:::     :::

แมนยู-บาร์ซ่า 2008 "สุดยอดเกมรับในตำนาน"

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,468
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วลีที่ว่า "เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์" ยังเป็นวลีที่จริงอยู่เสมอ ถ้าหากทีมหนึ่งทีมจะประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ได้ ทีมนั้นจะบุกเก่งอย่างเดียวไม่พอ เกมรับคุณจะต้องแน่นด้วย และตำนานการเจอกันระหว่างแมนยู-บาร์ซ่า ในปี2008 คือบทพิสูจน์วลีนี้ได้ชัดเจนที่สุดแล้ว

เนื่องในโอกาสเกมที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านเจอกับบาร์เซโลน่า ในเกมยุโรปถ้วยยูโรปาลีก ซึ่งเตะกันสองเลกไปกลับนั้น เรื่องราวในเกมดังกล่าวถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้งผ่านบทสัมภาษณ์ของสองผู้เล่นในอดีตของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่เคยเผชิญหน้ากับบาร์ซ่ามาในบิ๊กแมตช์ปี 2008 คือพอล สโคลส์ กับ โอเว่น ฮากรีฟส์ ได้ลงสนามในเกมที่แมนยูไนเต็ดชนะบาร์ซ่า 1-0 ในเกมเลกที่สอง ปี2008 ที่เราคว้าดับเบิ้ลแชมป์ถ้วยใหญ่ได้สำเร็จ


โดยลูกยิงเฉือนติดไซด์ก้อยที่พุ่งเป็นจรวดของสโคลส์ คือประตูชัยที่ทำให้เราได้ไปเข้าชิงที่มอสโคว์ในปีนั้น และชนะเชลซีไปในการดวลจุดโทษท่ามกลางสายฝนรัสเซียในคืนนั้น

เป็นอีกหนึ่งคนที่เราได้เจอในเกมนั้น คือ "ชาบี้" ซึ่งปัจจุบันอายุ 48 และก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขาอยู่ในตอนนี้ สองมิดฟิลด์ของเราก็เล่าและยกย่องถึงชายคนนี้ว่า

"แผงมิดฟิลด์ชุดนั้น ชาบี้ อิเนียสต้า จะต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์ และอย่าลืมบุสเก็ตส์ด้วยเช่นกัน" สโคลส์ย้อนความไปถึงคู่ต่อสู้โดยตรงในแดนกลางของเขา


"พวกเขาไม่ได้เล่นแย่เลย ดีไม่ดีนั่นอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยก็ได้ พวกเขามีทีมที่ดีจริงๆ เวลาพูดเช่นนี้คุณก็จะนึกถึงทีมอย่างเรอัล มาดริด หรือเอซี มิลาน แต่บาร์ซ่าเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป และน่าตื่นเต้นมาก และพวกชาบี้ อิเนียสต้า บุสเก็ตส์ คือสุดยอดนักฟุตบอลที่แท้จริง"

"คุณแทบจะตามพวกเขาไม่ทันเลย ต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเวลาไม่งั้นหลุดแน่นอน ซึ่งถ้าพลาด พวกเขาจะเข้าไปทำประตูได้ หรือหลุดประกบไปเลย ยังไม่พอยังมีเมสซี่อีก พวกเขาเป็นทีมฟุตบอลที่สุดยอดมาก พวกเขาคือที่สุดของที่สุด คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก แชมป์ลาลีกา ทีมชาติก็ได้แชมป์ยูโรและแชมป์ฟุตบอลโลกด้วย"


ฮากรีฟส์ มิดฟิลด์ที่ได้ลงเล่นให้ยูไนเต็ดทั้งหมด 39 นัด หนึ่งในนั้นคือการเจอกับบาร์ซ่าในรอบรองฯปีนั้นด้วยเช่นกัน และสามารถหยุดเกมรุกของเมสซี่ เอโต้ และเดโก้ ให้เงียบไปเลยในตอนที่เจอกัน ซึ่งคืนนั้น ฮากรีฟส์ลงเล่นแบ็คขวาให้กับเซอร์อเล็กซ์ในเกมทั้งสองเลก ฮาร์โก้ย้อนความทรงจำในเกมนั้นให้ฟังถึงการที่อดีตบอสเก่าระดับตำนานของที่นี่อย่าง SAF มักจะเรียกใช้เขาอยู่เสมอในการเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปหลายๆทีม

"ผมได้ลงแบ็คขวาบ่อยมากในแมตช์ใหญ่ๆ มันขึ้นอยู่กับทรัพยากรทีมในตอนนั้น, และตัวเล่นของคู่แข่ง

"ก็คงเป็นเพราะผมมีความเร็วอยู่บ้าง ผู้จัดการทีมเลยใช้ผมลงเล่นตรงนั้น แล้วสโคลส์ซี่ กับ คาร์ริคจะเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางอยู่แล้ว ผมเลยลงตรงนั้นไม่ได้ ซึ่งในทีมชุดนั้นเรามีตัวรุกแนวหน้าที่ดีจากการมี โด้ เตฟ รูน อยู่ ผมก็เลยลงแบ็คขวาทั้งเกมรอบรองทั้งสองแมตช์"


"พูดกันด้วยความสัตย์จริงเลยว่า มันเป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นเกมรับที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมาทั้งสองเลกเลย เพราะพวกเขายิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว ผมรู้ว่าทีมเรากดดัน แต่การเล่นในภาคไม่มีบอล สโคลส์ซี่น่าจะจำได้ว่าเราซ้อมเกมรับกันในเซสชั่นของคาร์ลอส เคย์รอซ"

"พวกเราไม่ด้อยไปกว่าบาร์เซโลน่าเลย พวกเขาไม่สามารถเล่นเร็วได้ด้วยนักเตะเหล่านั้น พวกเขาเล่นสามเหลี่ยมโจมตีทางมุมสนาม เราจึงต้องรักษาทรงการยืนไว้ให้ดีที่สุด และอย่าพรวดเข้าไปเด็ดขาด ต้องปักหลักให้แน่นเอาไว้ ผมคิดว่าเพื่อนๆเราคงจะไม่ได้แฮปปี้กับวิธีการนี้หรอก มันอาจจะน่าเบื่อ แต่มันก็ช่วยพาเราเข้าสู่รอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้ มันเป็นอะไรที่สวยงามมาก"

ด้วยสกอร์รวม 1-0 คือคำตอบที่ชัดเจนว่า เกมรับของยูไนเต็ดยุคนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด โดยมีเนมันย่า วิดิช กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นหลักสำคัญที่ทำให้แผงหลังแข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายปี และดีไม่ดีอาจจะเป็นแผงหลังที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเลยด้วยซ้ำ เพราะเกมรับดีมากจริงๆ แถมยังมีแบ็คที่ซัพพอร์ตเซ็นเตอร์ได้ดีอย่าง พาทริซ เอฟร่า รวมถึง แกรี่ เนวิลล์ และ เวส บราวน์ในร่างสุดยอดของแบ็คขวาแชมป์ยุโรป

หลังบ้านยังมีโกลระดับWorld Class อีกหนึ่งคนอย่างเอ็ดวิน ฟานเดอซาร์อีกด้วย ทำให้เกมรับยูไนเต็ดแทบจะเจาะไม่ได้เลยจริงๆ ซึ่งหนึ่งในนั้น "โอเว่น ฮากรีฟส์" คือผู้เล่นกองกลางคนสำคัญที่หลายคนอาจลืมไปว่า เขาก็เป็นส่วนหนึ่งในแนวรับแมนยูปีนั้นด้วย เพราะฮากรีฟส์คอยเป็นตัวสกรีนงาน ตัดเกม แย่งบอลคืนมากลางสนามให้ทีมตลอดเวลา

เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ขยันและเข้าบอลได้สะอาดมาก ชิงบอลมาได้โดยที่แทบจะไม่เสียฟาล์วเลย นี่จึงเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญนอกจากคู่หูริโอ-วิดิช, โกลในตำนานอย่างน้าซาร์ และแนว Defensive Line หลังบ้านเราที่แข็งแล้ว การมีกลางรับเก่งๆอย่างฮากรีฟส์ รวมถึงเฟล็ทเชอร์ช่วงนั้น ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แมนยูเกมรับดีด้วย

เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์ คำนี้น่าจะสอดคล้องกับสิ่งที่ฮากรีฟส์พูดได้อย่างดีว่า เพราะสิ่งนี้มันทำให้เราผ่านยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่ายุคครองโลกชุดนั้น และเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศจนคว้าแชมป์มาได้สำเร็จในที่สุด

การเจอบาร์ซ่าตอนนั้นมันคือสุดยอดเกมรับในตำนานอย่างแท้จริง

-ศาลาผี-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/owen-hargreaves-and-paul-scholes-recall-2008-champions-league-memories-v-barcelona

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด