เรื่องนี้เห็นด้วยอย่างชัดเจนเพราะหลังจากผ่าน 10 นาทีแรกไป รูปเกมตกเป็นของ ปิศาจแดง โดยสิ้นเชิง ขุนพลยูไนเต็ดครองบอลคอยเล่นงาน ท็อตแน่ม ออตสเปอร์ แบบต่อเนื่อง พร้อมหาโอกาสจบสกอร์ชนิดที่ อูโก้ โยริส มือเป็นระวิง
เฟร็ด, อันโตนี่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ลุค ชอว์ และ กาเซมีโร่ ต่างมีโอกาสทำประตูให้ ผีแดง ออกนำช่วง 45 นาทีแรก แต่บอลเจ้ากรรมยังไม่เป็นใจเพราะไม่ติดเซฟนายด่านชาวฝรั่งเศส ก็พุ่งเฉียวกรอบประตูชนิดที่แฟนบอลปิศาจแดงได้แต่กัดฟันเสียดาย
ภาพความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ แม้ว่าเกมดังกล่าว ยูไนเต็ด ไม่ได้เล่นดีเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ลูกทีม เทน ฮาก สร้างโอกาสได้พอตัวและสมควรคว้า 3 คะแนนมาครอง กระนั้นจังหวะสุดท้ายที่ไม่เด็ดขาดทำให้ไม่สามารถเจาะ นิวคาสเซิ่ล ได้สำเร็จ
แต่เกมเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาไม่จบอีหรอบเดิม แม้ประตูแรกจะมีโชคช่วยในจังหวะแฉลบ เบน เดวิส แนวรับ ไก่เดือยทอง แต่บางครั้งฟุตบอลต้องพึงพาอะไรแบบนี้เพื่อให้เกมปลดล็อกและเข้าทางฝั่งตนเอง
หากมองนอกเหนือไปจากเรื่องของโชคหรือดวง ต้องกล่าวชมนักเตะ ปิศาจแดง ที่ยังคงรักษาความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นเอาไว้ ไม่ผ่อนเกมลงไปพร้อมเดินหน้าเต็มกำลังตั้งแต่วินาทีแรกของ 45 นาทีหลัง
สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานของประตูออกนำ เพราะในจังหวะที่ทีมเยือนยังคงเมาหมัดจากครึ่งแรกและไม่สามารถตั้งตัวในช่วงต้นครึ่งหลัง ปิศาจแดง เลยอาศัยจุดนั้นเล่นงานและได้ประตูที่ต้องการ
ฝั่ง สเปอร์ส แน่นอนว่าต้องพยายามดันเกมสวนคืนกลับไปหากอยากมีคะแนนติดมือ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมากลายเป็นหนึ่งในผลงานที่เลวร้ายที่สุดในฤดูกาลนี้ของพวกเขา
อันโตนิโอ คอนเต้ ได้แต่คอตกรับสภาพว่าลูกทีมตนเองเป็นรองอย่างมาก และผลการแข่งขันที่ออกมาสมควรเป็นชัยชนะของฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเป็นเอกฉันท์
รูปเกมที่ออกมาเป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจน สเปอร์ส พยายามฮึดสู้กลับแต่มันกลายมาเป็นคืนของ ปิศาจแดง ที่ทำอะไรดีไปหมด ทั้งกองหลังที่ป้องกันได้ดีตัดความอันตรายคู่หู เคน-ซน ออกจากเกมไม่ให้มีจังหวะประสานงานกันได้ หรือแดนกลาง 3 คน เฟร็ด-กาเซมีโร่-บรูโน่ ที่เล่นงานแผงมิดฟิลด์ฝ่ายตรงข้ามเสียอยู่หมัด
โดยเฉพาะ เฟร็ด ที่กลายมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในนัดที่ผ่านมา กองกลางหมายเลข 17 แห่งรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด วิ่งไล่บี้ขึ้นลงทำลายเกมคู่แข่ง หรือคอยสอดไปหน้าประตูฝั่งตรงข้ามเพื่อหาจังหวะประสานงานและจบสกอร์อยู่บ่อยครั้ง
การมีอยู่ของ กาเซมีโร่ ทำให้ เฟร็ด มีอิสระในการเล่นมากขึ้น และหน้าที่ของดาวเตะวัย 29 ปีคือการวิ่งปั่นป่วนฝ่ายตรงข้าม เชื่อมเกมเมื่อทีมครองบอลหรือสวนกลับ นอกจากนั้นยังเป็นตัวพัวพันในจังหวะ 50-50 ซึ่งสร้างความได้เปรียบให้ ผีแดง อย่างมาก
ไม่ต่างจาก บรูโน่ ที่ยังคงขยันวิ่งและช่วยทีมอยู่เสมอ ที่ผ่านมาอาจจะโดนวิจารณ์เรื่องผลงานทำประตู แต่การมีอยู่ของกองกลางโปรตุเกสช่วยให้ทีมมีสมดุลทั้งรุกและรับเพราะแข้งรายนี้ไม่อิดออดที่จะช่วยทีมไม่ว่าจะเป็นส่วนใดในสนาม
ทางด้าน กาเซมีโร่ แสดงให้เห็นถึง 'คลาส' อีกครั้ง แม้จังหวะการเล่นบางครั้งอาจจะดูช้าไปเล็กน้อยจนเสียวโดนฉกบอลหรือโดนแย่งจากด้านหลัง แต่ด้วยประสบการณ์และชั้นเชิงทำให้แดนกลางของทีมในนัดล่าสุดสมดุลอย่างมาก
อดีตกองกลางเรอัล มาดริด ยืนปักหลักขวางกั้นเกมรุกฝ่ายตรงข้ามเมื่อต้องตั้งรับ คอยเป็นตัวเชื่อมบอลหรือถ่ายบอลไปยังพื้นที่ว่างยามที่ทีมครองเกม หรือแม้แต่จังหวะสำคัญๆ ที่มิดฟิลด์รายนี้ใช้เซนส์และประสบการณ์ช่วยให้ ยูไนเต็ด ได้เปรียบ
จังหวะไหนควรเล่นก็เล่นอย่างฉลาดและมีสติ จังหวะไหนควรเด็ดขาดก็พร้อมหวดเต็มข้อไม่รีรอ หรือจังหวะไหนควรเรียกฟาวล์เพื่อให้ทีมได้เปรียบก็ทำได้ดีอย่างมากในนัดล่าสุด (โดยเฉพาะจังหวะโดนรุมสามคนในท้ายครึ่งหลังก่อนจะเรียกฟาวล์ให้ทีม)
เมื่อแดนกลางสามารถครองเกมและเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้แนวรุกมีโอกาสในการหาจังหวะเข้าทำมากขึ้น รวมไปถึงฟูลแบ็กสองฝั่งที่พร้อมเติมไปช่วยเมื่อช่องทางเปิดออก
เรื่องดังกล่าวคงหนีไม่พ้นการทำประตูนำห่าง 2-0 เพราะทีมเกือบจะโดน แฮร์รี่ เคน เล่นงานซึ่งยิงไปติดเซฟ ดาบิด เด เคอา แม้ว่ามีธงล้ำหน้าตามมาแต่ ลุค ชอว์ มีสมาธิ มากพอในการพาบอลสวนกลับขึ้นมา
จังหวะนี้ต้องบอกว่าผู้ตัดสินมีส่วนสำคัญมากเพราะปล่อยให้เกมดำเนินต่อไปโดยที่ไม่หยุดกลางคัน ซึ่งหลังจากนั้น ปิศาจแดง ลำเลียงบอลขึ้นมา เฟร็ด - บรูโน่ - กาเซมีโร่ วางออกไปทาง อันโตนี่ ลากตัดแทงเข้าใน แฟร์นันด์ส อาจจะจับยาวแต่บอลเป็นใจในจังหวะที่ เฟร็ด แตะโดน เอริก ดายเออร์ มาตกตรงหน้ากองกลางชาวโปรตุกีสปั่นเสียบมุมขวามือ
นับเป็นสัญญาณที่ดีของ ปิศาจแดง กับชัยชนะเหนือทีมหัวตารางอย่าง สเปอร์ส เพราะอย่างลืมว่าก่อนลงสนามทีมดังจากลอนดอนเหนือชนะ 3 นัดจากทุกรายการ แถมผลงานในเวทีพรีเมียร์ลีก 2 เกมหลังสุดคว้าชัยแบบไม่เสียประตู
สิ่งดีๆ ถูกแสดงออกมาในนัดล่าสุด แต่สำหรับ เทน ฮาก ได้เพียงแค่หวังว่ามันจะเป็นตัวจุดประกายให้ลูกทีมเก็บเกี่ยวความมั่นใจพร้อมพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์ที่ต้องเด็ดขาดและหลากหลายกว่านี้
แม้ทีมจะมีโอกาสมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือความเด็ดขาดที่ต้องเฉียบคม โดยเฉพาะจังหวะของ แรชฟอร์ด ที่ควรเป็นประตูทั้งในครึ่งแรกและครึ่งหลังคือจุดที่ต้องปรับปรุงเผื่อว่าทีมเจอรูปเกมที่อึดอัดมีไม่โอกาสไม่มาก สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทีมชั้นนำต้องมีติดตัว
เอาตามตรงจะให้ทีมเล่นดีทุกนัดเหมือนเกมที่ผ่านมาคงเป็นเรื่องยาก เพราะคู่แข่งในแต่ละสัปดาห์แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงปัจจัยในแต่ละนัดที่ต่างกันด้วย ถ้าทีมมีความเฉียบคมไม่ต้องใช้โอกาสมากมายเพื่อทำประตู สิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวชี้วัดและทำให้ทีมได้เปรียบเมื่อต้องเจอเกมที่อึดอัด เรื่องดังกล่าวพวกเราจะเห็นได้จากทีมชั้นนำทั้งในพรีเมียร์ลีกหรือ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บางครั้งพวกเขาไม่ได้เล่นดีอะไรมากมายหรือทำผลงานไม่เป็นตามมาตรฐานแต่ยังสามารถเอาตัวรอดได้เพราะฉวยโอกาสหรือมีความเด็ดขาดเฉียบคมในจังหวะสำคัญ
มันคืองานที่ เทน ฮาก ทราบดีและเขาจะลงรายละเอียดในส่วนนั้นแน่นอน เพราะการปรับปรุงทีมคือหน้าที่ของกุนซือรายนี้ ซึ่งในแต่ละวันคือความท้าทายของเขาที่ต้องการทำให้ทีมตนเองดีขึ้นกว่าเดิมไปเรื่อยๆ
อย่างที่กล่าวไปว่านับเป็นสัญญาณที่ดีกับผลงานที่พัฒนาขึ้นตั้งแต่แพ้ แมนฯ ซิตี้ แบบสู้ไม่ได้ สิ่งที่ ปิศาจแดง ต้องตระหนักคือสร้างการเล่นของตนเองขึ้นมา ค่อยๆ ปรับปรุงส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะมาจากการลงไปทำงานในสนาม คอยดูว่าส่วนไหนบ้างที่ขาดหายไป หน้าที่ของพวกเขาคือการเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้ทีมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ชัยชนะนัดที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นอะไรดีๆ หลายอย่าง และหวังว่ามันจะส่งผลต่อไปถึงเกมวันเสาร์นี้เช่นเดียวกัน
