:::     :::

"มะรุมมะตุ้มรุมยื่นแมนยูไนเต็ด" และการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,046
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อัพเดทล่าสุดการเทคโอเวอร์แมนยู และความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน จากการที่เจ้าของสโมสรยังไม่มีความชัดเจน เรื่องนี้น่ากังวลมากน้อยแค่ไหน? หรือเกลเซอร์จะกลับลำไม่ขายสโมสรจริงๆ นี่คือความคืบหน้าและการคาดการณ์สถานการณ์เทคโอเวอร์อย่างเกาะติดและต่อเนื่อง

ในระหว่างที่ทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กำลังมีสมาธิอยู่กับการฝึกซ้อม และเตรียมทีมลงทำศึกสำคัญสองนัด กับบาร์เซโลน่า ในยูโรปาลีกเลกที่สอง และรอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพกับนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้ ข่าวการเทคโอเวอร์สโมสรก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตามความเคลื่อนไหวที่มีรายงานออกมาเป็นระยะๆ

ล่าสุดอย่างที่แฟนบอลได้ทราบกัน มีการเปิดตัวผู้ยื่นประมูลมาก่อนเดดไลน์ 3 ฝ่ายหลักๆ คือ

1. Sheikh Jassim bin Hamad Al Thani ภายใต้กลุ่มมูลนิธิ Nine Two Foundation กลุ่มทุนกาต้าร์ของ ท่านชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี ผู้อยู่ในฐานะChairmanของธนาคารQIBแห่งกาต้าร์

2. Sir Jime Ratcliff เศรษฐีชาวท้องถิ่นเจ้าของความร่ำรวยเบอร์หนึ่งแห่งเกาะอังกฤษ เจ้าของและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่ม INEOS

3. Elliot Management เป็นกลุ่มกองทุนเฮดจ์ฟันของสหรัฐ ที่อาจจะเข้ามาเป็นผู้ลงทุน และมีคอนเน็คชั่นที่จะเข้ามาสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของปัจจุบันก็ได้

แม้จะมีผู้เสนอประมูลเข้ามามะรุมมะตุ้มรุมรักแมนยูมากรายขนาดนี้ และเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง ทั้งในตลาดโลก และในวงการฟุตบอล แต่หุ้นแมนยูกลับตกลงอย่างน่าประหลาดใจ

เป็นเพราะอะไร?

มูลค่าของหุ้นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด(MANU) อยู่ที่ 25.55 ดอลลาร์สหรัฐ ยามเปิดการซื้อขายวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ ก่อนจะตกลงไปซ้ำภายในเวลาสั้นๆ แม้จะดีดขึ้นมาเล็กน้อย แต่สุดท้ายราคาก็ตกลงต่ำกว่า 24 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งๆที่มี 3 กลุ่มทุนบิ๊กเหล่านี้ยื่นข้อเสนอ

อาจจะไม่เกี่ยวกันโดยตรง แต่ผลกระทบจากข่าวต่างๆในเรื่อง "ความไม่แน่นอนของการขายสโมสร" ก็มีผลกระทบเช่นกัน ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

และประเด็นหลักที่แฟนผีเกิดความกลัวว่า "เกลเซอร์จะไม่ขายสโมสรเหมือนกับFSGของลิเวอร์พูลหรือไม่"

เมื่อทุกอย่างยังไม่นิ่ง กระแสข่าวต่างๆที่มาเรื่อยๆ แม้กระทั่งเรื่องการประกาศofficialบนหน้าเพจสโมสรเรื่องการขึ้นราคาค่าตั๋วSeason Ticket ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมา11ปี ก็มีผล

ล่าสุดหุ้นจึงมีการดิ่งลงต่ำกว่า 24 ดอลลาร์สหรัฐ ลงมากกว่าร้อยละ 9 อย่างที่เห็น ทุกอย่างล้วนมาจากความเชื่อมั่นที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง(ขึ้นอยู่กับตระกูลเกลเซอร์นั้น) ดูแล้วยังไม่มีความแน่นอนใดๆ

ถึงการที่หุ้นตกเป็นเรื่องธรรมดาในความผันผวนของตลาดหุ้นก็ตาม แต่ตราบใดที่ Process การเทคโอเวอร์ยังไม่สำเร็จ ข่าวประเภทนี้ก็จะมีให้เห็นเรื่อยๆ

ในฐานะแฟนบอลก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน

ประเด็นของ "ความเชื่อมั่น"นี้ มีรายงานล่าสุดยืนยันซ้ำอีกครั้งจาก James Ducker [tier 1 : The Telegraph] ว่าฝ่ายของ Sheikh Jassim bin Hamad Al Thani คงจะไม่มาพยายามยื่นซื้อสโมสร หากไม่มั่นใจ100%ว่าจะมีการซื้อขายเกิดขึ้นจริงๆอย่างถูกต้องตามข้อบังคับที่เป็นไปได้ และมั่นใจว่าจะไม่ผิดกฎการเป็นเจ้าของสโมสร หรือกฎที่ห้ามควบคุมสโมสรเกินกว่าหนึ่งแห่งของยูฟ่า

ทั้งยังยืนยันว่าแหล่งข่าวใกล้ชิดกับท่านชีคยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี ปฏิเสธว่า การเข้ามาเทคสโมสร จะไม่เกี่ยวข้องกับโครงการของรัฐที่ได้รับสนับสนุนเงินทุนมาจาก QIA แน่นอน (QIA : Qatar Investment Authority คือ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกาตาร์ ที่ก่อตั้งโดยรัฐของกาต้าร์เอง เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศนั่นเอง เป็นองค์กรลงทุนระดับโลกที่ดูแลครอบคลุมหลายๆมิติ กระจายสินทรัพย์ไปยังประเภทใหม่ๆ พูดแบบง่ายๆคือเป็นกองทุนของรัฐก็ได้)


ขณะที่ทาง Rob Dawson [tier 2 ESPN] รายงานว่าแม้ว่ากลุ่มกาตาร์จะเทคโอเวอร์สำเร็จก็ตาม จะไม่มีการลงทุนซื้อแบบบ้าคลั่งหรือฟุ่มเฟือยเกินเหตุในตลาดซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะเทคฯเสร็จสิ้นแล้ว

และทั้งชีค ยาสซิม กับ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินกิจการของแมนยูไนเต็ด ไม่ใช่ในด้านเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือกำไรทั้งคู่ ไม่ว่าใครจะซื้อสำเร็จก็ตาม พวกเขาจะรอการ access เข้าถึงข้อมูลทางการเงินโดยละเอียดให้เรียบร้อย ก่อนที่จะทำดำเนินการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการต่อมาอีกครั้ง [@SkyKaveh : tier 4]

รายงานส่วนใหญ่จะเป็นแนวโน้มขอทางฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะแคนดิเดทหลักสองคนที่มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง เห็นได้ชัดว่าฝั่งกาต้าร์เองก็มั่นใจ และ "ยืนยัน" บ่อยมากว่ามันจะไม่มีปัญหาแน่นอน

ส่วนฝั่งเซอร์จิมก็ดูได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มสังคมท้องถิ่นเยอะ ตามความได้เปรียบของเรื่องเชื้อชาติและการอนุรักษ์นิยม

หลายๆคนที่อยากจะทราบว่าขั้นตอนในขณะนี้อยู่ถึงไหนแล้ว หลังจากที่มีการยื่นเจตจำนงเข้ามาแล้วนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหลายๆแหล่ง คาดว่า Process ของการประมูลครั้งนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ในการประเมินความเป็นไปได้ และอาจจะมีการและตัดตัวแคนดิเดทที่มีศักยภาพในการประมูลน้อยออกไป

กระบวนการในช่วงนี้ซึ่งต้องใช้เวลา  และเป็นการดำเนินงานของเรนกรุ๊ป ผ่านการตัดสินใจจากเจ้าของอย่างเกลเซอร์ ตามข่าวแล้ว "คาดหวัง และคาดว่า" ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยภายในช่วงสิ้นเดือนเมษายน แม้จะมีบางสื่อว่าอาจจะเสร็จสิ้นช่วงมิถุนายนนี้ก็ตาม

เพราะทุกอย่างยังไม่นิ่ง นี่คือสิ่งที่นักลงทุนอาจยังไม่เชื่อมั่นเท่าไหร่นัก มูลค่าของหุ้นจึงผันผวนอย่างที่เราเห็น

แน่นอนว่าเราทั้งหมดที่เป็นแฟนบอล จะต้องอดทนรอคอยความเคลื่อนไหวกันต่อไป และเอาจริงๆสิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เราคิด ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่าด้านไหนจะดีกว่ากัน ตัวอย่างของฝั่งทุนกาตาร์ที่มีปัญหาในภาคบริหารก็สังเกตได้จากหลายๆสโมสร โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่างปารีส ซึ่งใช่ว่าเทคเข้ามาแล้วจะดำเนินการอย่างดีเยี่ยมไปทุกอย่าง ด้านแมนซิตี้เองก็ยังมีปัญหาเหมือนกันอย่างที่เห็น

เซอร์จิมที่ดูเหมือนจะมีแรงสนับสนุนจากท้องถิ่น ก็ยังมีปัญหาเรื่องผลงานที่ผ่านมาในภาคการลงทุนกับธุรกิจฟุตบอลเช่นกัน ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าใครดีกว่าใคร แต่เชื่อว่าทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเซอร์จิมหรือท่านชีค อย่างน้อยๆได้ลองเข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสรแมนยูไนเต็ด มันคงจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่ๆที่เงินกำไรต่างๆ ถูกปันไปใช้ล้างหนี้และเงินปันผลมากมาย และไม่ได้ถูกอัดฉีดกลับเข้าสู่ระบบเพื่อพัฒนาสโมสรอย่างจริงใจเลยแม้แต่น้อย

ข่าวต่างๆที่ออกมา และเรื่อง ownership ของแคนดิเดททั้งคู่หลังเทคฯสำเร็จ เราไม่สามารถตอบได้ 100% ว่าอีกฝ่ายจะดีกว่าหรือแย่กว่ากันแน่ๆ

เป็นเรื่องของอนาคต ดวงสโมสร และสวรรค์เท่านั้นที่รู้ แม้จะเขียนมาตั้งนาน มาจบด้วยสายมูหน่อยๆ แต่เราไม่สามารถที่จะรู้อนาคตจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ไม่ใช่เรื่องที่แฟนผีควรจะต้องลำบากใจหรือตีตนไปก่อนไข้ว่า ถ้าคนนั้นมาแล้วจะเป็นแบบนี้ คนนี้มาจะเป็นแบบนั้น เพราะยังไงก็ตาม เจ้าของใหม่ที่จะเข้ามา อย่างน้อยดีกว่าตระกูลเกลเซอร์ชัวร์ เพราะการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเก่าที่ย่ำแย่ อย่างน้อยๆมันก็นำไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเสมอ เพราะมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น หนี้ของเซอร์จิมที่อาจมีการกู้ยืมมานั้น ได้รับการยืนยันว่าจะไม่เข้ามาอยู่ในระบบของสโมสร หรือกลุ่มท่านชีคที่แม้เจ้าตัวเองอาจจะไม่ได้เป็นเจ้าของเงินทุนก้อนใหญ่คนเดียวที่จะนำมาซื้อแมนยู แต่สายป่านของฝ่ายกาต้าร์ดูน่าเชื่อถือ และน่าสบายใจกว่ามาก

ยังไงมันก็ดีกว่าเดิมแน่ๆล่ะ

ตอนนี้ขอแค่อย่างเดียวว่า อย่าได้มีการกลับลำเหมือน FSG (Fenway Sports Group) แบบฝั่งลิเวอร์พูลก็พอ ให้การดำเนินการขายสโมสร หรือความเป็นเจ้าของใหญ่ ให้มีการเปลี่ยนมือให้ได้ แล้วหลังจากนั้นจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน

แค่อย่าให้ดีลล้ม ทุกอย่างจะดำเนินไปได้ไร้ปัญหา เรื่องในอนาคตของภาคการบริหาร ไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลจะต้องเป็นกังวลมาก บางฝ่ายเองก็ถึงกับให้ความสำคัญกับแฟนบอลว่าจะกลับมาเป็นหัวใจสำคัญของที่นี่อีกครั้งด้วยซ้ำอย่างที่ฝ่ายท่านชีคว่าไว้

เจ้าของที่รักแมนยูไนเต็ดทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าเซอร์จิม หรือท่านชีคยาสซิม มันดีกว่ากลุ่มตระกูลเกลเซอร์ที่ไม่ได้แคร์อะไรพวกเราเลยสักนิด

อดทนรอกันต่อไป อีกไม่นานน่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ และที่สำคัญ..

แค่ให้พวกเกลเซอร์รีบๆออกไปก่อนก็พอ แฟนบอลขอแค่นี้จริงๆ

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด