:::     :::

10 จุดบกพร่องที่ต้องแก้ไข เกมพ่ายนิวคาสเซิล

วันจันทร์ที่ 03 เมษายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
4,096
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ข้อด้อยมีเยอะจนพูดไม่หมด" น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ดีที่สุดในการวิจารณ์การเล่นของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เกมที่แพ้นิวคาสเซิล 2-0 นี้ จุดบกพร่องเยอะมาก ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าเราบกพร่องสิ่งใด นั่นก็เป็นข้อดีที่เราจะได้รับรู้ว่า เรื่องไหนที่ต้องแก้บ้าง และนี่คือสิบจุดเบื้องต้นที่ต้องแก้ไขโดยไว มีอะไรบ้าง บอกเลยว่า เพียบบบบบ!!!

ความพ่ายแพ้อาจจะทำให้แฟนบอลหัวเสีย และเซ็งในอารมณ์ก็จริง แต่ข้อดีของการลงแข่งแล้ว "แพ้" มันทำให้เราได้รู้ว่า สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของทีมซึ่งเป็นสาเหตุให้ทีมแพ้ มีอะไรบ้าง และหลายๆอย่างมัน "มีประโยชน์" ในการจะพัฒนาแก้ไขเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิมขึ้นมาได้

และนี่คือการเจาะปัญหาของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดออกมา "สิบข้อ" ว่าเกมนัดนี้มีจุดใดที่ต้องปรับปรุงให้เราต้องทำได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องแดนกลางอย่างเดียว ทั้งทีมเป๋หมด และก็เป็นปัญหาของ Team Performance อย่างที่เทน ฮาก บอกจริงๆ

จุดบกพร่องดังกล่าวมีอะไรบ้าง นี่คือสิบข้อที่สังเกตได้ในเบื้องต้นจากเกมแมตช์นี้ (ข้อไหนเป็นปัญหาหนัก จะมี * กำกับไว้)

1. เจอเพรสซิ่งสูงใส่แนวหลังแล้วตั้งเกมไม่ติด*

ปัญหาคลาสสิคของแมนยูไนเต็ดชุดนี้ คือเมื่อใดก็ตามที่เจอคู่แข่งดันเกมขึ้นมา "เพรสซิ่งสูง" ใส่การครองบอลของทีมเราที่พยายามจะเซ็ตบอลจากแดน

แผนนี้มักจะได้ผล และทำให้แมนยูมีปัญหาทุกครั้ง

สิ่งที่แฟนผีเห็นกันจนชินคือ เวลาโดนเพรสสูง การเล่นของทีมจะรวน และตั้งเกมบุกใส่อีกฝ่ายไม่ได้เลยเวลาที่เจอบีบใส่ ยิ่งเวลาที่ขาดตัวหลักๆอย่างคาเซมิโร่ หรือ เอริคเซ่น ทีมมักจะแก้เพรสกันไม่ได้ จึงครองบอลบุกและbuild-upขึ้นหน้ากันไม่สำเร็จ ส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้แนวรุกไม่มีโอกาสเริ่มต้นโจมตีคู่แข่ง เพราะหลังบ้านเจอเล่นงาน บอลจึงไม่สามารถตั้งขึ้นหน้าได้

ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ต่อให้ซื้อกองหน้ามหาประลัยราคา 120 ล้านแบบโอซิมเฮนมา ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ในเรื่องความสำคัญของการเสริมทีม ภายใน First Priority ของตลาดซัมเมอร์นี้ ยังมี "First ของ First Priority" ซ้อนอยู่อีกชั้น นั่นคือปัญหาในข้อต่อไป

ใช่แล้ว การมีมิดฟิลด์แดนกลางที่แข็งแกร่งนั่นเอง เป็นปัญหาและจุดตายของแมนยูชุดนี้มากๆที่ต้องแก้ให้เร็วที่สุด

2. ยังแก้ปัญหาแดนกลางเวลาทีมขาดคาเซมิโร่ไม่ได้ *

พูดภาษาชาวบ้านข้อนี้คือปัญหามิดฟิลด์ของทีมนั่นเอง ซึ่งเมื่อไม่มีคาเซมิโร่ จนถึงตอนนี้เทน ฮาก ยังหา Combinationของคู่มิดฟิลด์ที่ลงตัวไม่ได้สักทีเวลาคาเซมิโร่ไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการลองจับคู่ไหนๆ จะ เฟร็ด-ซาบิทเซอร์ / เฟร็ด-แม็ค / แม็ค-ซาบิทเซอร์เหมือนในเกมนี้ คู่ไหนก็ยังไม่ใช่คำตอบสักที

อย่างที่เรารู้กัน พอคาเซมิโร่ไม่อยู่ เกมตรงกลางขาดความแข็งแกร่งอย่างมากในทุกมิติ ทั้งในด้านการป้องกันเราก็ป้องกันได้ไม่ดี งานและ "ภาระ" จะตกอยู่ที่เซ็นเตอร์และกองหลังของเราเยอะมาก เพราะมิดฟิลด์สกรีนงานไม่ได้

วันนี้พอไม่มีทั้งคาเซมิโร่ ไม่มีเฟร็ดอีกตัว กลางสนามของนิวคาสเซิลทำเกมกันสะดวกสบาย บริหารแจ่มใสในแดนกลางกันอย่างสะดวกสบายมากๆ

เมื่อทีมขาดคาเซมิโร่ มันทำให้ทีมไม่มีมิดฟิลด์ตัวต่ำที่จะทำหน้าที่รักษาการครอบครองบอลให้อยู่กับทีม ขาดตัวคุมจังหวะและรักษาสถานการณ์ในสนาม พูดง่ายๆว่า"ไม่มีตัวคุมเกม"นั่นเอง เวลาที่ขาดคาเซมิโร่

และนักเตะที่เหลืออยู่ ล้วนแล้วแต่เป็นมิดฟิลด์เบอร์ 8 แท้ๆทุกตัวที่แทบจะไม่มีใครเล่นเบอร์ 6 ได้เลย

ซาบิทเซอร์เป็น 8 ตัวออกบอล เติมเกมรุก, เฟร็ดเป็น 8 ตัวเชื่อมเกม ซัพพอร์ตเพื่อน, แม็คโทมิเนย์เป็น 8 Box-to-Box และเป็นคนเดียวที่พอจะเล่น 6 แบบ Anchor man แต่ปัญหาคือน้องก็ยังทำได้ไม่ดีพอในการเล่นหน้าที่นี้อีก สุดท้ายแล้วทีมก็ไม่สามารถรับมือกับการเจอเพรสซิ่งสูงได้

ในช่วงครึ่งหลังเกมกับนิวคาสเซิลนัดนี้ เทนฮากปรับเอาแม็คโทมิเนย์ลงมายืนต่ำแทน และลองให้ซาบิทเซอร์ดันสูง สลับกันจากครึ่งแรก แต่ก็ยังไม่ดีพอจะทำให้ทีมสามารถคุมสถานการณ์ได้อยู่ดี แปลว่าการยืนต่ำของแม็คโทมิเนย์ ก็"ไม่ดีพอ"สำหรับทีมจริงๆ

ปีหน้าคงต้องเสริมทั้ง เบอร์6กึ่ง8 ที่เป็นตัวคุมเกม(Orchestrator) รวมถึงเบอร์6 ที่สามารถเล่นทดแทนการหายไปของคาเซมิโร่ได้อีกสักคน พูดง่ายๆว่าแผงมิดฟิลด์ควรเสริมอย่างน้อยสองตัวจริงๆ ทีมถึงจะรอดได้

3. วางบอลยาวขึ้นหน้าแล้วแดนหน้าเก็บบอลไม่ได้

ต่อเนื่องอีกข้อมาจากปัญหาเวลาเจอคู่แข่งเพรสซิ่งสูงใส่แนวหลังที่กำลังเซ็ตเกม เมื่อเอาตัวรอดและแกะเพรสกันไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่พอจะแก้ไขเวลาเจอเพรสสูงก็คือ "ออกบอลยาว" เล่นบอล direct ไปให้แดนหน้าเลยเพื่อโจมตีคู่แข่ง

แต่บอลยาวแมนยู วางขึ้นไปมักจะเก็บบอลกันไม่ค่อยได้ เนื่องจากเกมนี้นิวคาสเซิลมาดันเกมสูงใส่ การออกบอลยาวถือเป็นความปลอดภัยอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้หนีเพรสได้ แต่การวางยาวก็ยังไม่ดีพอ เพราะแดนหน้าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเว็กฮอร์สต์ หรือปีกสองข้าง ก็ยังเก็บบอลกันไม่ได้มากนัก

บอลที่เปิดยาวขึ้นมา จึงไปไม่ค่อยถึงกองหน้า และสุดท้ายก็เหมือนเตะบอลอัดกำแพง เจอนิวคาสเซิลบุกมาอีก เพราะฉะนั้นแมนยูไนเต็ดชุดนี้จะต้องหาวิธีการเล่นบอลยาวให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ เพื่อใช้แก้ปัญหาเวลาเจอเพรสสูง

ถ้าวางบอลยาวขึ้นหน้าสำเร็จ ทีมจะสามารถลัดพื้นที่แดนกลางขึ้นไปโจมตีได้เลยโดยตรง ตามเนเจอร์ของบอลไดเร็คต์นั่นเอง

4. รับมือลูกโด่ง ลูกกลางอากาศของคู่แข่งได้ไม่ดี *

ข้อนี้คือความอ่อนด้อยของทีมที่มักจะเสียเปรียบคู่แข่งอื่นๆในพรีเมียร์ลีกบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สองทีมที่เล่นลูกโด่งดีๆ และขยันบอมป์เข้ามาในกรอบเขตโทษมากๆ

นิวคาสเซิลแล้วหนึ่ง และอีกทีมที่เล่นบอลโด่งเก่งๆคือฟูแล่ม เป็นตัวอย่างที่ดีเวลาเราเจอลูกกลางอากาศ มักเป๋และรวนอยู่เสมอ

วันนี้นิวคาสเซิลเล่นเกมรุกด้วยการเปิดบอลโด่งโจมตีหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะจากเซ็ตพีซ และลูกเตะมุม กดดันแมนยูได้ทุกดอกจริงๆ

เชื่อว่าแฟนผีเสียวทุกครั้งเวลาเจอเปิดบอลเข้าใส่ ไม่ว่าจะทีมไหนๆ เพราะรู้ดีว่าทีมมักจะเป๋และเสียประตูบ่อยครั้งเวลาเจอลูกโด่งกดดันแบบนี้ ด้วยสรีระที่หลายๆคนในทีมตัวเล็ก และไม่ได้เปรียบในลูกกลางอากาศ ทั้งส่วนสูง ทั้งจุดโหม่ง(Jumping Reach) ก็เสียเปรียบ

สาเหตุที่เทน ฮาก ไม่เลือกเฟร็ดวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะ physical ของเฟร็ดเสียเปรียบนิวคาสเซิลด้วยนี่แหละ ที่พวกเขามีแต่ตัวบึกๆ หนาๆ สูงๆทั้งนั้น เลยเลือกเป็นเฟร็ด กับ แม็คโทมิเนย์ลงมาบดกับกลางนิวคาสเซิลก่อน

แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไม่ต่างกัน

คงเป็นจุดอ่อนอีกหนึ่งเรื่องที่ "เห็นชัด" มากๆของแมนยูไนเต็ด และควรต้องรีบแก้ให้หนัก เพราะยังไงก็ตาม แมนยูไนเต็ดก็เป็นทีมที่เล่นอยู่ในเกาะอังกฤษ ซึ่งเป็นฟุตบอลที่เล่นกันหนักหน่วงรุนแรง และใช้พละกำลังค่อนข้างมากในการรับมือบอลเร็วบอลโด่ง ถ้าไม่แก้เราก็จะเสียเปรียบทีมอื่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ต้องแก้ลูกกลางอากาศให้ได้

5. การเล่นด้วยเท้า และลูกกลางอากาศของผู้รักษาประตู

ประเด็นนี้อาจจะเจาะจงตัวผู้เล่นสักหน่อย เพราะมันหนีความจริงไม่ได้ว่า ดาวิด เดเคอา ยังเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของเราอยู่ ซึ่งการออกบอลของน้องเดก็ยังมีจุดบกพร่องให้ได้เห็น มีแผลของการออกบอลที่ผิดพลาด และเสี่ยงจะเสียบอลในแดนบนซึ่งมีสิทธิ์จะทำให้โดนสำเร็จโทษได้ง่ายๆ

ยิ่งทีมพยายามจะเซ็ตบอลออกจากแผงหลัง (play out of defense) มากเท่าไหร่ การเล่นของผู้รักษาประตูที่ต้องมีส่วนร่วมในการครองบอลก็ยิ่งสำคัญเท่านั้น ข้อนี้ถ้าแก้ได้ก็คงดี แต่อาจจะเป็นในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งGKของทีม

นอกจากการเล่นด้วยเท้า ต่อเนื่องจากข้อ4 บางครั้งเดเคอาก็อาจจะต้องช่วยทีมในการออกไปชกหรือปัดป้องลูกกลางอากาศมากกว่านี้ เพราะคู่แข่งรู้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนเรา ถึงได้โดนเล่นงานด้วยเซ็ตพีซบ่อยๆ

สำหรับดาวิด เดเคอาแล้วนั้น เรารู้ว่ามันยาก และเขาคงแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว คงต้องรอผู้รักษาประตูgenใหม่เลย เพราะเดเคอาถนัดในการเป็น Shot Stopper เซฟลูกปฏิกิริยายากๆได้บ่อยๆอยู่แล้ว แต่ลูกโด่ง ยังคงต้องปรับปรุงอีกเยอะ ซึ่งด้วยอายุแล้วคงยากที่จะเปลี่ยนสไตล์ความเล่นหรือความถนัดสำหรับเดเคอา

แต่ก็ยังหวังว่าน้องเดจะหาทางแก้ไขสองอย่างนี้ให้ได้ ไปปรึกษาทีมโค้ชเอาแล้วกัน

6. "การครองบอล"ยังไม่มีคุณภาพพอ *

ข้อนี้เป็นเรื่องของ quality ล้วนๆ ตามความจริงที่ว่า เอริค เทน ฮาก ต้องการฟุตบอลที่มี Possession-based เป็นรากฐานของการเล่นที่ตั้งบนปรัชญาการครองบอลให้เหนือกว่า เป็นฝ่ายเก็บบอลและได้โอกาสบุก

แต่ตอนนี้ทีมยังเล่นได้ไม่ถึง 50% ของที่มันควรจะเป็น

ปีศาจแดงแค่เจอคู่แข่งจี้บอล หรือเจอบีบเข้าเพรสซิ่งนิดเดียว ทีมก็ไปไม่เป็นแล้ว มันทำให้คุณภาพการครองบอลลดลง เพราะการแก้เพรสของทีมไม่ดีพอ การออกบอลผิดพลาด การเสียบอลระหว่างทาง เกิดขึ้นเสมอ เพราะทีมยังเก็บบอลได้ไม่นิ่งมากนัก โดยเฉพาะเวลาคาเซ เอริคเซ่นไม่อยู่ ปัญหานี้จะเกิด "แผลเหวอะหวะ" ออกมาชัดเจนทันที

และปัญหาไม่ได้เกิดจากแม็คโทมิเนย์คนเดียว การครองบอลที่ขาดคุณภาพนี้ยังมีให้เห็น "ทั้งทีม" อยู่ หลายๆคนก็ให้บอลพลาดเช่นกัน

ข้อผิดพลาดมีเป็นกิโล นั่งด่าแต่แม็คโทขอให้ยกมือขึ้น

เทน ฮาก เป็นผู้จัดการทีมที่อยากให้ทีมเล่นเกมครองบอล แต่ ณ ตอนนี้ทีมยังสร้างคุณภาพในเรื่องดังกล่าวไม่ดีเท่าที่ควร มันจึงเป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงจุดแรกๆ เพราะ EtH ต้องการเกมครองบอลเป็นหลัก

การออกบอลให้บอล การยืนตำแหน่ง ความเข้าใจเกม ความแม่นยำ สปีดการเล่น ฯลฯ ทุกอย่างจะต้องยกระดับขึ้นมากกว่านี้ในมิติของการครองบอล

ต้อง "ยกระดับคุณภาพ" ให้ได้เท่านั้น ถ้าปีต่อๆไปแมนยูอยากอยู่ในสถานะผู้ท้าชิงแชมป์จริงๆ

7. "ปริมาณ" ในการเล่นที่ด้อยกว่าคู่แข่ง (Work rate & Intensity)

ข้อมูลจากทางSky ออกมาชัดเจนว่า ทั้งในเรื่องของความขยันในการเล่น แมนยูก็แพ้ และความเข้มข้นดุดันในการเล่นก็แพ้เช่นกัน โดยเฉพาะพลังงานและแรงขับ

สกายเปิดเผยว่า นิวคาสเซิลในเกมนี้ สปรินท์ไปทั้งหมด "136 ครั้ง" ส่วนแมนยูสปรินท์เพียงแค่ 93 ครั้งเท่านั้น

ต่างกันเกิน 40 ครั้ง!

เรื่องของปริมาณที่ต่างกันตรงนี้ ก็ชัดเจนว่านิวคาสเซิลมุ่งมั่นและทุ่มเทมากกว่าแมนยูไนเต็ดเยอะในเรื่องความขยัน หรือแม้กระทั่งความเข้มข้นในการเล่น นักเตะนิวคาสเซิลดูจะตั้งใจมาเพื่อเอาชนะ พวกเขามาเพื่อล้างแค้นและฆ่ายูไนเต็ดให้ตายจริงๆ ผลลัพธ์ก็ออกมาคู่ควรแล้ว

ส่วนความเข้มข้นในการเล่น สะท้อนออกมาผ่านความดุดันในสนามที่นักเตะนิวคาสเซิลเข้าจริง บวกจริง ถึงบอลได้ไวก่อนแมนยูเสมอๆโดยเฉพาะจังหวะสองที่นิวคาสเซิลสามารถเก็บบอลรีคัฟเวอรี่ได้ตลอด

เล่นกันดุดันไม่เกรงใจใคร ขยันได้ใจก็สมแล้วที่ได้รางวัลตอบแทน ส่วนแมนยูที่ปวกเปียกกว่า ก็สมควรได้รับความพ่ายแพ้ "ตามเนื้อผ้า" เช่นกัน

8. การจบสกอร์ไม่คม

โอกาสในการจบสกอร์ของแมนยูไนเต็ดวันนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย จังหวะแรกสุดที่เห็นชัดๆคือการหลุดขึ้นไปยิงของ เวาท์ เว็กฮอร์สต์ ที่ยิงถากข้างหน้าต่างออกไป น่าเสียดายว่าถ้าลูกนี้ขึ้นนำได้ก่อน สถานการณ์ในเกมนี้อาจจะแตกต่างกันไปเลยก็ได้

นอกจากจังหวะของเว็กฮอร์สต์ ก็ยังมีจังหวะที่เติมขึ้นมาทางขวา จากลูกเปิดข้ามฟากของบรูโน่ มาให้ดาโลต์ที่เติมเกมขึ้นมาจากทางขวา แต่จังหวะกลายเป็นลูกกึ่งยิงกึ่งผ่าน ยังสร้างความอันตรายไม่ได้

เช่นเดียวกับช่วงครึ่งหลัง มีโอกาสจากการหาช่องปั่นของอันโทนี่ที่ยังเบาเกินไป และซาบิทเซอร์ที่ยิงติดบล็อค จะเห็นได้ว่าโอกาสจบสกอร์ก็พอจะมีอยู่บ้าง แต่มันไม่เฉียบคมพอในวันนี้

ส่วนหนึ่งที่สังเกตได้คือ "แรชฟอร์ด" ไม่ได้ง้างเท้าเลยวันนี้ ถ้าแรชเป็นคนยิง อาจจะมีความเฉียบคมให้ได้เห็นกันบ้าง แต่พอเป็นคนอื่นในจังหวะสับไก มันก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู หรือกดดันนิค โป๊ป ได้ดีกว่านี้ ปัญหาของจังหวะจบ จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมไม่ดีพอจะยิงประตูใส่นิวคาสเซิลได้

และตอนนี้เป้าสะอาดมาสามเกมติดแล้ว นับตั้งแต่แพ้ลิเวอร์พูล 7-0 / เสมอเซาธ์แธมพ์ตัน 0-0 และเกมนี้ แพ้นิวคาสเซิลอีก 2-0 สภาพทีมของเราต้องหาจุดเปลี่ยนมาด่วนๆ ไม่งั้นจะแย่

ถ้าทำเกม ครองบอลได้ และป้อนบอลไปหาเพชฌฆาตอย่างแรชฟอร์ดสำเร็จ ทีมน่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ถือว่ายังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายมากนัก

9. ตัวรุกของทีมสร้างสรรค์เกมบุกไม่ได้

ไม่ใช่แค่ปัญหาแดนกลาง

ไม่ใช่แค่แนวรับป้องกันลูกโด่งไม่ดี

แต่ "ทีมรุก" ต้องรับผิดชอบด้วยที่ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมบุกให้แมนยูไนเต็ดได้ดีกว่านี้ เนื่องจากบอลไปไม่ถึงก็ด้วยส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่ได้บอลก็ยังทำเกมได้ไม่ดีพอ

นักเตะที่เงียบหายมากๆวันนี้ในแดนบนคือเว็กฮอร์สต์ และแรชฟอร์ด ขณะที่บรูโน่ใช้ "RAM" ของเขาในการลงต่ำช่วยมิดฟิลด์ออกบอลค่อนข้างเยอะ ทำให้เกมรุกก็ตื้อลงไปในครึ่งแรก ครึ่งหลังพอเกมเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ทีมก็โดนนำอีก

แถมตอนท้ายๆ ชัดเจนว่าบรูโน่ "หมด" แบบสังเกตได้

ขณะที่ตัวสำรองอย่างซานโช่ ลงมาก็ทำเกมไม่ได้เหมือนกัน เทียบกันแล้วอันโทนี่ยังทำอะไรได้มากกว่าซะด้วยซ้ำ มาร์กซิยาลเองก็อยู่ในขั้นตอนการเรียกความฟิตอยู่

สองเกมต่อไปได้เล่นในบ้านเราที่โอลด์แทรฟฟอร์ด หวังว่าจะทำได้ดีกว่านี้ยามที่สร้างเกมรุกต่อหน้าแฟนบอลของตนเอง แต่นัดนี้เกมรุกบอดสนิทจริงๆ

กดดันอะไรนิวคาสเซิลไม่ได้เลย นิค โป๊ป ถึงงานสบายรายได้ดีอย่างที่เห็น

10. สภาพจิตใจขาดความกระหาย *

ถูกอย่างที่เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์เอาไว้หลังเกมว่า ทีมเราแพ้นิวคาสเซิลในเรื่องนี้มากๆ ทั้งความกระหาย ทั้งแพชชั่น และความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ นักเตะนิวคาสเซิลแสดงความต้องการออกมาในเลเวลที่เหนือกว่ายูไนเต็ดมาก

ก่อนเกมเราก็ภาวนาว่าขออย่าให้ mentality ของทีมด้อยกว่านิวคาสเซิลในวันนี้เลย เพราะพวกเขาได้แรงแค้นของตระกูลอุจิวะเข้ามาเติมเต็มเชื้อไฟในใจสุดๆ หลังแพ้รอบชิงคาราบาวคัพแมนยูมาหมาดๆ

แล้วก็เป็นอย่างที่กลัวจริงๆ ระดับของจิตใจทีมเราแพ้ขาดลอยในเกมนี้

วันนี้ดูเหมือนว่าสาลิกาดงจะแก้แค้นได้ในเบื้องต้น เอาชนะเราด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จากความหิวกระหายและเข้มข้นของเรื่อง mentality ในสนามทุกๆประการ

"Desire / Determination / Passion" เรื่องจิตใจของทีมนิวคาสเซิล มีทั้งสามประการนี้ครบถ้วนและเหนือกว่าแมนยูทุกอย่างยิ่งกว่าหนังเรื่อง "303 กลัว กล้า อาฆาต" ซะอีก

แรงอาฆาตเค้าแน่นอนจริงๆ

ส่วนยูไนเต็ดดูจะฮึดไม่ขึ้น และสัมผัสแรงขับดังกล่าวไม่ได้เลย มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนิวคาสเซิลถึงชนะแมนยูไปแบบขาดลอยไร้ที่ติอย่างนี้ เพราะ "ฟุตบอล" เป็นกีฬาที่เอาชนะกันด้วยสภาพจิตใจจริงๆ

สรุปทั้งหมดทั้งมวลที่เรา "แกะข้อบกพร่อง" และจุดอ่อนของแมนยูออกมาได้เยอะแบบสุดๆจากเกมแค่นัดเดียว ก็หวังว่าการแพ้นัดนี้จะช่วยตบหน้าให้ทีม "ตื่น" ขึ้นมาสักที หลังจากฟอร์มยุบในลีกแบบไปไม่กลับหลับไม่ตื่นมาระยะใหญ่ๆแล้ว

ก็ได้แต่หวังว่า ในเมื่อเราจะยุบจริงๆตอนคาเซมิโร่ไม่อยู่ สองเกมข้างหน้าแฟนผีก็ทำใจกันก่อนเลยล่วงหน้าว่า รูปเกมมันอาจจะไม่สวยงามอย่างที่เราวาดหวังไว้ ในการเฝ้าบ้านต้อนรับเบรนท์ฟอร์ด และ เอฟเวอร์ตัน

แต่ถึงรูปเกมจะไม่ดี ขอให้สองนัดนี้ "ชนะ" ไว้ก่อน เพื่อยื้อให้คาเซมิโร่กลับมาในเกมถัดๆไปหลังจากนั้น ซึ่งบอลถ้วยก็จะเริ่มเตะเหมือนกันในช่วงกลางเดือนนี้

และถ้าคาเซ-เอริคเซ่น กลับมาเมื่อไหร่ ตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีให้ทีมเราสามารถแก้จุดบกพร่องหลายๆจุดในวันนี้ให้ดีขึ้น แล้วฟอร์มการเล่นของแมนยูอาจจะกลับมาได้อีกครั้ง

ฝ่าฟันมรสุมของฟอร์มการเล่นในช่วงนี้ไปให้ได้ เกมลีกยังเหลืออีกสิบกว่าเกมให้เราได้แก้ตัว ไม่ชนะนัดนี้ไปชนะเกมต่อไปแล้วกัน รักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ในโค้งสุดท้ายของซีซั่นให้ได้

ถ้าติดท็อปโฟร์ ปีหน้าจะทำให้การเสริมทีมและสร้างทีมใหม่ทำได้ง่ายขึ้นเยอะ อดทนไว้อีกนิด มันจะต้องดีกว่านี้แน่นอน แล้วฤดูกาลหน้าเรามาคุยกันอีกทีว่า จุดอ่อนที่คุยกันเหล่านี้ ข้อไหนมันแก้ไขได้บ้าง

ฤดูกาลนี้เราต้องรวมพลังเอาใจช่วยทีมให้ทำภารกิจสำเร็จให้ได้ครับแฟนผี

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด