ชายวัย 36 ผู้ไม่เคยทอดทิ้งทีม

นี่คือเรื่องราวของ เจมส์ ฟิลลิป มิลเนอร์ ถ้าใครที่ทันดู ลีดส์ ยุคปลาย ๆ ก่อนจะร่วงตกชั้นในช่วงยุคมิลเลนเนียม น่าจะจำกันได้ว่า เจมส์ มิลเนอร์ คือปีกดาวรุ่งที่น่าจับตามองมาก ๆ คนนึงของวงการลูกหนังอังกฤษ และเคยทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้บนวัยเพียงแค่ 16 ปี 356 วันเท่านั้น ก่อนจะถูก เจมส์ วอห์น ทำลายสถิตินี้ลงในเวลาต่อมา มิลเนอร์ เป็นแฟนบอลตัวยงของ ลีดส์ ยูไนเต็ด มาตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนจะทะลุขึ้นมาเล่นให้ทีมในฝันได้เต็มตัวตั้งแต่อายุยังไม่ 18 ปี โดบเขาเล่นในทีมชุดใหญ่ได้แค่ 2 ฤดูกาลก็ถูกขายให้ นิวคาสเซิ่ล ในปี 2004 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ เพราะตอนนั้น ลีดส์ ประสบปัญหาการเงินอย่างหนักจริง ๆ
ผลงานของ มิลเนอร์ ที่ไทน์ไซด์ไม่ได้เด่นอะไรมากนัก เล่นให้ทีมอยู่ 3 ปีก็ถูกขายให้ แอสตัน วิลล่า ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ทำให้เขาค้นพบจุดเปลี่ยนสำคัญบางอย่างในชีวิต เพราะการทำงานกับ มาร์ติน โอนีล ที่ วิลล่า เขาถูกจับมายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางอยู่บ่อย ๆ เลยทีเดียว โอนีล ชื่นชอบความหลากหลายและความขยันของ มิลเนอร์ มาก ๆ ไม่ใช่แค่กองกลางแต่เขายังถูกจับไปเล่นแบ็คขวาเลยด้วยซ้ำในบางเกม ซึ่งดาวเตะรายนี้ก็ไม่เคยปริปากบ่น หนำซ้ำยังพยายามทำมันให้ดีที่สุดอีกต่างหาก และด้วยความขยันบวกความเรียบง่ายที่ มิลเนอร์ แสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น นั่นจึงทำให้เขาย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปีื 2010 ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนรุ่นบุกเบิกของทัพเรือใบ โดยอยู่กับทีมนาน 5 ฤดูกาล ลงสนามไปมากถึง 203 นัด ยิงได้ 18 ประตู และคว้าแชมป์กับทีม 5 รายการ ในปี 2015 ซิตี้ ปล่อยตัว มิลเนอร์ ออกจากทีมแบบฟรี ๆ ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล หลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงที่เพิ่งหมดสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ นั้น มีเขาเคยถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอให้มาร่วมทีมด้วยนะครับ แต่เขาปฏิเสธกลับไปเพราะว่าให้เกียรติอดีตทีมเก่าอย่าง ลีดส์ และ ซิตี้ ซึ่งเป็นอริของปีศาจแดงทั้งคู่ เมื่อมาที่แอนฟิลด์ มิลเนอร์ ได้ร่วมงานกับยอดกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ นั่นจึงทำให้เขาพัฒนาตัวเองมากขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งที่อายุเกิน 30 แล้วก็ตาม ทัศนคติและความเป็นมืออาชีพของเขาคือสิ่งที่ คล็อปป์ ชื่นชมมาตลอด เขามีวินัยและมีความจริงจังกับเกมการแข่งขันในระดับเข้มข้นมาก ๆ จนทำให้เป็นอะไหล่คนสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ยอมต่อสัญญาออกไปเรื่อย ๆ เพราะเขามีประโยชน์มากมายทั้งในและนอกสนาม ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ปีนี้เป็นปีที่ 7 แล้ว เชื่อไหมครับว่าไม่เคยมีฤดูกาลไหนเลยที่ มิลเนอร์ ลงสนามน้อยกว่า 30 นัดเลย นอกจากนี้สถิติจาก ออปต้า ยังระบุว่าค่าเฉลี่ยระยะทางในการวิ่งแต่ละเกมของเขาอยู่ที่ประมาณ 12 กิโลเมตร โดยตอนฤดูกาล 2018-19 เขามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 12.64 ต่อเกมเลยทีเดียว มิลเนอร์ เป็นรองกัปตันทีม เป็นรุ่นพี่ที่ให้คำแนะนำและทำหน้าที่แทนโค้ชทั้งในและนอกสนาม เขากระตุ้นทีมทั้งวาจาและการกระทำยามลงเล่น ส่วนในห้องแต่งตัวเขาให้คำปรึกษารุ่นน้องทุกคนอย่างเต็มที่เช่นกัน ชีวิตนอกสนามของเขานั้นเรียบง่าย ไม่ออกไปดื่มเหล้า ไม่เที่ยวเตร่ แม้จะถูกมองว่าเป็นนักเตะที่ไร้เสน่ห์ ไม่ใช่จอมเทคนิคที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่นักเตะที่ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่ในความเรียบง่ายแบบนี้นี่แหละครับที่สำคัญกับทีมมาก และหาไม่ได้ง่าย ๆ เลยสำหรับนักเตะในยุคนี้ ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2022-23 มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในขุมกำลังอยู่หลายจุด แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็คือผู้ชายคนนี้ คนที่ยืนเป็นกำลังเสริมให้ทีมอยู่ที่เดิม เป็นรุ่นพี่ที่พร้อมผลักดันรุ่นน้องอย่างเต็มใจ และเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่สร้างปัญหา ไม่งอแงอยากย้ายทีม ไม่เคยแม้แต่จะทำตัวใหญ่กว่าสโมสร นี่คือเหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้ผู้ชายเรียบ ๆ คนนี้เป็นที่รักของเดอะค็อป และเป็น "ตำนาน" อีกคนของสโมสร โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีรางวัลส่วนตัวอะไรมาประดับตู้โชว์มากมายเลยสักนิด เพราะสิ่งที่ทำให้เขาเป็นตำนานมันคือ "การกระทำ" ไม่ใช่แค่คำคุยโตว่ารักสโมสรแต่พยายามทิ้งทีมเวลามีปัญหา ผู้ชายคนนี้จริงใจต่อทุกคนรอบตัว และสมควรแก่การถูกรักจากแฟนบอลอย่างแท้จริง