มีส่วนร่วม 4 จาก 5 ประตูที่ทีมชาติไทยทำได้ เลยเถิดไปยันการคว้า “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ที่เปรียบเสมือนคำตอบชั้นดี ในฟอร์มการเล่น

การขยับจากแบ็กซ้ายขึ้นมาเป็นกองกลาง ทำให้ “อุ้ม” เปรียบเสมือนห้องเครื่องในทีมชุดนี้ไปโดยปริยาย

ยิ่งเมื่อไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ สุภโชค สารชาติ มาเล่นในรายการนี้ ทำให้ มาโน โพลกิง เลือกปรับหลังบ้าน จากระบบการเล่น 4-2-3-1 มาเป็น 4-4-2 พร้อมให้ “อุ้ม” มีอิสระในการสร้างสรรค์เกมได้อย่างเต็มที่

ผู้เขียนเห็น “อุ้ม” เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางแบบทางการหนแรก ต้องย้อนกลับไปตอน ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2018 ที่ ทีมชาติไทย บุกไปแพ้ ออสเตรเลีย 1-2 ที่เมลเบิร์น เกมนั้น มิโลวาน ราเยวัช เล่นในระบบหลัง 3 โดยมี “อุ้ม” ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กับ ปกเกล้า อนันต์

อย่างไรก็ตาม เกมดังกล่าวทัพ “ช้างศึก” ต้องตั้งรับคู่ต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ เราจึงยังแทบไม่เห็นวิชั่นของ “อุ้ม” ในการสร้างสรรค์เกมตำแหน่งนี้มากนัก

ถัดมา 1 เดือน ราเยวัช จับ “อุ้ม” มายืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้า ตำแหน่งของ เจ ชนาธิป ในเกมอุ่นเครื่องพบ เมียนมา ที่มัณฑะเลย์ รอบนี้เจ้าตัวปล่อยของมากขึ้น แม้จะมีโอกาสลงเล่นเพียง 1 ชั่วโมง ทว่าก็มีแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง มงคล ทศไกร ทำประตูได้

จากนั้น “อุ้ม” กลับไปประจำการริมเส้นฝั่งซ้ายตามเดิม ช่วงค้าแข้งกับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส เจ้าตัวจะมีสลับมาสร้างสรรค์เกมแดนกลางบ้างตามแท็คติก แต่หน้าที่หลักยังเป็นแบ็กซ้ายอยู่ดี

จนกลับมาที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อปีก่อน มาซาทาดะ อิชิอิ เริ่มจับให้เขามาเล่นเป็นมิดฟิลด์ครั้งแรกในนัดที่ทีมเปิดบ้านแพ้ พีที ประจวบ 1-2

จากนั้น “อุ้ม” ก็พบตัวเองในตำแหน่งใหม่เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็น มิดฟิลด์ตัวกลาง หรือ ปีกซ้าย มีแค่บางเกมที่กลับไปยืนเป็นแบ็กซ้าย

ต่อยอดมายังฤดูกาลนี้ 15 เกมแรกในไทยลีก “อุ้ม” เล่นมิดฟิลด์ไปถึง 10 เกม และแบ็กซ้าย 5 เกม

ทำให้ มาโน โพลกิง ไม่ลังเลใจที่จะใช้งานเขาในตำแหน่งมิดฟิลด์ “ช้างศึก” ทัวร์นาเมนต์นี้ หลังเคย “ทดลองใช้” ในเกมฟีฟ่าเดย์ที่ชนะ ตรินิแดด 2-1 และ ชนะ เมียนมา 6-0 มา

บทบาทจอมทัพของ “อุ้ม” ไม่ได้ยืนสูงเหมือน ชนาธิป หากแต่มีอิสระในการเคลื่อนที่อยู่ตลอด ตั้งแต่ดรอปไปรับบอลจากแดนหลัง ค่อย ๆ ลำเลียงบอลขึ้นมา รวมถึงการสร้างสรรค์เกมเพื่อนำบอลเข้าเขตโทษ ทั้งบอลสั้น-บอลยาว ที่ทำได้อย่างเนียนตา

เรียกว่ามีส่วนร่วมกับเกมเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ดี ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น คู่แข่งที่รอจากนี้ต่างหากคือของจริง

น่าสนใจว่าบนวัย 32 ปี ในความเป็นพี่ใหญ่ ใส่ปอกแขนกัปตัน และบทบาทใหม่เจ้าตัว จะพาช้างศึกเชือกนี้กลับไป “ป้องกันแชมป์” ได้สำเร็จหรือไม่

ได้แต่หวังว่า “อุ้ม” จะฟอร์มโหด ดุดันไม่เกรงใจใครเหมือนน้อง ๆ ทีม Theerathon Five ในเกม PUBG ที่เขาเป็นเจ้าของทีมอยู่เช่นกัน

เป็นกำลังใจให้ “จอมทัพ” ช้างศึกคนใหม่