:::     :::

ฤดูกาลที่เกินฝันของ "ช้างศึกยุทธหัตถี"

วันศุกร์ที่ 09 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
580
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ทีมเราเป็นทีมที่สร้างทีมใหม่ ต้องใช้เวลา อยากให้แฟนบอลอดทนรอ มั่นใจว่านักฟุตบอลเราเล่นเต็มที่เพื่อคนสุพรรณแน่นอน" "โค้ชคราฟ" สถาพร วาจาขำ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสุพรรณบุรี เอฟซี เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในวันเปิดตัวสโมสรสำหรับสู้ศึกไทยลีก 2 เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับ "คุณเฟอร์" วันธรรมนูญ จันทร์สุวรรณ ประธานสโมสร ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า "ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมเข้ามาทำงานกับทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ผมต้องการสร้างรากฐานทีมให้มั่นคง ให้แข็งแรง และกลับขึ้นไปอยู่ที 1 ให้ได้"

ย้อนเวลากลับไปไม่นาน สุพรรณบุรี เอฟซี พึ่งหล่นลงมาจากลีกสูงสุดในฤดูกาลก่อน ซึ่งถือเป็นการตกชั้นในรอบ 10 ปีของสโมสร หลังจากที่โลดเล่นอยู่บนเวทีไทยลีก 1 มาตั้งแต่ฤดูกาล 2013 จึงไม่แปลกที่ทั้งคู่จะให้สัมภาษณ์ไปในแนวทางนั้น เพราะทุกอย่างเหมือนต้องกลับมารีเซ็ตใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันก็เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่จริงๆ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นกับทีม


ไล่ตั้งแต่ประธานสโมสรคนใหม่ที่เปลี่ยนเป็น วันธรรมนูญ จันทร์สุวรรณ เข้ารับตำแหน่งและดูแลทีมแทนที่ของประธานคนเก่า หรือในเรื่องของหัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่แม้ว่า "โค้ชคราฟ" จะคลุกคลีอยู่กับทีมมานาน แต่เจ้าตัวก็พึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาทำหน้าที่แทน อเดบาโย่ กาเดโบ้ ในฤดูกาลนี้

ตัดภาพมาที่เรื่องของงบประมาณในการทำทีม แน่นอนว่ามันต้องถูกลดลงอยู่แล้ว เพราะการลงเล่นในลีกพระรอง ยังไงก็ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับลีกสูงสุด การจะหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนก็ยากขึ้นว่าเดิม ซึ่งมันส่งผลต่อขุมกำลังของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย 

บรรดาตัวผู้เล่นของสุพรรณบุรีในฤดูกาลนี้ จึงเป็นนักเตะที่พอมีชื่อเสียงและประสบการณ์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ที่ดูมีดีกรีและชื่อคุ้นหูหน่อยก็เป็นพวก กิตติพงษ์ วงมา, รชานนท์ กันยาทอง, เจตน์จิณณ์ ศรีปราชญ์, สิทธินันท์ รุ่งเรือง และวิศรุต ไวงาน


ขณะที่ตัวต่างชาติ ต้องบอกว่าเป็นคนละเรื่องเลยก็ว่าได้ จากที่เคยได้ใช้บริการของลอสเซมี่ คาราบูเอ้ หรือวิลเลี่ยม เอ็นริเก้ ที่เคยมีประสบการณ์ในการเล่นลีกสูงสุดมาแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นดักลาส ทาร์ดิน กับมาเธอุส ซูซ่า ซึ่งแม้จะเป็นดาวเตะสายเลือดแซมบ้า แต่ทั้งสองคนนี้ก็ย้ายมาจากทีมในไทยลีก 3 ทั้งคู่ 

สุพรรณบุรี เอฟซี จึงมีเป้าหมายในการลงเล่นที่ไม่กดดันเท่าไหร่ คือถ้าเลื่อนชั้นก็ได้ แต่ถ้าไม่เลื่อน ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ต้องสร้างรากฐานของทีมให้มั่นคงไว้ก่อน จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเริ่มต้นได้อย่างกระท่อนกระแท่น โดยสถิติบอกว่าช่วง 8 นัดแรกที่ลงสนาม สุพรรณบุรีต้องเจอกับความปราชัยไปถึง 3 นัด

แต่เมื่อทุกอย่างลงตัว สุพรรณบุรี เอฟซี ก็กลายร่างเป็นช้างศึกตกมัน และพุ่งชนกับชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องทันที โดยในช่วง 8 นัดถัดมาที่เริ่มจูนกันติด ทีมแพ้ไปเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น และชนะได้ถึง 6 นัด  ซึ่งผลงานสุดประทับใจ ก็คงเป็นเกมล่าสุด ที่ไล่ถล่มทีมฟอร์มแรงอย่างนครศรี ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 3-0 และส่งให้พวกเขามีแต้มขึ้นมาเทียบจ่าฝูงทันที !!!


อีกเรื่องที่น่าทึ่งคือทั้ง ดักลาส ทาร์ดิน และ มาเธอุส ซูซ่า ที่เป็นเครื่องหมายคำถามเมื่อช่วงเปิดฤดูกาล ต่างก็ช่วยกันผลิตสกอร์ให้กับทีมรวมกันได้ถึง 10 ประตู มิหนำซ้ำ "ช้างศึกยุทธหัตถี" ก็ยังกลายเป็นทีมที่มีเกมรับยอดเยี่ยมเป็นอันดับที่ 2 ของลีกอีกด้วย จากการเสียไปเพียงแค่ 13 ประตู ใน 16 เกมที่ลงสนาม

สถานการณ์ล่าสุดนับจนถึงตอนนี้ สุพรรณบุรี เอฟซี คือรองจ่าฝูงของศึกไทยลีก 2 ชนิดที่ว่ามีลุ้นแชมป์เลกแรกจนถึงนัดสุดท้าย เพราะมีแต้มเท่ากับจ่าฝูงอย่างนครศรี ยูไนเต็ด ที่จำนวน 32 แต้มเท่ากัน แต่เป็นรองในเรื่องของผลต่างประตูได้-เสีย


และสำหรับโปรแกรมเกมส่งท้ายเลกแรก พวกเขาพึ่งบุกไปเอาชนะเกษตรศาสตร์ เอฟซี ได้ด้วยสกอร์ 1-0 ในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ซึ่งแปลว่าตอนนี้ สุพรรณบุรี เอฟซี กลายเป็นจ่าฝูงเป็นที่เรียบร้อย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})