ไม่สามารถกลับไปได้เหมือนวันเก่า
ปกติแล้วเมื่อถึงวัย 30 กลางๆก็มักจะแขวนสตั๊ดกันแล้ว มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะค้าแข้งอยู่ได้ไกลกว่านั้น และก็ไม่ง่ายที่จะอยู่ในระดับสูงสุดเมื่อวัยล่วงเลยไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ ย่อมจะต้องมีการใช้งานร่างกายอย่างหนักและการดูแลนั้นไม่ง่ายเลย เพราะนอกจากต้องดูแลตัวเองให้ดีมันก็ยังมีปัจจัยภายน้อย โดยเฉพาะในเรื่องของอาการบาดเจ็บ
ทุกวันนี้ก็มีผู้เล่นหลายคนที่เคยอยู่ในช่วงที่ถูกยกให้เป็นสุดยอดแข้งของโลก แต่เมื่อวเลาผ่านไป ด้วยเรื่องของอายุและสภาพร่างกายนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว บางคนค่อยๆถดถอยลงอย่างช้าๆ แต่บางคนก็ตกลงไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือ 5 สตาร์ที่ผ่านจุดสูงสุดของอาชีพมาแล้ว และคงไม่อานจจะกลับไปสู่จุดที่รุ่งเรื่องอีกครั้งได้
ปอล ป็อกบา (ยูเวนตุส / ฝรั่งเศส)
ปอล ป็อกบา สร้างชื่อให้ตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองกลางที่น่าติดตามมากที่สุดในโลก ไม่ใช่เพียงแค่ผลงานในสนาม แต่ยังรวมถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนทรงผมอยู่เสมอยามที่ลงเล่นในแต่ละสัปดาห์
ช่วงเวลาที่อยู่กับ ยูเวนตุส (ครั้งแรก) คือช่วงที่ยอดเยี่ยมที่สุดด้วยการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อามา 4 ปีรวดบวกกับ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย ก่อนจะกลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้งในปี 2016
แม้ว่าจะแสดงออกถึงฝีเท้าอันยอดเยี่ยมแต่ก็ล้มเหลวกับความสม่ำเสมอ แต่ในช่วงเวลานั้นก็เป็นกำลังสำคัญช่วยทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลก 2018 มาครองอย่างยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตามปัญหาบาดเจ็บจุกจิก รวมถึงปัญหาทางด้านวินัยทำให้ ป็อกบา ไม่สามารถไปถึงระดับที่คาดหวังในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยในซีซั่นสุดท้ายกับทีมก็ยังมีปัญหาเรื่องความฟิต และการเล่นก็ไม่ได้มีความเฉียบขาดเหมือนก่อน
ในวัย 29 ปีได้ย้ายกลับมาอยู่กับ "ม้าลาย" อีกครั้ง แต่ก็ยังเจออาการบาดเจ็บเล่นงานและต้องลุ้นความฟิตกับการติดทีมลุยฟุตบอลโลกที่ กาตาร์ และจนถึงตอนนี้หากวัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเจ้าตัวอาจจะไม่อาจกลับไปอยู่ในระดับที่เคยทำได้อีกครั้งแล้ว
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี / ฝรั่งเศส)
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คือหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยให้ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกประวัติศาสตร์เมื่อฤดูกาล 2015/16 โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวยังมาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมกับ เชลซี ด้วย
นี่คือหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในช่วงเวลานั้น และยิ่งทวีคำชื่นชมชมดวยใช้ชีวิตที่ติดดินสุดๆ ไม่เคยอวดตัว แถมยังขี้อายอีกด้วย
การมี ก็องเต้ อยู่หน้าแผงหลังช่วยให้บรรดาแข้งแนวรับอุ่นใจ ในขณะเดียวกันเจ้าตัวยังมีความคล่องตัวในการพาบอลไปข้างหน้าอีกด้วย แชมป์ยุโรปของ เชลซี ในปี 2021 มิดฟิลด์วัย 31 ปีก็เป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จนี้
แต่ว่านับตั้งแต่ซัมเมอร์ดังกล่าวนั้นเป็นต้นมา เจ้าตัวก็เจอปัญหาบาดเจ็บมาตลอดทำให้ไม่ได้เล่นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก และแม้จะกลับมาก็เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
และล่าสุดกับการเข้ารับการผ่าตัดเอ็นหลังหัวเข่าทำให้ต้องชวดไปเล่นฟุตบอล 2022 แล้ว นี่อาจจะเป็นการนับถอยหลังของเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล
ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (แอสตัน วิลล่า / บราซิล)
การกลับมาสู่ แอสตัน วิลล่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาดูเหมือนจะเป็นการฟื้นฟูอาชีพให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ดีอีกครั้งหลังทำ 5 ประตูกับ 3 แอสซิสต์จาก 19 เกม
แต่ว่าในซีซั่นนี้กลายเป็นว่าทุกอย่างกลับตรงกันข้าม ตลอด 10 เกมที่ลงสนามในซีซั่นนี้ในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวไม่มีประตูหรือแอสซิสต์เลยแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งเกมล่าสุดที่ทีมแพ้ ฟูแล่ม แข้งทีมชาติบราซิลเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้นและทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็โดนไล่ออกไป
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเมื่อครั้งที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล แต่การย้ายไปในก้าวที่ใหญ่ขึ้นกับ บาร์เซโลน่า กลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ แม้จะมีเวลาที่ดีขึ้นในการไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว แต่เมื่อกลับมาที่ถิ่นคัมป์ นูทุกอย่างก็เหมือนเดิม
ถึงวันนี้ที่อายุถึงเลข 3 แล้วแฟนบอลคงไม่อาจจะได้เห็น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แบบเมื่อครั้งที่สวมเสื้อ "หงส์แดง" อีกแล้ว
เอแด็น อาซาร์ (เรอัล มาดริด / เบลเยี่ยม)
เอแด็น อาซาร์ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของนักเตะที่ลดระดับจากจุดสูงสุดอย่างรวดเร็วและน่าประหลาดใจหลังย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด
สตาร์ทีมชาติเบลเยี่ยมอยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับ เชลซี ด้วยการคว้าแชมป์มากมายและสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในแข้งเกมรุกที่อันตรายที่สุดในโลก และฤดูกาลสุดท้ายในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ยังทิ้งผลงาน 21 ประตูกับ 17 แอสซิสต์
แต่ว่าทันทีที่เปลี่ยนมาสวใชุด "ราชันชุดขาว" มันก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งในเรื่องของรูปร่างจากที่ผอมเพรียวมามีเนื้อหนัง และอาการบาดเจ็บที่เล่นงานมาตลอด
ฤดูกาลนี้แม้จะสลัดอาการบาดเจ็บได้แล้วแต่ก็ได้โอกาสลงสนามเพียง 5 เกม รวมเวลาแค่ 215 นาทีเท่านั้น โดนพวกเด็กๆอย่าง วินิซิอุส, โรดรีโก้ และ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ แย่งตำแหน่งไปหมด
ยังดีที่ในนามทีมชาติเบลเยี่ยมเจ้าตัวยังเป็นกำลังหลักอยู่ แต่หากมองสภาพปัจจุบันคงต้องบอกว่าวันนี้เข้าห่างไกลจากการเป็นคนเดิมและคงไม่น่าจะกลับมาได้อีกแล้ว
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / โปรตุเกส)
กำลังอยู่ในประเด็นร้อนบนหน้าสื่อเลยสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่สูญเสียตำแหน่งตัวจริงในทีมและล่าสุดเดินออกจากสนามก่อนจบเกมที่ทีมชนะ สเปอร์ส 2-0
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าตัวโดนตัดชื่อออกจากทีมในเกมที่จะเจอกับ เชลซี ในสุดสัปดาห์นี้ในทันทีซึ่งทาง โรนัลโด้ เองก็ออกมาขอโทษพร้อมบอกว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
หลายครั้งที่ลงสนามเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมือนคนเดิมอีกแล้วซึ่งถือว่าเข้าใจได้เพราะปัจจุบันอายุก็ปาเข้าไป 37 ปีแล้ว แม้ว่าสภาพร่างกายจะยังดีเยี่ยม แต่ในบางจังหวะเหมือนใจไปถึงแต่ขาไปไม่ถึง
เส้นทางกับ "ปีศาจแดง" นั้นต้องบอกว่ายากแล้วที่จะกลับมายืนหยัดเป็นกำลังหลัก และไม่รู้ว่าต่อให้ได้ย้ายออกไปอยู่กับทีมใหม่แล้วจะเหมือนเดิมรึเปล่า
แม้เจ้าตัวจะออกมาบอกว่าต้องการเล่นจนถึงอายุ 40 แต่หากหวังให้เป็น โรนัลโด้ คนเดิมเหมือนที่แฟนบอลได้เห็นคงต้องเอาใจช่วยกันอย่างหนักเลย