:::     :::

Reality Check ก็แค่กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

วันจันทร์ที่ 06 มีนาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,451
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เบื้องหลังความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นขึ้นอย่างเกินคำว่าหมดสภาพของแมนยูไนเต็ด ที่บุกมาแพ้ลิเวอร์พูล 7-0 นั้น เอริค เทน ฮาก มีมุมมองต่อทีมยังไงบ้าง และแมนยูไนเต็ดจะกลับมาได้ยังไง ชุดความคิดไหนที่ต้องปรับแก้โดยเร็ว นี่คือคำตอบเบื้องต้นต่อ "ฝันร้าย" ในครั้งนี้

"ผมไม่มีคำอธิบายใดๆนะ ในครึ่งแรกเราคุมสถานการณ์ได้ดีมาก แต่เริ่มต้นครึ่งหลังเราเสียประตูทีเดียวสองลูก มันไม่มีความเป็นทีมเหลืออยู่แล้ว เราไม่ได้ทำตามแผน 11ตัวต่างคนต่างเล่น"

"ผมไม่รู้เหมือนกัน มันแย่มาก ผมบอกมุมมองของตัวเองกับนักเตะเอาไว้ มันไม่เป็นมืออาชีพ คุณจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันเป็นทีมเสมอ แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น มันขาดระเบียบวินัยไป คุณท้อถอยได้แต่คุณต้องร่วมใจกันและทำหน้าที่ของคุณไป"

"พวกเราตัดสินใจกันผิดพลาด สำหรับผมมันไม่เป็นมืออาชีพ ผมก็ไม่พอใจและโกรธเหมือนกัน เราทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง ซึ่งในฐานะทีมแล้วเราไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น คุณต้องร่วมมือกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน สู้เพื่อกันและกัน เราต้องป้องกันให้ได้ แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น สำหรับผมนั่นคือความไม่เป็นมืออาชีพเลย"

"เราก้าวหน้าขึ้นมามาก แต่ถ้าไม่รักษามาตรฐานเอาไว้ให้ได้ คุณก็จะเห็นทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมพูดในห้องแต่งตัวไว้ว่าสิ่งนี้มันยอมรับไม่ได้จริงๆ แต่อีกทางหนึ่ง ยังไงก็ตามมันแค่หนึ่งเกมเท่านั้น เราจะต้องกลับมาให้ได้"

"สำหรับแฟนบอลทีมเยือนมันหนักหนามาก และเราต้องขอบคุณพวกเขาจริงๆ ถ้าพวกเขาจะกลับบ้านก่อนผมก็คงโทษเขาไม่ได้ เพราะทีมเล่นแย่มากจริงๆ ผมก็รู้สึกละอายใจต่อแฟนบอลมากวันนี้"


บทสัมภาษณ์ชุดนี้เทน ฮาก พูดเอาไว้กับทาง Sky Sports หลังเกมที่บุกไปแพ้ลิเวอร์พูล 7-0 สรุปแบบง่ายๆคือ ในมุมมองของบอส ช่วงครึ่งหลังที่เราโดนยิงยับๆ มันมาจากการที่ทีมเรา "ไม่ช่วยเหลือกัน" นั่นเอง ขาดระเบียบวินัย และความเป็นทีมเวิร์คที่เทน ฮาก เน้นย้ำเรื่องนี้มาตลอด

สาเหตุเป็นเพราะการที่โดนยิงเร็ว โดนยิงซ้ำแล้วรวน นักเตะเริ่มหลุดโฟกัส และเล่นตามหน้าที่ของตัวเองไป แต่เหมือนจะขาดความเป็นปีกแผ่นไปแล้ว เราพอจะนึกภาพตามที่เทน ฮากบอกได้ดี เพราะเขายังให้สัมภาษณ์ต่อในเรื่องที่ว่า ตัวเขาเองก็ประหลาดใจที่ Winning Attitude มันหายไป จากทีมที่เคยมีมาตลอด ครึ่งหลังไม่มีเลย เราไม่ทำงานของเรา เราไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้

นี่คือความปราชัยที่หนักหน่วงจริงๆ แต่ในอดีตเราก็เคยกลับมาได้ หลังจากที่แพ้เบรนท์ฟอร์ด แพ้แมนซิตี้ เกมนี้อาจจะต้องใช้พลังใจที่เข้มแข็งจริงๆเพื่อจะรับมือกับสภาพในวันนี้

และนี่คือสิ่งที่เอริคบอกว่า มันเป็น "Reality check" มันคือการที่ทีมต้องรับมือกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ว่าเราผิดพลาด ยังไม่ดีพอตรงไหนบ้างในช่องโหว่ของทีมปัจจุบัน

ต้องเข้มแข็งเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้

ความเข้มแข็งในเวลานี้ที่จำเป็นที่สุดคืออะไรบ้าง?

1. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าทำผิดพลาดกันจริงๆไม่ว่าใครทั้งสิ้น นักเตะ โค้ช

2. มูฟออนให้เร็วที่สุด เพราะเกมนัดต่อไปมันไม่รอคุณ คู่แข่งนัดหน้าเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคุณจะเจออะไรมา รู้แต่ว่าเขาจะหาทางเอาชนะคุณให้ได้

3. รีบแก้ไขจุดบกพร่อง เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ถ้าไม่อยากผิดพลาดแบบนี้ซ้ำสอง

จะเห็นได้ว่า ความเข้มแข็งที่ว่านี้มันคือการที่เราต้องยอมรับและแก้ไขมันกลับมาให้ได้โดยเร็ว คำตอบของความเข้มแข็งนี้อยู่ที่เกมนัดหน้าซึ่งจะต้องเจอกับเรอัล เบติส ทันทีในวันพฤหัสบดีนี้เวลาตีสาม เราจะต้องกลับไปเตะยูโรปาลีกรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว

ไม่มีเวลาให้เสียใจหรือรู้สึกผิดกับเกมวันนี้เลย

ประเด็นความผิดพลาดในวันนี้ที่เกิดขึ้น ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจาก "สภาพจิตใจที่ย่ำแย่" ของนักเตะในสนาม ที่พอหลังจากโดนประตูเร็วในครึ่งหลังอีก 2 เม็ด จนสกอร์ขาดเป็น 3-0 หลังจากนั้นก็เป็นสิ่งที่เอริค เทน ฮาก พูดมา คือนักเตะเริ่มกระจัดกระจาย และไม่มีความเป็นทีมอีกต่อไปแล้ว ต่างคนต่างเล่นแค่รับผิดชอบตัวเองเท่านั้น

ความเป็นยูนิตี้ ความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวกันหายไปจากทีมจนหมดสิ้น อย่างที่เทน ฮากบอกเป๊ะว่าไม่มีใครช่วยกันเล่นอีกแล้ว รวมถึงสภาพจิตใจที่ขาด Winning Mentality ไปโดยสิ้นเชิงหลังโดน 3-0 แรงฮึดไม่สามารถสัมผัสได้จากเกมเมื่อวานนี้

และพอจิตใจมันยุบลงไป ส่งผลให้ "การเล่น" ในสนามก็ขาดประสิทธิภาพด้วย ครึ่งหลังแมนยูไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสยิงได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมโดนกระซวกไปครึ่งโหลเต็มๆ ด้วยบรรยากาศและโมเมนตัมในบ้าน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอนฟิลด์ส่งผลอย่างมากในผลการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่ง 8 เกมหลังสุดในเกมเหย้าที่แอนฟิลด์ แมนยูไนเต็ดชนะพวกเขาไม่ได้มา 7 ปีแล้ว และรวมสกอร์ทั้งหมด ลิเวอร์พูลยิงไป 18 ลูก ขณะที่แมนยูไนเต็ดยิงได้เพียงแค่ 1 ลูกเท่านั้นใน 8 เกมหลังสุดที่แอนฟิลด์

-เกมรุกก็ทำกันไม่สำเร็จ เสียบอลกลางทางแล้วสุดท้ายก็เปิดพื้นที่ด้านหลังกว้าง และโดนสวนกลับเป็นประตูแทบทุกลูกที่เขาขึ้นเกมมา ทีมเวิร์คเกมรุกไม่มีอีกต่อไป เสียบอลง่ายและเซ็ตเกมเข้าใส่ลิเวอร์พูลไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

-เกมรับ ความแข็งแกร่งแต่เดิมหายไปหมดเกลี้ยง การเข้าปะทะ อ่านจังหวะตัด ความแข็งแกร่งเดิมหายไปโดยสิ้นเชิง เหมือนเมื่อรู้ว่าต้องแพ้ ใจก็เลยไม่สู้แล้ว พูดภาษาชาวบ้านมันคือการ "ถอดใจ" นั่นเอง ส่งผลให้ความแข็งแกร่งในเกมรับที่เหนียวแน่นและป้องกันได้ทุกรูปแบบก่อนหน้านี้ ไม่เหลืออีกเลยยามที่เจออีกฝ่ายบุกเอาๆ แล้วบอลก็ดันมีโชคมีดวง ไปเข้าทางฝั่งนั้นซะทุกจังหวะ

ทุกอย่างเป็นเหตุผลเพราะโมเมนตัมเกม และ Winning Mentality ที่สูญเสียไปหมดในครึ่งหลังจนนักเตะหลายๆคนยอมแพ้ และถอดใจในเกมนี้แล้ว จนโดนประตูที่ 4-5-6-7 ไล่ยิงแบบไม่เหลืออะไรจะต้านทานอยู่ได้เลย

ความพ่ายแพ้ในวันนี้อาจจะเป็น "ยาแรง" ไปสักหน่อยที่ทำการฉุดให้แมนยูไนเต็ดชุดที่คว้าแชมป์คาราบาวคัพได้สำเร็จ ได้เตือนสติกลับมาสู่โลกความเป็นจริงว่า ทีมเรายังต้องพัฒนาอีกเยอะมาก การเป็นแชมป์ไม่ได้แปลว่าทีมดีพอแล้ว

ผู้เขียนมองว่าทีมชุดนี้จริงๆยังได้แค่ 50% ของสิ่งที่เป็น Ideal ที่เทน ฮากต้องการการเล่นบนปรัชญาในอุดมคติของเขาซะด้วยซ้ำ เกมของแมนยูยังต้องปรับปรุงและเสริมแกร่งอีกเยอะมาก

แฟนบอลเองก็จะได้ไม่เหลิงหลังจากได้แชมป์ เพื่อรับรู้สภาพจริงของทีมบนโลกแห่งความเป็นจริงที่ทุกทีมต่างก็ห้ำหั่นแก่งแย่งความสำเร็จแข่งกับเราทั้งนั้น แค่ดีแล้วยังดีไม่พอ คือประโยคที่เป็นจริงเสมอของเทน ฮาก

อีกด้านหนึ่งของวันนี้ แม้มันอาจจะดูล้มเหลวเละเทะ และพ่ายแพ้ยับที่สุดนับตั้งแต่รู้จักแมนยูมา30ปี แม้มันจะสาหัสมากก็ตาม แต่อีกนัยหนึ่งมันก็ทำให้เรารู้ว่า นักเตะแมนยูไนเต็ดก็เป็น "คน" เหมือนกัน

มีวันที่เล่นแย่ มีวันที่สภาพจิตใจไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่เป็นมา และทำทุกอย่างผิดพลาดอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่คนๆหนึ่งจะผิดพลาดในชีวิตได้

เหมือนกันทุกคนบนโลกนี้

การที่นักเตะบางคนจะคอตก นักเตะบางคนอาจจะถึงกับ "ยอมแพ้" และออกอาการทางภาษากายให้เห็น มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สำหรับบางคน ในความเป็นจริงคือ เขาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกนัด และคนเราก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นได้เหมือนกันในบางครั้ง ถ้าทุกอย่างมันไม่เป็นใจ

ผู้เขียนมองว่า มนุษย์ผิดพลาดได้กันทุกคน นักฟุตบอลก็เหมือนกัน คนที่เรามองว่าแข็งแกร่ง วันนี้เขาก็อาจจะแสดงอาการยอมแพ้ออกมาได้บ้าง

ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตำหนิหรือด่ากันสาดเสียเทเสียจะเอากันให้ตายไปข้างขนาดนั้น ก็เพราะคนเรามันต้องมีอ่อนแอ มันต้องมีพลาดกันได้ไม่ใช่หรือ?

เป็นส่วนหนึ่งของความเป็น "มนุษย์" ธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีล้มเหลวได้ มีแพ้ได้ มีท้อถอยได้จนทำให้มันหมดสภาพแบบนี้ แต่คนเราก็ไม่ได้แพ้หรือผิดพลาดตลอดเวลาอยู่บ่อยๆ

นักสู้คือคนที่พลาดล้ม และลุกขึ้นมาใหม่ได้รวดเร็ว นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเกมนัดต่อๆไปคือสิ่งที่สำคัญกว่าเกมวันนี้ที่เป็นแค่ฝันร้ายนัดนึงที่เกิดขึ้นแล้ว

ในความมืดมิดที่เกิดขึ้น บางครั้งเราก็ได้เห็นแสงสว่างอะไรเล็กๆน้อยๆที่ยังคงอยู่ในตัวของนักเตะบางคน อย่างราฟาเอล วาราน ที่กล้องจับภาพได้ว่าเขาตะโกนบอกให้เพื่อนไปขอบคุณแฟนบอลทีมเยือน ในขณะที่คนอื่นๆก้มหน้าเดินเข้าอุโมงค์กันหมด นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสปิริตและสภาพจิตใจที่เข้มแข็งของจริง มันบ่งบอกว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีมาก

ความพ่ายแพ้ตรงนี้ไม่สลักสำคัญอะไรอีกต่อไป เพราะมันคือหนึ่งนัดที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือ "นัดหน้า" เราจะแก้ไขยังไง เราจะรีบกลับมาชนะยังไง เราจะกลับมาเรียกโมเมนตัมทีม และความมั่นใจยังไงไม่ให้มัน suffer เสียหายหนักไปมากกว่านี้ แพ้นัดนี้ก็อย่าให้กระเทือนนัดหน้า เรายังมีเกมยูโรปาลีกที่ลุ้นแชมป์ได้แบบเต็มๆอีกถ้วย เอฟเอคัพที่เหลือการชนะอีกเพียงแค่สามนัด ถ้าทำได้ก็คว้าแชมป์ได้

และโอกาสแก้ตัวในพรีเมียร์ลีกอีกสิบกว่านัดที่รอให้เราโชว์ผลงานเพื่อแฟนบอลกันอีกครั้ง

เกมที่เหลืออยู่ สำคัญกว่าเกมที่พลาดแพ้ไปแล้ววันนี้ เราแก้ไขเกมนัดนี้ไม่ได้ แต่เราทำให้เกมนัดหน้ามันดีได้ นี่คือความเป็นจริงอีกเช่นกัน ดังนั้นแฟนบอลอย่างเรา จะเสียใจกับมันก็ได้

แต่อย่าจมกับมันนาน

สักวันมันจะเป็นแค่หนึ่งเกมที่เคยเกิดขึ้นครับ ไม่ใช่ความล้มเหลว ขอแค่ไม่ล้มเลิกไปก่อน นี่จะเป็นแค่การล้มหนักๆเจ็บๆอีกหนึ่งครั้ง ที่แค่เรา ลุกยืนขึ้นมาให้ได้ ทุกอย่างก็จบ

ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เราจะมัวเสียใจที่จะอยู่กับอดีต

กลับมาสู่ "โลกความเป็นจริง" ที่เรายังต้องลงแข่งอีกหลายเกมในปีนี้ดีกว่า นี่คือความจริงแท้ที่สุดแล้ว

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด