ถือเป็นเกมที่เต็มไปด้วยอรรถรสอย่างที่แฟนบอลคาดหวังไว้ ประตูที่งดงาม, จังหวะปัญหา, วีเออาร์, ผู้ตัดสิน, การดวลกันของสตาร์ระดับโลก และที่สำคัญคือดราม่าที่กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม
อย่างที่ทุกคนทราบไปแล้วว่าในมุมของผู้แพ้อย่าง ทรี ไลออนส์ ต้องโดน 'จุดโทษ' ตามหลอกหลอนอีกครั้ง ซึ่งหนนี้กลายเป็น แฮร์รี่ เคน ที่ต้องแบกรับเรื่องดังกล่าวเอาไว้
การสังหารจุดโทษลูกที่สองในเกมของกองหน้าวัย 29 ปีเดิมพันด้วยการตีเสมอและยื้อกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ (เป็นอย่างน้อย) แต่ท้ายที่สุดหลังจากสาวเท้าเข้าไปยิงหนนี้ เคน ดันหวดบอลลอยข้ามคานไปไกล
อารมณ์ ณ เวลานั้นต่างกันสุดขั้ว บรรดาผู้เล่นตราไก่ระเบิดอารมณ์และแสดงออกอย่างชัดเจนเพราะพวกเขาคาใจอยู่ก่อนแล้วว่าไม่สมควรจะเป็นจุดโทษลูกที่สอง
ต่างจากแข้งสิงโตคำรามที่สีหน้าซีดเซียว ซึ่งความกระตือรือร้นหลังจากนั้นตกไปอย่างชัดเจน แม้ลูกทีม แกเร็ธ เซาธ์กต จะพยายามฮึดในช่วงทดเวลาแต่ก็ไม่เป็นผล
เท่ากับว่าความฝันในการลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลกของ ทรี ไลออนส์ ต้องจบลงในรอบ 8 ทีมสุดท้าย หลายฝ่าย (โดยเฉพาะสื่อและกองเชียร์อังกฤษ) มองว่าเป็นการปราชัยที่ไม่สมควรได้รับเนื่องจากทีมทำผลงานดีกว่า แต่เมื่อฟุตบอลตัดสินด้วยการทำประตู สกอร์ที่ออกมาจึงเป็น ฝรั่งเศส ที่ได้ไปต่อ ...
... ณ ตอนนี้ เส้นทาง เวิลด์ คัพ 2022 จึงเหลือ 4 ทีมสุดท้ายที่มี 2 ชาติอดีตคู่ชิงฯ ครั้งก่อนหลุดเข้ามา จึงไม่แปลกที่จะมีคนมองว่ามีโอกาสเป็นการ 'รีแมตช์' ปี 2018
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวต้องลองไปถาม อาร์เจนติน่า กับ โมร็อกโก เสียก่อน โดยเฉพาะทีมฟ้าขาวที่หมายมั่นผ่านด่าน โครเอเชีย เพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้อีกครั้ง (ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2014 แต่ทาง เยอรมนี ชนะไปด้วสกอร์ 0-1 ในช่วงต่อเวลา)
ลีโอเนล เมสซี่ และผองเพื่อนหมายมั่นตั้งใจอย่างมากว่าต้องเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ต่างจาก 3 ชาติทั้ง โครเอเชีย, ฝรั่งเศส และ โมร็อกโก
เกมวันอังคารและพุธที่จะถึงนี้จึงเป็น 2 คู่ที่แฟนบอลทั่วโลกพร้อมจับตามองและเป็นสักขีพยานคนสำคัญ กองเชียร์แต่ละชาติคาดหวังในการได้ไปต่อในรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นรองหรือเป็นต่อเพียงใดทุกอย่างล้วนแล้วไม่สำคัญ เพราะมาถึงจุดนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ...
... โครเอเชีย แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าแม้จะเป็นชาติเล็กในยุโรป แต่ด้วยศักยภาพของนักเตะทำให้พวกเขาทำผลงานในเวทีฟุตบอลโลกได้อย่างยอดเยี่ยม
4 ปีก่อนเพิ่งสร้างความฮือฮาในการเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แม้จะอกหักผิดหวังแต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ทำให้คนในชาติรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก
มาหนนี้ ตาหมากรุก ทำได้ดีอีกครั้ง แม้ว่าฟอร์มช่วงแรกกระท่อนกระแท่นแต่สามารถเอาตัวรอดเข้ารอบน็อกเอาต์ ซึ่งกว่าจะผ่านด่าน ญี่ปุ่น มาได้ต้องไปลุ้นถึงฎีกาจุดโทษ
กระนั้นความยอดเยี่ยมของ โครแอต เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีมที่สามารถเขี่ย บราซิล ให้หลุดวงโคจร แม้จะโดนสอยตาข่ายในช่วงต่อเวลาแต่ลูกทีม ซลัตโก้ ดาลิช เอาคืนก่อนจะคว้าตั๋วรอบตัดเชือกหลังจากเอาชนะในการดวลจุดโทษ (อีกครั้ง)
จึงเป็นงานหนักที่ อาร์เจนติน่า ต้องหาทางรับมือ ซึ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ฟ้าขาว อาจจะทำได้ดีในการออกนำคู่แข่งตลอด 2 เกมที่ผ่านมา แต่ปัญหาใหญ่คือช่วงท้ายเกมยามที่โดนกดดันอย่างหนักกลับไม่สามารถยืนระยะได้
หลักฐานสำคัญหนีไม่พ้นเกมปะทะ เนเธอร์แลนด์ เพราะลูกทีม ลีโอเนล สกาโลนี่ นำก่อนสบายๆ 2-0 แต่ดันโดนตีเสมอและต้องไปหวาดเสียวถึงการดวลจุดโทษ จุดนี้จึงเป็นการบ้านที่ อาร์เจนติน่า ต้องแก้ไขโดยด่วน ...
โมร็อกโก ที่ถูกมองเป็นม้ามืดพร้อมสร้างเทพนิยายของตนเองอีกครั้ง จากทีมนอกสายตาแต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยเกมรับอันเหนียวแน่นและเกมสวนกลับอันตรายทำให้ ฝรั่งเศส จะเจองานหนักแบบไม่ต้องสงสัย
เรื่องนี้ ดีดีเย่ร์ เดส์ช็องส์ ทราบดีเพราะเขาติดตามผลงาน โมร็อกโก มาตลอดเนื่องจากเป็นหนึ่งในทีมที่มีโอกาสจะพบกัน และตอนนี้กำลังจะเกิดขึ้นทำให้ข้อมูลที่เก็บสะสมได้ถูกนำมาใช่อย่างแน่นอน
สิงโตแอตลาส ไล่ตบทีมใหญ่จากชาติยุโรปเป็นว่าเล่นซึ่งทีมเหล่านั้นล้วนแล้วเป็นเต็งแชมป์ของรายการ ไล่ตั้งตั้งแต่ เบลเยียม ในรอบแบ่งกลุ่ม, สเปน ในรอบ 16 ทีม และล่าสุดเขี่ย โปรตุเกส และทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องหลั่งน้ำตาออกมา
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ โมร็อกโก ไม่เสียประตูตลอด 3 เกมดังกล่าว จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ 'เดเด้' ต้องหาทางเจาะกำแพงอันแข็งแกร่งที่ วาลิด เรกรากี ได้สร้างขึ้นมาให้จงได้ ส่วนทาง สิงโตแอตลาส พร้อมลงไปไล่ล่าเพื่อปราบตัวแทนจากชาติยุโรปอีกหนึ่งทีม ...
... ถึงตรงนี้จาก 4 ชาติกำลังจะถูกตัดให้เหลือแค่ 2 ทีมเพื่อเข้าไปชิงชัยเป็นเบอร์ของโลกในวันอาทิตย์หน้า
อาร์เจนติน่า - โครเอเชีย
ฝรั่งเศส - โมร็อกโก
ใครจะคว้าชัยชนะและเข้าไปลุ้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต่อไป แค่คิดก็สนุกแล้ว
