายืมตัว 6 เดือน และต่อได้อีก 6 เดือน พร้อมออฟชั่นซื้อขาดในอนาคต 

เขามักมีส่วนสำคัญกับประตูชัยของทีม จนน่าจะเรียกได้ว่านี่คือองค์ประกอบอีกส่วนที่สำคัญมากๆ ที่สามารถพา “ปราสาทสายฟ้า” คว้าทริปเปิ้ล แชมป์ ได้เป็นผลสำเร็จ


4. แข้งหมุนเล่นได้ทุกตำแหน่ง

 ในช่วงท้ายซีซั่นเกิดปัญหาใหญ่ในทีม หลังจาก ศุภชัย ใจเด็ด มีอาการเจ็บจากเกมบุกเสมอ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 0-0  จนต้องพักรักษาตัวนานถึง 2 เดือน ทำให้จบสถิติยิงไป 14 ประตู ของไทยลีก 2021/2022 เป็นรอง แฮมิลตัน กองหน้าชาวบราซิล ของทีม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ยิงได้ 19 ลูก

อีกทั้ง “กัปตันต้น” นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่บาดเจ็บเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนไม่ชื่อในทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในการลุยเอเชียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2022 – 16 กรกฎาคม แต่ “ปราสาทสายฟ้า” ก็จัดการปัญหาเรื่องนี้ได้ โดยให้ รัตนากร ใหม่คามิ ไปเล่นแบ็คขวา

ไหนจะได้ จักรพันธ์ แก้วพรม กลับมาฟิตอีกครั้ง ทำให้ใน 2 รายการหลังทั้ง เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ เราได้เห็นเขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคุมเกมในแดนกลางร่วมกับ ธีราทร บุญมาทัน ชนิดที่เล่นกันอย่างรู้ใจ แม้สุดท้ายจะหมดสัญญาแล้วไปจรดปากกาเป็นสมาชิกใหม่ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ก็ตาม


5. ทีมเวิร์คเพอร์เฟค

ประเด็นสุดท้ายที่ต้องชื่นชมกับการคว้า 3 แชมป์อย่างแท้จริง ก็คือ การเล่นเป็นทีมเวิร์คของพวกเขา ที่ทำได้อย่างรู้ใจ เพราะทุกอย่างเริ่มมาจากเกมที่พวกเขาต้องการปิดจ็อบไทยลีก ด้วยการเปิดบ้านแพ้ให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-1 ทำให้มีเวลาต่อลมหายใจในการลุ้นแชมป์ของเหล่า "เดอะ แรบบิท"

จากนั้นก็บุกไปเสมอ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 0-0 ทำให้ยังต้องลุ้นต่อ และกลับมาเล่นในบ้าน ยิงนำ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-0 จาก สุภโชค สารชาติ ทว่า เกตเตอร์สัน ก็มายิงฟรีคิกสุดสวยตามเจ๊า 1-1 ทำให้การลุ้นแชมป์ยังจบไม่ลง จนมาถึงเกมรองสุดท้าย

เงื่อนไขก็คือพวกเขาต้องเอาชนะ หนองบัว พิชญ เอฟซี ให้ได้ ซึ่งเวลานั้นแฟนบอลหลายๆ ทีมอาจอยากจะเห็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ตามมาแซงหน้าเข้าที่ 1 มากกว่า แต่ทีมเวิร์คของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็สามารถบุกไปเอาชนะ 3-0 คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ของสโมสรไปครอง

นี่เป็น 5 เรื่องราวที่ต้องขอยกให้เป็นเรื่องสุดยอดของ “ปราสาทสายฟ้า” ในซีซั่นนี้อย่างแท้จริง ทำให้สร้างปรากฏการณ์ในวงการลูกหนังไทย กลับมาคึกคักกันตั้งแต่จน กระทั่งมาถึงฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ ที่เพิ่งจบไปปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด